วันพุธที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2552

ละครชีวิต

หายหน้าไปนานนะ ไม่ได้เขียนอะไรมาสักพักแล้ว ทำไมถึงไม่ได้เขียนน่ะเหรอ จะหาข้ออ้างอะไรดีล่ะ ไม่มีเวลา ทั้งๆที่ 1 วันก็มี 24 ชม.เท่าเดิม หรือว่าไม่มีไอเดีย นั่นยิ่งแล้วใหญ่ ไอเดียผุดขึ้นมามากมายอยากระบายเต็มที่ แต่แปลกนะ ร่างกายมันไม่สดชื่นเหมือนสมองเลยจริงๆ แต่เอาน่า จะบ่นทำไมมากมาย ยังไงวันนี้ก็ได้โอกาสมาปล่อยของแล้ว เข้าเรื่องเลยดีกว่านะ
เคยดูละครกันหรือเปล่า เคยสงสัยกันบ้างหรือเปล่าว่า ในชีวิตจริง เราสามารถมองออกอย่างชัดเจนเลยหรือเปล่านะ ว่าใครคือตัวดี ใครคือตัวร้าย ใครนางอิจฉา ใครเพื่อนพระเอก มันไม่ง่ายเหมือนในละครเลยนะ แต่อย่างไรก็ตาม วันนี้จะเล่นละครให้ฟังเรื่องนึง ละครชีวิตผมเอง ไม่มีชื่อเรื่องนะครับ รู้แต่ชื่อพระเอก หุหุ
ก่อนอื่นผมถามคุณๆกันหน่อย คุณเคยสนใจตัวละครในชีวิตคุณบ้างหรือเปล่าครับ ว่ามีตัวไหนกันบ้าง ตัวละครหลักที่ทุกคนมีเหมือนๆกันก็คงจะไม่พ้น พ่อ แม่ เพื่อนร่วมงาน ต่างๆ ซึ่งผมก็มีเหมือนกันกับทุกคน แต่วันนี้ผมจะไม่พูดถึงนะ มันธรรมดาไป
เริ่มต้นชีวิตในแต่ละวัน เมื่อจะต้องขับรถออกไปทำงาน ตัวละครแรกๆที่ผมสนใจคือ พี่รปภ.หรือเอาแบบถนัดปากเลยก็คือ ยาม โดยในอพาร์ตเมนท์ก็มียามอยู่หลายคน แต่มีแค่ 2 คนที่น่าสนใจ เพราะเป็นคนที่จะคอยเปิดประตูให้ คือเป็นคนกำหนดชีวิตของเราเลยว่า จะให้เราเข้าหรือออกจากที่พักหรือไม่ และยามกะกลางวันกับกลางคืนของอพาร์ตเมนท์ผม ก็มีนิสัยที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ไปว่ากันที่พี่ยามกลางวันก่อน พี่แกเป็นคนที่ผมอยากจะเรียกว่า service man เลยทีเดียว คือปกติที่หอผม เค้าให้คีย์การ์ดกับรถทุกคันที่พักอยู่ที่อพาร์ตเมนท์นี้อยู่แล้ว แต่ว่าพี่แกไม่เคยให้ผมต้องควักคีย์การ์ดออกมาใช้เลยสักครั้ง ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ผ่าน แกจะรีบกุลีกุจอมาเปิดทางให้รถเข้าออก พร้อมทั้งคอยโบกรถเพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ ซึ่งไม่ว่าขณะนั้นแกจะทำอะไรยุ่งอยู่แค่ไหน แกก็จะรีบวิ่งมาทำหน้าที่นี้อย่างไม่เคยเหน็ดเหนื่อย และนี่คือตัวละครที่ทำให้ผมต้องยิ้มและชื่นชมแกอยู่เสมอๆในทุกๆเวลาที่ผมต้องผ่านไปในเขตรับผิดชอบของแก
ซึ่งเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นแค่เวลากลางวันเท่านั้น เพราะเมื่อเป็นกะกลางคืน คุณจะได้ผมกับพี่โย่ง ยามกะกลางคืน ซึ่งแกไม่ได้ชื่อนี้หรอกนะ แต่รุปร่างแกทำให้ผมแทนคำเรียกแกด้วยคำนี้ พี่โย่งนี่แกแตกต่างกลับพี่ยามอีกคนนึงมาก คือแกไม่เคยเปิดประตูให้ผมเลยสักครั้งเดียว ไม่ว่าจะเข้าหรือออก ตอนแรกผมก็นึกว่าเป็นเรื่องปกติที่แกทำกับทุกคน แต่บางครั้งผมถึงกับงง เมื่อแกเปิดประตูให้รถคันหน้าผม และปิดลงเมื่อผมจะเข้า และทำให้ผมต้องควักคีย์การ์ดออกมาใช้งาน โดยที่พี่แกนั่งมองด้วยสายตานิ่งเฉย และในบางครั้งแกถึงกับไปยืนรอโบกรถให้ผม โดยที่ผมยังผ่านประตูไม่ได้ และแกก็ไม่สนใจเพราะนึกว่ายังไงผมก็ต้องมีคีย์การ์ด ซึ่งนั่นสร้างความรำคาญให้ผมมาก เพราะว่าคันอื่นๆผมเห็นเค้าก็เปิดให้ผ่านไปได้สบายๆ หรือว่าเค้าไม่ถูกใจอะไรผม แต่ว่าก็ว่าเถอะ ตอนแรกผมก็ไม่ค่อยจะถูกใจแกเท่าไร แต่มาตอนหลังผมคิดอย่างนี้ครับ ถ้าวันใดวันนึง มีรถหรือของใดๆที่อพาร์ตเมนท์หาย คุณว่าใครจะโดนเพ่งเล็งมากกว่ากันครับ ระหว่างพี่ยามกะกลางวันกับพี่โย่ง
ใช่ครับว่าการกระทำของพี่ยามถูกใจคนมากกว่า แต่พี่โย่งแกก็ยืดมั่นในหน้าที่ซึ่งนั่นอาจจะทำให้ใครหลายๆคนไม่พอใจ(หรือว่าผมไม่พอใจคนเดียวนะ) แต่ก็ไม่สามารถเอาผิดอะไรแกได้ เพราะว่าแกแค่ทำตามหน้าที่เท่านั้นเอง สุดท้ายผมได้ข้อสรุปว่าการทำงานของพี่สองคนนี้ก็เปรียบเสมือนการทำงานแบบไทยๆกับแบบฝรั่งครับ บางทีไทยเราอาจจะเน้นความสะดวกสบาย พอไปเจอแบบฝรั่งก็อาจจะอึดอัดบ้าง ทั้งๆที่มันเป็นเรื่องที่ถูก ว่าแต่ในละครชีวิตของคุณๆ มีตัวละคร "ยาม" บ้างหรือเปล่านะ ลองคิดกันดูนะ แล้วคราวหน้า ผมจะเล่าถึงตัวละครตัวต่อไปให้ฟัง พวกเค้า ขายของอยู่หน้าอพาร์ตเมนท์ผมเองครับ