วันพุธที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ของขวัญวันเกิด

เมื่อครบรอบวันเกิดเวียนมาถึงคนรักจึงเตรียมของขวัญสเน่หาถ้าเธอชอบคนให้คงอิ่มอุราและหวังว่าคงถูกใจไปอีกนาน
เตรียมค้นหารูปภาพจัดวางหน้าเลือกคัดมาเพียงรูปสวยรวยความหลังจัดตำแหน่งบรรจงวางจนครบคลังได้แต่หวังรูปพาย้อนก่อนวันวาน
วางรูปครบจบกระบวนเริ่มงานใหม่หันใส่ใจกรอบรูปสวยและพื้นหลังอยากให้ช่วยขับรูปสวยเด่นอลังด้วยใจหวังให้รูปนั้นดูงดงาม
เสร็จเรื่องภาพมาเรื่องเขียนแสนเวียนหัวหานิยามในตัวเจ้าของขวัญแต่สุดท้ายก็ได้ชื่อของตัวมันนั่นคือเครื่องย้อนวันและเวลา
จากนั้นเขียนคำนิยามไว้ด้านหน้าเปิดเข้ามาจะได้เห็นกลุ่มคำสวยบรรจงเขียน บรรจงแต่ง บรรจงอวยหวังจะช่วย เพิ่มอารมณ์ชมรูปเพลิน
อีกขั้นตอนที่สำคัญอย่างที่สุดแต่งกลองชุดไล่เรื่องราวคราวหนหลังตั้งแต่เริ่มหาภาพจนหมดคลังจนกระทั่งเสร็จสิ้นทั้งชิ้นงาน
ขั้นสุดท้ายจัดส่งอย่างเซอร์ไพรส์แค่อยากให้ตกตะลึงกับของขวัญตั้งใจทำตั้งใจสร้างทุกสิ่งอันหวังเธอนั้นเอ่ยว่าชอบคงขอบใจ
สุดท้ายนี้มีอีกสิ่งที่มอบให้แนบเอาไว้กับทุกหน้าของหนังสือแอบเอาไว้กับทุกรูปที่ในมือแนบไว้คือหัวใจคนให้เอย

คนกับเต่า เรากับปลา ฟ้ากับน้ำ

คนกับเต่า เรากับปลา ฟ้ากับน้ำ

ท้องฟ้าที่นี่กว้างใหญ่กว่าท้องฟ้าที่ครอบคลุมพื้นถนนด้านนอกอยู่มากทีเดียว ดูราวกับว่ามันเป็นท้องฟ้าคนละผืนกัน แต่ในความเป็นจริง มันยังคงเป็นท้องฟ้าผืนเดียวกัน ผิดกันแค่สิ่งที่เท้าเราสัมผัสอยู่ตรงนี้มันเป็นหญ้าที่นิ่มนวลไม่ใช่ปูนอันแข็งกระด้าง และที่สำคัญไปกว่านั้น สิ่งที่ทอดตัวขวางหน้าเราอยู่ยามนี้มันเป็นสระน้ำกว้างใหญ่ หาใช่ท้องถนนที่มีรถราวิ่งกันขวักไขว่ไม่
ณ ที่แห่งนี่ ที่ซึ่งมีเพียงสนามหญ้าขนาดย่อมและสระน้ำที่สุดแสนจะธรรมดา แต่ที่แห่งเดียวกันนี้ล่ะ ที่สร้างความผูกพันให้กับชีวิตที่อาศัยอยู่บนบกกับชีวิตที่อาศัยอยู่ในท้องน้ำเหล่านั้น ไม่ได้เลี้ยงดูกันมาตั้งแต่เล็ก ไม่ได้รู้จักกันมาตั้งแต่ครั้งยังเยาว์วัย แต่ปัจจุบันกลับผูกพันกันชนิดไม่สามารถแยกจากกันได้ เพราะอะไรจึงเป็นเช่นนั้นนะ
ในฝั่งของชีวิตบนบก เวลาในแต่ละวันเดินทางไปอย่างเร่งรีบ ต้องลืมตาตื่นก่อนพระอาทิตย์จะตื่น ต้องออกจากบ้านแทบจะพร้อมแสงอาทิตย์ออกเดินทาง ต้องทำงานแทบจะเท่าเวลาของแสงอาทิตย์ ตั้งหน้าตั้งตาหา
เลี้ยงชีวิตและครอบครัวกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ต่างกับฝั่งชีวิตในน้ำ ไม่รู้ว่าต้องตื่นเมื่อไร ไม่รู้ว่าต้องกินเวลาไหน ง่วงก็นอน หิวก็กิน ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้ และถึงแม้ชีวิตทั้งสองฝั่งจะต่างกันราวฟ้ากับดิน ไม่ใช่สิ ราวดินกับน้ำต่างหาก แต่สุดท้ายแล้วชีวิตทั้งสองฝั่งก็มาร่วมแบ่งปันกันได้ที่นี่ ที่ที่ดินต่อกับหญ้าและฟ้าต่อกับน้ำ
ในฝั่งของน้ำ ที่นี่มีเพียบพร้อมทั้งเจ้าปลาตะเพียนผู้เป็นมังสวิรัติ ไม่ผูกเสน่หากับเนื้อสัตว์ใดๆ ต่างกับเจ้าปลาดุกผู้พิสมัยเนื้อสัตว์มากกว่าพืชผักยิ่งนัก อีกทั้งยังมีเจ้าปลาหมอสีตัวน้อยผู้ไม่เคยเอาชนะใครได้ในการ
แย่งอาหาร เพราะร่างกายอันบอบบางร่างน้อยที่ได้รับมานั้นทำให้การเอาชนะเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้น ยังมีสิ่งมีชีวิตในน้ำที่น่าสนใจมากกว่านี้อีกมากแต่เกรงว่าหน้ากระดาษอันน้อยนิดนี้คงไม่พอที่จะบรรยาย จึงขอพาสิ่งมีชีวิตที่หน้าสนใจกว่ามาแนะนำ
หนึ่งในสองคือเจ้าปลาคาร์พซึ่งเป็นปลาที่ค่อนข้างจะไฮโซโก้เก๋ ซึ่งเราไม่ค่อยจะได้พบเห็นกันนักในสถานที่อย่างนี้ สถานที่ที่อยู่กันตามมีตามเกิด ไม่ใช่บ่อปลาของมหาเศรษฐีแต่อย่างใด และด้วยรูปลักษณ์ที่แตกต่างกับปลาอื่นๆ ทำให้เจ้าคาร์พต้องต่อสู้กับการเหยียดเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ไปจนกระทั่งเหยียดผิว ซึ่งเป็นปัญหาในการหาอาหารเลี้ยงชีพของมันมากทีเดียว แต่สุดท้ายปัญหานี้ก็ได้ถูกแก้ไขด้วยความใส่ใจจากสิ่งมีชีวิตบนบกซึ่งไม่ปล่อยให้เจ้าคาร์พต้องต่อสู้คนเดียว การต่อสู้ร่วมกันอาจจะไม่ได้ทำให้เจ้าคาร์พอิ่มกายได้มาก แต่ถ้ามันสัมผัสถึงความจริงใจของสิ่งมีชีวิตบนบกที่ร่วมต่อสู้กับมันได้ มันคงจะอิ่มใจมากมายเช่นกัน
ชีวิตสุดท้ายที่มีบทบาทสำคัญในสระน้ำแห่งนี้มันคือสิ่งมีชีวิตที่สามารถหดหัวได้โดยที่ไม่มีใครว่ามัน ต่างกับเราๆที่คำว่าหดหัว ช่างดูน่าสะอิดสะเอียนยิ่งนัก และไม่ว่ามันจะหดหัวด้วยเหตุใด หรือว่าจะหัวหดเพราะเหตุไหน มันก็เป็นเพียงแค่เต่าตัวน้อยที่หากินอยู่ที่นี่อย่างไม่ได้เบียดเบียนใคร เต่าที่แต่ดั้งเดิมเคยกินแต่ผัก จวบจนมารู้จักกับขนมปัง มารู้จักกับไส้กรอก จนเมื่อกลับไปกินผักอีกครั้ง กลับมีอาการไม่คุ้นลิ้นเกิดขึ้น และนั่นได้สร้างภาระให้กับชีวิตบนบกที่ไปพานพบมันยิ่งนัก แต่ก็เป็นภาระที่สุขใจอย่างยิ่งที่ได้ทำ เป็นภาระที่พร้อมจะแบกรับไว้อยู่ตลอดเวลา จนกว่าฝ่ายใดฝ่ายจะจากไป
และสำหรับใครก็ตาม ที่อยากจะลองสร้างความผูกพัน หรืออยากจะเป็นตัวแทนชีวิตบนบกเพื่อสัมผัสกับชีวิตในน้ำเหล่านั้น รบกวนให้ปลีกตัวออกมาจากชีวิตที่เร่งรีบ ปลีกตัวออกมาจากงานประจำที่เร่งรัด และเมื่อคุณว่าง ชีวิตในน้ำเหล่านี้ก็ว่าง และพร้อมจะสร้างความผูกพันกับคุณเสมอ ณ ที่นี่ ที่ซึ่งคนผูกพันกับเต่า ที่ซึ่งพวกเราผูกพันกับปลา และที่ซึ่งขอบฟ้าติดกับพื้นน้ำ หวังว่าคงได้พบกัน

กรมชลประทาน
เลขที่ 200 ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี

รวมเล่ม 8.ผู้หญิงส้นสูง

ความรักของผมเริ่มต้นขึ้นที่นี่ แม้ที่นี่มันจะเป็นแค่เพียง food center ของห้างสรรพสินค้าย่านชานเมือง แต่ลักษณะการแต่งองค์ทรงเครื่องของเธอคนนี้ มันกลับดูไฮโซมีระดับมากกว่านั้นมาก และด้วยกางเกงขาสั้นโชว์เรียวขาขาวสวยคู่นั้น มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ชายหนุ่มผู้พิสมัยความขาวอย่างผมจะเบี่ยงเบนสายตาออกไปจากขาสวยคู่นั้นได้ ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยสงสัยอะไรเกี่ยวกับรองเท้าส้นสูงแม้แต่น้อย แต่วันนี้ผมกลับสงสัยว่าใครกันนะที่คิดค้นสิ่งประดิษฐ์สุดวิเศษชิ้นนี้ขึ้นมา เพราะลำพังแค่เรียวขาคู่นั้นมันก็สะกดสายตาผมจนแทบจะไม่กล้ากระพริบตา แต่พอมันถูกตกแต่งด้วยรองเท้าส้นสูงของเจ้าหล่อนเข้ามาอีก อย่าว่าแต่สะกดสายตาผมเลย แม้แต่หัวใจผมก็พร้อมที่จะหยุดเต้น ขอเพียงเธอชายหางตาสะกดมาเท่านั้น

เสื้อยืด กางเกงยีน รองเท้าแตะ ผมก้มลงมองตัวเองพร้อมสบถอยู่ในใจ ราคาเครื่องแต่งกายผมทั้งตัวยังไม่น่าจะซื้อรองเท้าส้นสูงเธอข้างเดียวได้ ถึงแม้มันจะเป็นเพียงรองเท้าข้างที่เธอไม่ถนัดก็เถอะ แต่เอาวะด้านได้อายอด ผมอุทานในใจพร้อมใช้สมองซีก Playboy หาวิธีเปิดบทสนทนากับเธอคนนั้น

“มาคนเดียวหรือคะ” เสียงใคร ผมคิดในใจ พลางค่อยๆเงยหน้าขึ้นมอง และเพียงเสี้ยวเดียวของรองเท้าส้นสูงคู่นั้น มันก็บอกผมได้ทันทีว่าผมกำลังโดนรุกจากคนที่ผมคิดจะให้เธอตั้งรับซะแล้ว “ครับ ผมมาคนเดียว ว่าแต่คุณล่ะมาคนเดียวเหมือนกันหรือครับ” “ก็แล้วคุณอยากให้ชั้นมากับใครล่ะ อย่าคิดนะว่าชั้นไม่เห็นว่าคุณแอบมองขาชั้นสลับกับกลืนน้ำลายมานานสองนานแล้ว” โอย แย่แล้วสิครับ เกิดมาไม่เคยโดนจู่โจมขนาดนี้ แต่เอาก็เอาวะ ก็เรานั่งมองเค้าจริงๆนี่หว่า “ผมว่าไม่ใช่แค่ผมคนเดียวหรอกครับที่มองคุณ ไม่ว่าใครมานั่งอยู่ตรงที่ผมนั่ง ร้อยทั้งร้อยก็ต้องมองคุณ ก็เล่นขาวซะขนาดนั้น” “บ้า คุณนี่ แล้วชื่ออะไรคะนี่ แล้วจะให้ชั้นยืนคุยอย่างนี้อีกนานหรือเปล่า” “เอ่อ เชิญนั่งครับ ผมเอกครับ ยินดีที่ได้รู้จัก”

หลังจากนั้น ก็เป็นบทสนทนาของสองหนุ่มสาวโสด ที่มีชั้นเชิงและเข้าใจจังหวะของการสร้างความพึงพอใจแก่เพศตรงข้ามได้เป็นอย่างดี และเมื่อจังหวะมันทันกัน ความสัมพันธ์ก็บังเกิด ผมเองไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ทันผมที่สุดตั้งแต่เคยพานพบผู้หญิงมา ส่วนเธอก็ยอมรับว่าผมมีเสน่ห์และไม่น่ารำคาญที่สุด เท่าที่เธอเคยสัมผัสผู้ชายมาในจำนวนที่ไม่น้อยกว่าผมสัมผัสผู้หญิง แต่เธอเองสารภาพกับผมว่า ผมเป็นเพียงคนที่สองเท่านั้นที่เธอให้ความใกล้ชิดมากขนาดนี้ มากขนาดที่ผมคิดกับเธอตอนเห็นเรียวขาเธอครั้งแรกนั่นล่ะ

วันเวลาผ่านไปเพียงแค่ 3 วันหลังจากวันที่ผมเห็นขาเธอ มาถึงวันนี้ ผมได้เห็นมันอีกครั้ง เพียงแต่มันใกล้กว่าเดิม ใกล้กว่าเดิมมาก เพราะตอนนี้มันพาดพันอยู่บนคอผมอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง มาถึงตอนนี้ผมคงจะไม่อาจบรรยายอะไรได้มาก เพราะว่าปากและลิ้นผมกำลังทำหน้าที่ปรนเปรอความสุขให้เธออยู่ และถึงแม้ว่าผมจะต้องการหยุดมัน ผมก็คงทำไม่ได้ ตราบใดที่ท่อนขาเรียวงามของเธอยังคงเกี่ยวกระหวัดรัดต้นคอผมอยู่อย่างนี้ ผ่านไปไม่กี่นาทีเธอก็แสดงความต้องการออกมาอีกครั้งว่าเพียงแค่ลิ้นคงไม่เพียงพอกับอารมณ์ปรารถนาของเธอในตอนนี้ ผมตอบสนองเธอทันทีราวกับกลัวว่าจะไม่มีโอกาสนี้อีก ผมมอบความเป็นชายอันแข็งแกร่งและบึกบึนให้กับเธอ ในขณะเดียวกันเธอแลกมันคืนให้ผมด้วยความอ่อนนุ่ม โอบอุ้มและชุ่มชื้น พลันสิ้นเสียงครางของเราสองคนไปสักพัก ผมและเธอก็กอดก่ายกันเยี่ยงคู่รักทั่วไป ต่างกันเพียงแค่ว่าเรารู้จักกันเพียง 3 วัน และทุกๆความคืบหน้าของความสัมพันธ์ เธอเป็นคนเริ่มต้นส่วนผมเพียงแค่ตอบสนองอย่างสุดสนานเท่านั้นก็พอ

วันเวลาผ่านไปอีก 3 วัน และ 3 วันที่ผ่านมานี้ ผมไม่ได้เจอเธอเลย เธอหายเงียบไปราวกับว่าเธอลืมไปแล้วว่าโลกนี้ยังมีผมอยู่ หรือว่าโลกของเธอมันไม่เคยมีผมอยู่มาตั้งแต่แรกแล้วนะ เบอร์มือถือของเธอคือข้อมูลอย่างเดียวที่ผมรู้เกี่ยวกับตัวเธอ และ 3 วันมานี้มันไม่เคยจะติดต่อได้เลยสักครั้ง นี่ผมกำลังจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้หรือนี่

3 วันแรกที่รู้จักกันเธอมอบรสรักให้ผมอย่างชนิดที่ผมไม่เคยได้จากที่ไหน ทั้งอบอุ่น ดุดัน รุกเร้าและอ่อนโยนไปในคราวเดียวกัน การสำลักความสุขเป็นอย่างไรผมเพิ่งเคยรู้ และอีกอย่างที่ผมอาจจะได้รู้คือ 3 วันหลังจากนั้น ผมต้องสำลักความทุกข์ ตั้งแต่ผมตื่นขึ้นมาวันนี้ผมเฝ้าแต่คิดว่าอะไรในตัวเธอกันนะที่ทำให้ผมคิดถึงจะเป็นจะตายขนาดนี้ แววตา รอยยิ้ม คำพูด เรือนร่าง หรือท่วงทำนองรักที่เธอมอบให้กันนะ ใครเล่าจะตอบมันได้นอกจากตัวผมเอง

วันเวลาผ่านไป 3 ปีแล้วนะ 3 ปีที่ผมไม่ได้เจอกับเธอ 3 ปีที่ผมทราบคำตอบแล้วว่าอะไรที่ทำให้ผมคิดถึงเธอเสมอมาและนี่เป็น 3 ปีที่ผมเฝ้าตามหาสิ่งที่เธอมอบให้ แต่เนื่องจากผมไม่เคยตามเธอเจอและเธอเองก็ไม่เคยกลับมา ผมจึงตามหามันในตัวผู้หญิงคนอื่นแทน คุณคิดว่าผมตามหาอะไรกันนะ หรือว่าคุณเดาถูกกันอยู่แล้ว ใช่แล้วล่ะที่ผมใช้เวลา 3 ปีลองคบกับผู้หญิงราว 20 คน ก็เพียงเพื่อหาคนที่มีท่วงทำนองและจังหวะรักที่เหมือนเธอ ผมได้รับความรู้สึกทั้ง อบอุ่น อ่อนโยน ดุดัน แต่มันไม่เคยมีใครสักคนที่ส่งผ่านความรู้สึกให้ผมได้ครบทุกอย่างและผมกำลังตามหาต่อไป จะเป็นเธอคนนั้นที่กระโปรงสั้น หรือจะกระโปรงยาว ใส่บิกินี่หรือเปลือยเปล่า ผมไม่สนใจ ขอแค่เพียงเธอคนนั้นกับส้นสูงคู่นั้น กลับมาเติมเต็มรสรักให้ผมอีกครั้ง ผมพร้อมจะยอมแลกทุกอย่าง ถึงแม้มันเป็นรสรักครั้งสุดท้ายในชีวิตผมก็ยอม ผมรักคุณนะ......ผู้หญิงส้นสูงของผม

วันเสาร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2552

รวมเล่ม 7.หัวหิน นอร์เวย์ sebastian


วินาทีนี้ผมกำลังอยู่บนทางด่วน ผมตั้งหน้าตั้งตาถ่ายน้ำหนักจากปลายเท้าลงสู่คันเร่งอย่างเต็มกำลังจนกระทั่งเข็มไมล์แสดงความเร็วไม่ต่ำกว่า 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ชั่วขณะหนึ่งที่สมองและจิตใจของผมว่างเปล่า ผมดึงตัวเองย้อนกลับเข้าไปในมิติเวลาเพื่อระลึกให้ชัดเจนอีกครั้งว่าผมกำลังมุ่งหน้าไปที่แห่งนี้ทำไม

“พี่จะไปทำอะไรตั้งสี่วัน” ไอ้ต้นรุ่นน้องที่แผนกเอ่ยถามอย่างสุดฉงนเกี่ยวกับช่วงเวลาที่ผมจะใช้ในการเดินทางคราวนี้ “กูก็ไปเที่ยวสิวะถามได้” ผมตอบไปตามความจริงโดยมิได้ตรึกตรองอะไรมากมายเพราะสำหรับผม 4 วันยังออกจะน้อยเกินไปไม่เพียงพอสำหรับการพักผ่อนหย่อน “ใจ” เลยสักนิด เพราะการไปครั้งนี้ของผมนั้นเป็นการค่อยๆประคองหัวใจดวงนี้ของผม นำมันไปหย่อนลงในสถานที่ที่ปลอดมลพิษทางจิตใจและเต็มไปด้วยบรรยากาศที่ดีไม่ใช่เพียงแค่สักแต่ว่าหย่อน “ใจ” ลงไปที่ใดก็ได้โดยไม่ได้ละเอียดลออต่อหัวใจของตัวเองแม้สักนิด “หัวหินนี่นะ เค้าเที่ยวกันสองวันก็หมดแล้ว” เสียงของไอ้ต้นสะกิดให้วิญญาณผมสะดุ้งขึ้นมาอีกครั้ง เพียงชั่วครู่ผมกลั่นกรองคำตอบที่รวมความต้องการของสมองและหัวใจเข้าด้วยกันเพื่อคลายความสงสัยของน้องอีกครั้ง “นั่นมันคนอื่นเที่ยวว่ะ สำหรับพี่ พี่อยู่ได้เป็นเดือน”

ป้ายที่เห็นอยู่ข้างหน้าพยายามบอกทางผมอย่างเคร่งครัดราวกับมันรู้ว่าผมเพิ่งเคยขับรถมาทางนี้เป็นครั้งแรก แถมมันคงรู้อีกด้วยว่าผมยังมีการเตรียมตัวดูแผนที่อย่างน้อยนิดเหตุผลที่ทำให้ผมไม่เตรียมตัวนั่นเพราะผมเคยได้ยินมาว่าไม่เคยมีใครขับรถจากกรุงเทพไปหัวหินแล้วหลงทางเลยแม้สักคน หรือว่าผมจะได้รับเกียรตินี้เป็นคนแรกกันนะ ผมตามป้ายดาวคะนองตรงไปจนกระทั่งพบกับป้ายบอกทางสมุทรสาครขวางหน้าอยู่อย่างกลัวว่ามนุษย์ผู้เดินทางมาอย่าง “น้อยการเตรียมตัว” จะมองไม่เห็น และด้วยความเร็วคงที่ในการเคลื่อนตัวของเจ้าพาหนะ 4 ล้อคู่ใจ ผมใช้เวลาเพียงชั่วโมงไม่ถึงครึ่งพาตัวเองเคลื่อนที่เข้าสู่จุดเล็กๆในความทรงจำจุดหนึ่งที่ตัวผมเองไม่เคยลืมเลือน ย้อนวันคืนกลับไปในวัยเด็ก ผมโตมากับเพลงลูกทุ่ง ลูกกรุง ที่พ่อเปิดขับกล่อมมาตั้งแต่ยังเล็กยังน้อย และคุณลุงชรินทร์ นันทนาคร ก็เป็นหนึ่งในเจ้าของบทเพลงทั้งหลายที่พ่อได้เชิญมาร้องขับกล่อมผมอยู่ในเครื่องเล่นเทปคาสเซตเป็นประจำ ซึ่งปัจจุบันเครื่องเล่นเทปคาสเซตก็ได้ตายตามยุคสมัยหลงเหลือไว้เพียงภาพความคลาสสิกที่คนรุ่นกลางเก่า กลางใหม่อย่างผมยังคงคร่ำครวญถึง “ท่าฉลอมกับมหาชัย จะคิดทำไมว่าไกลเชื่อมความรักไว้ดีกว่า” เสียงเพลงของลุงชรินทร์ซึ่งร้องผ่านเทปคาสเซตดังขึ้นในหัวผมทันทีราวกับตั้งเวลาเปิดอัตโนมัติไว้ เนื้อเพลงท่อนนี้นั้นกล่าวหยอกล้อกับความกว้างของแม่น้ำท่าจีนที่คั่นกลางระหว่างสองอำเภอนี้ไว้รวมทั้งยังคั่นกลางความรักระหว่างสองหนุ่มสาวที่เติบโตกันคนละฝั่งแม่น้ำ แต่การคั่นกลางของแม่น้ำท่าจีนนั้น ปัจจุบันนี้ไม่ได้มีความหมายใดหลงเหลืออีกแล้วเพราะความสะดวกสบายที่มนุษย์ต่างไขว่คว้าหานั้นมันได้สร้างให้เกิดสะพานที่สามารถพาความรักบรรจุลงในรถยนต์คันงามควบตะบึงข้ามแม่น้ำท่าจีนได้อย่างสบายโดยไม่ได้ยี่หระในความลำบากที่คนรุ่นคุณลุงชรินทร์ต้องเผชิญแม้เพียงสักนิดเดียว

สติของผมจดจ่ออยู่กับความเร็วที่ผมสร้างขึ้นด้วยปลายเท้าอีกครั้ง ผมใช้เวลาอีกไม่นานเคลื่อนผ่านสมุทรสาคร สมุทรสงครามจวบจนกระทั่งเคลื่อนที่เข้าสู่เพชรบุรี และทันใดนั้นผมก็พบกับป้ายหัวหินแสยะยิ้มอยู่ตรงหน้า ผมไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือไม่แต่ผมว่ามันยักคิ้วให้ผมราวกับมันจะรู้ว่าในบรรดารถทุกคันที่มุ่งหน้ามาสู่หัวหินนั้น หัวใจภายใต้รถคันนี้คือหัวใจที่ร้องเรียกหาหัวหินมาอย่างยาวนานและยังคงเปล่งเสียงดังที่สุดอย่างไม่อายใคร

นี่ไม่ใช่การเดินทางมาหัวหินครั้งแรกของผม ก่อนหน้านี้ราว 2 ปีผมเคยเดินทางเคลื่อนที่ตามรางมายังสถานีหัวหินแล้วครั้งหนึ่ง ความร้อนและความเมื่อยล้าที่ได้รับจากการเดินทางคราวนั้นทำให้กล้ามเนื้อและผิวหนังทุกส่วนของร่างกายผมไม่เคยลืมมัน อบอ้าวที่กายแต่เย็นชื้นที่ใจ เมื่อยล้ากล้ามเนื้อแต่สุขเหลือเกินใคร นั่นคือนิยามสั้นๆที่ผมคิดว่าร่างกายของผมอยากจะเอ่ยถึงการเดินทางในคราวนั้น และวันนี้ผมพาตัวเองมาถึงหัวหินอีกครั้ง หัวหินที่ใครบางคนกล่าวว่าแค่ 2 วันก็สามารถรู้จักหัวหินได้อย่างสนิทสนมชนิดล้อชื่อบิดากันได้ แต่สำหรับผมหัวหินไม่ต่างจากสาวใหญ่ซึ่งผ่านชีวิตมาอย่างยาวนาน ผ่านทุกประสบการณ์ทั้งดีและร้าย แต่ถึงอย่างไรในตอนนี้สาวใหญ่คนนี้ยังคงความงามสมวัยที่สามารถดึงดูดใจหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่จากเมืองหลวงอันห่างไกลให้มุ่งหน้าเดินทางมาเชยชมความงามของหล่อน ความงามที่มีเสน่ห์ชนิดที่สาวแรกรุ่นไม่สามารถจะเลียนแบบได้ และวันนี้ ชั่วโมงนี้ นาทีนี้ ผมคือชายหนุ่มอีกคนจากเมืองหลวงที่หลงเสน่ห์อันเย้ายวนของเธอ จนกระทั่งมายืนอยู่ตรงนี้ วันเวลา 4 วันที่ผมกำแน่นอยู่ในมือเพียงเพื่อที่จะมาทำความรู้จักกับเธอนั้น ใครบางคนอาจกล่าวว่ามากเกินพอ แต่สำหรับผม สาวใหญ่พราวเสน่ห์เช่นนี้ เพียงแค่โอบกอดในเวลาไม่กี่วันไม่มีทางทำให้รู้จักเธอดีพอ แต่ผมก็หวังเพียงว่าผมคงมี 4 วันที่ดีที่สุดภายใต้อ้อมกอดของสาวใหญ่ที่ผู้ชายทั้งไทยและเทศฝันถึงนางนี้

นี่คืออาหารมื้อแรกของผมที่หัวหิน ก๋วยเตี๋ยวเรือรสจัดซึ่งตั้งอยู่บนชั้น 2 ของสถานที่ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นลูกสาวคนเล็กของหัวหิน เธอชื่อเพลินวาน เธอคือสาวแรกรุ่นที่ผู้ปกครองพยายามแต่งองค์ทรงเครื่องเธอด้วยอาภรณ์โบราณด้วยมุ่งหวังอยากให้เธอเป็นสาวย้อนยุคผู้ดึงดูดหนุ่มวัยรุ่นจากแดนไกลให้เข้ามาสัมผัสเธอ และผมคิดว่าความตั้งใจครั้งนี้ไม่ได้สูญเปล่า เสน่ห์อันเย้ายวนใจของโลกใบเก่าที่หมุนช้ากว่าโลกใบปัจจุบันและเพียงองศาเล็กๆของทุกการหมุนกลับเต็มไปด้วยรายละเอียดมากมายซึ่งไม่เพียงแต่จะคอยอธิบายทุกเหตุการณ์ที่โลกใบเก่าใบนั้นหมุนผ่าน แต่ยังหลงเหลือเอาไว้เพื่อเติมเต็มจินตนาการให้กับคนในโลกปัจจุบันที่เดินเข้ามาด้วยความสงสัยในความละเอียดของการบันทึกร่องรอยการหมุนในโลกใบเก่าใบนั้นใบที่พวกเขาไม่คุ้นเคย ผมก้าวเข้าสู่โลกของสาวน้อยเพลินวานอย่างเต็มไปด้วยความบันเทิงอารมณ์ สัมผัสทั้ง 5 ของผมเปิดรับทุกความแปลกใหม่ของเธอ ความแปลกใหม่ภายใต้เครื่องห่อหุ้มยุคเก่าที่เร้าทุกความรู้สึกของผมอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง สัมผัสแรกของผมผมเลือกใช้การมองเห็นเป็นสิ่งแรก ทุกๆการมองเห็นของผมในอ้อมกอดของเพลินวานนั้นเต็มไปด้วยสีสันแปลกตา ธงเล็กๆสลับสีถูกร้อยเรียงจากฝั่งซ้ายไปสู่ฝั่งขวาและย้อนกลับจากขวาไปสู่ซ้ายอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย อีกทั้งสีของร้านรวงทั้งสองฝั่งที่ถูกแต่งแต้มด้วยสีน้ำตาลให้อารมณ์ของบ้านริมฝั่งคลองเป็นอย่างยิ่ง และเมื่อผมเดินก้าวลึกเข้าไปใกล้ใจกลางของเพลินวานเรื่อยๆ สายตาผมก็สะดุดอยู่กับชิงช้าสวรรค์ขนาดกลางอันให้บรรยากาศของงานวัดในสมัยเก่าซึ่งก็ยังคงมีเล็ดรอดมาในปัจจุบันบ้างแต่ไม่ใช่ในเมืองกรุงที่ผมอาศัยอยู่เป็นแน่ ด้วยประสบการณ์ทางสายตาที่ผมกำลังสัมผัสอยู่ซึ่งประกอบไปด้วยสีสันต่างๆที่พาให้ผมย้อนกลับไปนึกถึงวัยเด็กอีกครั้ง วัยเด็กที่เคยเดินทางไปเยี่ยมบ้านริมคลองของคุณปู่ที่ให้บรรยากาศไม่แตกต่างจากร้านรวงสีน้ำตาลที่เพลินวานบรรจงสรรค์สร้างขึ้นเลยสักนิดเดียว

ในขณะที่ผมกำลังล่องเรืออารมณ์อยู่ในทะเลสาบแห่งความสุขทางสายตาอยู่นั้น สัมผัสทางการได้ยินของผมก็ทำหน้าที่ราวกับว่ากลัวจะน้อยหน้าสัมผัสอื่นๆ โสตประสาทการได้ยินของผมกำลังใจจดใจจ่อ อยู่กับเสียงร้องที่ประกอบกับเครื่องดนตรีนานาชนิดที่ร่วมประสานเสียงพาอารมณ์ของผมถอยหลังออกจากทะเลสาบ มุ่งหน้าตรงเข้าสู่ท้องทุ่งนาอันเขียวขจี แม้ว่าตัวผมเองจะไม่เคยใช้ชีวิตผูกพันกับท้องทุ่งนาเท่าไรนัก แต่ในขณะนี้ผมถูกเสียงบางอย่างที่เข้ามากระทบกระบวนการได้ยินอีกทั้งนำผมดำดิ่งลงสู่ภาพท้องทุ่งนาในจินตนาการอย่างจมลึกราวกับผมเป็นหนึ่งในต้นข้าวน้อยๆ ที่กำลังพลิ้วไหวไปตามลมอยู่กับเพื่อนๆต้นข้าวนับร้อยนับพันที่กำลังเริงร่าอยู่เช่นเดียวกัน ผมนึกในใจว่านี่สินะ ที่ทำให้คนดนตรีสมัยก่อนขนานนามเสียงที่กำลังกระทบหูทั้งสองข้างของผมอยู่นี้ว่า “เพลงลูกทุ่ง”
“16 ปี แห่งความหลัง ทั้งรักทั้งชังทั้งหวานและขมขื่น 16ปีเหมือน 16 วัน รักเอ๋ยช่างสั้นไม่ยั่งยืน มีหวานมีชื่น มีขื่นมีขม ” เสียงเพลงอมตะของครูเพลงอมตะ สุรพล สมบัติเจริญ เจ้าของบทเพลงมากมายที่ยังคงทำหน้าที่ขับกล่อมแฟนเพลงที่จงรักภักดีอย่างไม่เคยเหน็ดเหนื่อย แม้ตัวเองจะจากไป แต่เสียงเพลงในหัวใจของแฟนเพลงยังคงอยู่ ราวกับว่าท่วงทำนองเพลงเหล่านี้วางตัวอยู่เหนือการผันเปลี่ยนของเวลาและไม่มีทีท่าว่ามันจะเสื่อมลงตามกาลเวลาแต่อย่างใด

เมื่อการมองเห็นและการได้ยินนำผมไปสู่ประสบการณ์ในแต่ละห้วงเวลาอย่างเต็มอิ่มแล้ว การได้กลิ่นและการลิ้มรสจึงพานพบกับผมอย่างสนิทชิดเชื้อในรูปแบบของเหล่าขนมกินเล่นต่างๆที่ผมเคยรู้จักในวัยเด็ก แน่ล่ะว่าเมื่อก่อนผมเคยหลงใหลไปกับพวกมันและคิดต่อว่าผู้ใหญ่ที่พยายามห้ามปราม ไม่ให้ผมเอาชีวิตไปผูกพัน กับพวกมันมากมายนัก แต่พอเวลาหล่อหลอมผมจนมาถึงปัจจุบันผมตระหนักรู้แล้วว่าด้วยคำเตือนแห่งความหวังดีเหล่านั้นที่ทำให้ผมเติบโตมาได้จนทุกวันนี้

ในขณะที่สัมผัสทั้งสี่พาผมเต็มอิ่มกับทุกอารมณ์แห่งความสุขสันต์ ผมไม่คำนึงถึงสัมผัสที่ 5 เท่าใดนักเพราะทุกสัดส่วนของสาวเจ้าเพลินวานนั้นได้ถูกแตะต้องไปแล้วไม่มากก็น้อย แน่ล่ะถึงแม้จะเป็นเพียงสัมผัสเล็กน้อยของชายหนุ่มจากเมืองหลวง แต่มันก็คงจะสร้างความวาบหวามในเสี้ยวอารมณ์ให้กับเธอบ้าง และผมหวังว่านั่นจะเพียงพอที่จะทำให้เรากลับมาพบกันอีกครั้งไม่ว่ามันจะเกิดขึ้นเพราะความคิดถึงของผมหรือเธอก็ตาม

ที่นี่มีแต่ต้นโกงกาง ผมคิดอย่างนั้นตั้งแต่ย่างก้าวแรกภายใต้สวนอนุรักษ์ธรรมชาติปราณบุรีแห่งนี้ เหล่าต้นไม้รากยาวหน้าตาประหลาดเหล่านี้ที่ทำหน้าที่คอยยึดหน้าดินไม่ให้ถูกกัดเซาะจากความรุนแรงของน้ำที่คอยทำร้ายตลิ่งอย่างมิได้ตั้งใจ รวมทั้งเจ้าต้นไม้หน้าตาลึกลับเหล่านี้ยังเป็นที่อยู่ของสัตว์มากมายที่ยินดีจะอยู่ในป่าชายเลนโดยไม่ได้กลัวต้นไม้หน้าตาพิศวงเหล่านั้นอย่างที่ผมเป็น ระหว่างที่ผมกำลังชื่นชมธรรมชาติอยู่อย่างดื่มด่ำนั้น ผมก็พบกับอีกกิจกรรมที่น่าจะเติมเต็มการหย่อนใจของผมได้อย่างเต็มรูปแบบและเมื่อผมคิดได้อย่างนั้นผมจึงตัดสินใจที่จะล่องเรือชมปากน้ำปราณโดยมิได้รีรอแต่อย่างใด ปากน้ำปราณแห่งนี้เป็นจุดเชื่อมระหว่างน้ำเค็มกับน้ำจืด และนั่นทำให้ชาวบ้านละแวกนี้คุ้นเคยกับแหล่งน้ำทั้งสองราวกับญาติสนิทมิตรสหายเลยก็ว่าได้ สิ่งที่ผมพบเห็นตลอดสองริมฝั่งน้ำที่ผมล่องผ่านไปก็คือเรือประมงทุกขนาดที่จอดรอเวลาออกหาสัตว์ทะเลในยามค่ำคืน โดยถึงแม้ขณะนี้เรืออาจจะจอดอยู่ในจุดกึ่งกลางระหว่างน้ำเค็มและน้ำจืดแต่ทั้งสองน้ำก็พร้อมจะเปิดต้อนรับเหล่าเรือประมงผู้ซึ่งทำหน้าที่เกื้อกูลและเกื้อหนุนให้ชีวิตริมน้ำเหล่านั้นดำรงอยู่สืบต่อกันมานับร้อยปี ซึ่งความผูกพันทั้งหลายเหล่านี้ผสานแทรกซึมเข้ามาในกระพุ้งแก้มจนทำเอาผมเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัวเลยทีเดียว

หลังจากที่ผมล่ำลากับปากน้ำปราณเป็นที่เรียบร้อยแล้วผมก็ตัดสินใจพาร่างกายอันเหนื่อยล้าแต่ซุกซ่อนหัวใจอันเปี่ยมสุขเดินทางกลับมายังที่พัก ซึ่งเป้าหมายของการกลับมาครั้งนี้ไม่ใช่การพักผ่อนตามที่ร่างกายต้องการ แต่ผมกลับเลือกที่จะทำตามประสงค์ของหัวใจด้วยการตัดสินใจนำฝ่าเท้าไปสัมผัสกับเม็ดทรายน้อยๆริมชายหาดหัวหินที่ผมสามารถเดินเท้าไปพบปะได้ด้วยระยะทางเพียงไม่กี่ก้าวจากที่พักที่ผมได้จับจองไว้ในคราแรก และด้วยการที่ผมได้พาฝ่าเท้าออกไปพักผ่อนครั้งนี้กลับเป็นการเดินทางไปสู่ประสบการณ์อันหอมหวานที่ผมไม่สามารถลืมเลือนมันได้เลยแม้แต่สักวินาทีเดียว

ขณะนี้ผมกำลังพาเธอผู้ครอบครองอีกครึ่งหนึ่งของหัวใจของผมมาสัมผัสกับชายหาดหัวหิน(หรือก่อนหน้านี้คุณคิดว่าผมมาคนเดียวกันนะ)เราสองคนมีโอกาสได้ทำหน้าที่เจ้าของบ้านที่ดีด้วยการตอบคำถามเกี่ยวกับถนนหนทางให้กับชายหนุ่มวัยกลางคนคนหนึ่งซึ่งในหนึ่งวันก่อนหน้านี้เขาใช้ชีวิตอยู่ไกลจากเราไม่ต่ำกว่าครึ่งค่อนโลก แต่ในขณะนี้เขาเดินทางข้ามโลกมาเพื่อสัมผัสกับดินแดนซึ่งผมกำลังทำความรู้จักอยู่ในวินาทีนี้ และด้วยสถานที่ที่ชายต่างแดนจะไปนั้นเป็นเป้าหมายเดียวกับผมที่จะไปลิ้มลองอยู่พอดีนั่นทำให้เราทั้งสามคนตัดสินใจร่วมทางกันเดินตั้งแต่บัดนั้นและสถานที่แรกที่เราทั้งสามร่วมทางกันก็คือ Night market อีกหนึ่งหลักไมล์ของหัวหินที่พวกเราทุกคนไม่ยอมจะพลาดถนนเส้นที่เป็นดังลมหายใจในยามค่ำคืนของหัวหินเส้นนี้

นี่เป็นครั้งที่สองที่ผมได้มาสัมผัสกับสีสันในยามค่ำคืนของที่นี่ พ่อค้าแม่ขายต่างทำหน้าที่กันอย่างเคร่งครัด และไม่แพ้กัน เหล่าสินค้าน้อยใหญ่ต่างพากันอวดโฉมอย่างละลานตาราวกับกลัวว่าตนเองจะหมดความสำคัญ สิ่งเหล่านี้อาจแปลกตาไปบ้างสำหรับครั้งแรกที่ได้พบเจอแต่ในครั้งนี้ความแปลกตาแปลกใจของผมกลับไปผูกอยู่กับความแปลกตาแปลกใจของใครอีกคนหนึ่ง Sebastian คือชื่อของใครคนนั้น เพื่อนใหม่ที่ผมเพิ่งรู้จักกันที่ชายหาดเมื่อไม่เกินหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้และผมยังไม่รู้ว่าสิ่งที่เราทั้งคู่รู้เกี่ยวกับเรื่องราวของอีกฝ่ายนั้นเพียงพอที่จะใช้คำว่า “รู้จัก”ได้หรือยัง สิ่งที่ผมได้มาพร้อมกับการเดินเที่ยวใน Night market ครั้งนี้นั่นก็คือประวัติของเพื่อนต่างแดนผู้นี้และเพื่อที่ในวันต่อไปคุณจะรู้จักเขามากขึ้นผมขอแนะนำเขาคนนี้ให้คุณรู้จักสักนิด เขาเกิดที่สวิตเซอร์แลนด์และสามารถพูดได้ถึงสี่ภาษา และทั้งหมดนั้นคือ อังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน เยอรมัน อีกทั้งเขายังพอฟังภาษาอิตาลีได้บ้าง แต่ทั้งหมดนั้นก็ไม่ช่วยอะไรผมเลยเพราะผมทำได้แค่เพียงพูดอังกฤษสำเนียงไทยโดยใช้คำศัพท์ง่ายๆเท่านั้นแต่นั่นก็ไม่ได้เป็นกำแพงคั่นความสัมพันธ์ของเราแต่อย่างใด ผมยังอยากจะแนะนำเพิ่มอีกว่าขณะนี้เขาทำงานอยู่ที่นอร์เวย์และนอร์เวย์ไม่ใช่ประเทศแรกที่เขาไปทำงานนอกบ้าน เม็กซิโก อังโกลา มาเลเซีย คือตัวอย่างประเทศที่เขาเคยไปเหยียบย่ำทำงานมา ในขณะนี้เขามาพักร้อนที่เมืองไทยเพียงคนเดียว ถึงแม้นี่จะไม่ใช่การมาไทยครั้งแรกของเขาแต่นี่คือครั้งแรกของเขาที่หัวหิน ผมไม่แปลกใจว่าทำไมหนุ่มวัยสามสิบห้าจากนอร์เวย์คนนี้ ถึงเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาเพียงเพื่อทำความรู้จักกับสาวใหญ่ลือชื่อในประเทศขวานทองแห่งนี้ ก็อย่างที่ผมเคยบอกคุณเสน่ห์ของเธอไม่เคยเป็นสองรองใครและในช่วงเวลาที่เหลือนี้ผมจะพาคุณไปพบกับอีกหลายเสน่ห์ของหัวหินที่คุณจะไม่มีทางลืมเลือน

หลังจากเสร็จสิ้นการดูแลกระเพาะอาหารในช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ตกดินบน Night market แล้ว ผมทิ้งตัวลงอย่างเหน็ดเหนื่อยในห้องพักที่สะดวกสบายสมกับราคาค่างวดที่ผมยอมจ่ายเพื่อซื้อความสบายเหล่านี้ นี่จะเป็นคืนแรกหลังจากที่ผมตระเวนทำความรู้จักกับญาติสนิทของสาวใหญ่อย่างหัวหิน โดยผมได้รับโอกาสให้ใกล้ชิดกับน้องสาวคนเล็กอย่างเพลินวานอีกทั้งได้ละเลียดเวลาแห่งการกลับคืนสู่ธรรมชาติกับคุณลุงปราณบุรี ลุงแก่ที่ยังคงขับเคลื่อนสังคมริมฝั่งน้ำอย่างทะมัดทะแมง ถึงแม้ใบหน้าของลุงจะเต็มไปด้วยริ้วรอยของประสบการณ์ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ลุงกลายเป็นคนแก่หลงยุคแต่อย่างใด ประสบการณ์ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้กลับกลายเป็นอีกหนึ่งในแรงดึงดูดนับร้อยที่พาคนหนุ่มคนสาวมาสัมผัส มารู้จัก และรับฟังประสบการณ์อันยาวนานเฉกเช่นเดียวกับที่ผมได้สัมผัส ผมพาตัวเองลุกขึ้นจากเตียงนอนอันแสนนุ่มอีกครั้งเพื่อเข้าไปสัมผัสกับสายน้ำจากฝักบัวที่จะคอยชำระล้างร่างกายของผมในทุกอณู ผมตั้งใจที่จะทำร่างกายให้สะอาดเพื่อรอเวลาที่จะประสานกับหัวใจที่สดชื่นและเดินทางเข้าสู่ความสุขในยามราตรีที่มนุษย์ทุกผู้ทุกนามรู้จักกับมันมาตั้งแต่ลืมตาดูโลกแล้วนั่นเอง ผมเช็ดเนื้อเช็ดตัวและแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่โปร่งสบายโดยหวังเพียงว่ามันจะเป็นความง่ายถ้าผมจำเป็นจะต้องสลัดร่างกายออกจากเสื้อผ้าเหล่านี้เพียงเพื่อออกเดินทางไปรู้จักกับหัวหินอีกครั้งแม้มันจะเป็นเพียงในฝันก็ตาม

อรุณแรกแห่งหัวหินเล็ดรอดจากม่านบังตาที่หน้าระเบียงพาตัวเองเข้ามาในห้องเพียงเพื่อมาสะกิดผมให้ตื่นขึ้นมารับรู้กับความสดชื่นในยามเช้าตรู่ที่หัวหินบรรจงมอบให้ ผมไม่อาจปฏิเสธความหวังดีครั้งนี้ได้จึงจำยอมบอกลาเจ้าหมอนน้อยพลางพยุงตัวเองเข้าไปสัมผัสกับสายน้ำอุ่นซึ่งหลั่งไหลลงมาราวกับจะแย่งชิงพื้นที่สกปรกในร่างกายผม ผมยืนสัมผัสกับสายน้ำเหล่านั้นเพียงชั่วครู่พรางนึกย้อนถึงการนัดหมายที่เกิดขึ้นเมื่อวาน การนัดหมายที่เป็นเสมือนสัญลักษณ์ที่นำไปสู่การเริ่มต้นของสัมพันธภาพอันยิ่งใหญ่ระหว่างคนสองคนที่มีถิ่นฐานบ้านเกิดห่างไกลกันอย่างสุดลูกหูลูกตา ด้วยความเย็นของทุกหยดน้ำที่ไหลลงมานั้นทำให้ผมจำเป็นต้องดึงตัวเองออกจากจินตนาการและรีบสวมเสื้อผ้าอาภรณ์เตรียมตัวเองให้พร้อมเพราะในช่วงสายของวันที่สองภายใต้การโอบล้อมของหัวหินนี้ ผมนัดพบกับพ่อหนุ่มจากยุโรปอีกครั้งในเวลาที่ไม่เช้าจนเกินไปนัก ผมปล่อยเวลาให้พระอาทิตย์เริ่มทำงานไปได้ราวสี่ชั่วโมงจึงได้ออกมารอหน้าที่พักตามสถานที่ที่เรานัดหมายกันไว้ โปรแกรมที่เราตกลงกันว่าจะไปร่วมผจญภัยกันในวันนี้นั้นมีสองสถานที่ใหญ่ๆ สถานที่แรกผมจะพาเราไปรู้จักกับอีกหนึ่งสิ่งมีชีวิตที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศไทยมาอย่างยาวนานส่วนอีกสถานที่หนึ่งนั้นเป็นที่อยู่ของสิ่งก่อสร้างซึ่งเป็นตัวแทนของหนึ่งบุรุษผู้เป็นที่พึ่งทางใจของคนไทยมาอย่างยาวนานเช่นเดียวกัน

สิบโมงตรงคือเวลาที่ล้อเริ่มหมุน เราทั้งสามคน(ผมบอกแล้วนะว่าผมไม่ได้มาคนเดียว) มุ่งหน้าออกจากที่พักด้วยความเร็วพอประมาณ เราเคลื่อนที่อย่างใจเย็นเพราะได้เพื่อเวลาไว้อย่างพอเหมาะแล้วและด้วยเหตุผลทั้งหลายทั้งมวลเหล่านี้นั่นทำให้เรามีโอกาสชมบรรยากาศริมถนนทั้งสองฝั่งของหัวหินได้เป็นอย่างดี และเพียงเวลาไม่ถึงเศษเสี้ยวของชั่วโมงเราทั้งสามก็มาถึงสถานที่ซึ่งเป็นเป้าหมายแรกของเราในวันนี้ ปางช้างหัสดินทร์ ปางช้างแห่งนี้ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองหัวหินมากนักนั่นทำให้สะดวกต่อการเดินทางของเราเป็นอย่างยิ่ง วินาทีแรกที่ผมมองเข้าไปภายในปางช้างแห่งนี้ ความรู้สึกแรกที่เข้ามากระทบกระเทือนการรับรู้ของผมก็คือความสงสาร ภาพรวมของที่นี่ผมจำเป็นต้องบรรยายด้วยคำว่าเงียบเหงา ผมรับรู้ว่าช้างทั้งหมดที่นี่มีอยู่ด้วยกัน 12 เชือก และในขณะนี้ทั้งหมดทุกเชือกก็ถูกปล่อยให้เดินเล่นกันตามอัธยาศัยเพราะว่าไม่มีแขกผู้มาเยือนเลยแม้แต่คนเดียว นั่นทำให้เหล่าคชสารทั้งหมดไม่จำเป็นที่จะต้องแสดงโชว์ใดๆเพื่อเป็นการเร้าอารมณ์ผู้ชมแม้สักนิด พวกเราไม่รอช้าพยายามถามผู้ต้อนรับในทันทีว่ากิจกรรมที่เราสามารถที่จะทำร่วมกับเจ้าบ้านร่างใหญ่เหล่านี้นั้นมีอะไรน่าสนใจบ้าง คำตอบที่ได้รับกลับมาสร้างความกลัวกึ่งเสียวให้กับเราในทันทีทันใดแต่ความรู้สึกนี้นั้นเกิดขึ้นกับสองชีวิตเชื้อชาติไทยเพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น เพราะในตอนนี้คำตอบเดียวกันนั้นได้สร้างความรู้สึกอยากจะลิ้มลองให้ลุกโชนขึ้นในแววตาของผู้มาเยือนจากต่างเชื้อชาติอีกผู้หนึ่งแล้ว

ผมกำลังนั่งอยู่บนหลังของปีเตอร์ ควาญช้างจากสุรินทร์แนะนำชื่อของเจ้างายาวตัวที่ผมกำลังขี่อยู่ว่าอย่างนั้น และในขณะเดียวกัน รัศมีคือชื่อของช้างสาววัยสะคราญผู้กำลังแบกรับน้ำหนักของชายหนุ่มตาน้ำข้าวเพื่อนรวมเดินทางของผมซึ่งกำลังลิงโลดอยู่บนหลังช้างสาวโดยไม่ได้เกรงกลัวการเกิดอุบัติเหตุใดๆเลย หนึ่งชั่วโมงเต็มคือเวลาที่เราตกลงกันไว้ในการชมทัศนียภาพภายในปางโดยการเดินทางรูปแบบใหม่ มุมมองจากด้านบนที่ผมได้รับสร้างความตื่นเต้นและเวียนศีรษะให้กับผมพร้อมๆกันไป แต่สิ่งที่สร้างปัญหาให้ผมอันดับต้นๆก็คือเส้นใยแดดจากท้องฟ้าที่เจ้าวงกลมสีแดงทรงพลังบรรจงปล่อยลงมาโลมเลียผิวกายผมราวกับว่ามันจะไม่มีโอกาสได้ส่องแสงอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น แต่ในขณะที่มันเป็นอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ของผมมันก็กลับเป็นลำแสงแห่งความสุขให้กับชายอีกคนที่จงใจจะปล่อยวางเสื้อไว้นอกร่างกายเยี่ยงนั้น Sebastian มีสีหน้าเพียบพร้อมไปด้วยความสุขเปรียบดังว่าแสงแดดที่แผดเผาเราอยู่นี้คือสิ่งที่เค้าตามหามาทั้งชีวิต และหลังจากที่ผมพยายามเค้นหาความจริงกับเขาด้วยภาษาอังกฤษสไตล์ของผมเองนั้น คำตอบที่ได้มาทำให้ผมไม่สามารถจะทักท้วงอะไรกับเขาได้อีก เพราะเขาเองไม่สามารถหาอะไรอย่างนี้ในประเทศแถบสแกนดิเนเวียที่เขาทำงานอยู่ได้เลย

เสร็จสิ้นจากการขึ้นรับแสงตะวันบนหลังเพื่อนร่างใหญ่แล้ว เราทั้งหมดใช้เวลาชมการแสดงของพลายน้อยวัยเจ็ดขวบผู้เคยข้ามน้ำข้ามทะเลไปโชว์ตัวที่แดนปลาดิบมาแล้วครั้งหนึ่ง และด้วยความสามารถรวมทั้งความแสนรู้ของเจ้าช้างน้อยนั่นทำให้การเดินทางไปในครั้งนี้ของเราเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง

แต่แล้วเมื่อเราเดินทางออกจากปางช้างด้วยใจอันอิ่มเอมนั้น ผมเองกลับคิดไปอีกทางหนึ่งว่า ถ้าในทุกช่วงที่วันเวลาเดินผ่านไปด้วยความเร็วเท่าเดิม เหล่านักท่องเที่ยวที่เดินทางมาที่ปางแห่งนี้มีจำนวนเพียงเท่านี้ การมาเยือนหัวหินรอบหน้าของผมอาจจะไม่พบปางช้างแห่งนี้อีกแล้วก็ได้ ผมหวังว่าสิ่งที่ผมคิดมันจะไม่เกิดขึ้นจริง แต่ใครล่ะจะกล้ารับประกัน

หลังตอบสนองความต้องการพื้นฐานของร่างกายในช่วงเที่ยงเรียบร้อยแล้ว คณะของเรา(สามคนก็ใช้คำว่าคณะได้นะผมว่า) ก็เริ่มออกเดินทางไปรู้จักกับหัวหินในทุกพื้นผิวให้มากยิ่งขึ้น ยิ่งเวลาในการอยู่ร่วมกันมากเท่าไร ความสัมพันธ์ของผมกับเพื่อนต่างแดนก็มากยิ่งขึ้น เราคุยกันถึงเรื่องที่เราทั้งสองต่างอยากรู้เกี่ยวกับเรื่องราวของอีกฝ่าย ศิลปะ วิทยาศาสตร์ และศาสนา ล้วนเป็นหัวข้อที่เราต่างคุยกันอย่างออกรสออกชาติ จำนวนประโยคที่เราสื่อสารกันออกไปเพิ่มมากขึ้นตามจำนวนเวลาที่เราเดินทางไปไหนต่อไหน และบทสนทนาที่ค่อยๆเพิ่มขึ้นเหล่านั้นยังเป็นตัวแทนซึ่งบอกให้เรารู้ว่า เราต่างพยายามมอบความไว้ใจให้กันและกันมากขึ้น สมองส่วนภาษาอังกฤษของผมทำงานไปพร้อมกับสมาธิในการขับรถที่ทั้งสองส่วนล้วนสร้างภาระให้กับรอยหยักในศีรษะของผมอย่างไม่หยุดยั้ง จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาถึงบ่ายแก่ๆ เราก็เดินทางมาถึงอีกหนึ่งสถานที่ซึ่งเป็นที่ตั้งของหนึ่งสิ่งก่อสร้างซึ่งเป็นตัวแทนของความเคารพที่ชาวพุทธทั้งหลายมีมอบให้กับมหาบุรุษผู้เป็นที่สักการะของคนไทยครึ่งค่อนประเทศ ผมบังคับลิ้นให้อ่านออกเสียงป้ายชื่อสถานที่นี้อย่างช้าๆเพื่อไม่ให้พยัญชนะอังกฤษที่ลอยอยู่ท่วมสมองของผมตอนนี้มามีผลกับการอ่านป้ายคำภาษาไทยง่ายๆสี่พยางค์นี้
“วัดห้วยมงคล” ผมเปล่งเสียงออกมาอย่างโล่งใจว่าตัวเองยังคงใช้ภาษาของตนเองได้ดีอยู่ จากนั้นผมสับสวิตซ์ที่ลิ้นเพื่อใช้ภาษาอังกฤษอีกครั้งเพียงเพื่ออธิบายอย่างสุดความสามารถถึงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ที่คนรุ่นผมได้ยินมาเนิ่นนานเกี่ยวกับเจ้าของรูปปั้นยักษ์ที่ตั้งตระหง่านถ้าลมถ้าแดดอยู่ต่อหน้าเราตอนนี้ จากปากต่อปากจากรุ่นสู่รุ่นผมเชื่อว่าน้อยคนนักที่เรียกตัวเองว่าชาวพุทธแล้วจะไม่รู้จักหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดผู้นี้ ผมเองทั้งได้ฟังและได้อ่านเกี่ยวกับประวัติของหลวงปู่มาไม่น้อยไปกว่าใครแต่สิ่งที่เรียกรอยยิ้มน้อยตรงริมฝีปากของผมออกมาได้อย่างไม่รู้ตัว คือคำจำกัดความของหนึ่งหนุ่มต่างศาสนาที่เดินทางมาสักการะหลวงปู่ทวดพร้อมกับผมนั่นเอง เขาบอกกับผมว่าความสามารถของหลวงปู่ทวดนั้นช่าง “useful” เสียจริงๆ ผมเองไม่ได้มองเป็นเรื่องของการลบหลู่ดูหมิ่นใดๆทั้งสิ้นแต่กลับเห็นด้วยกับ Sebastian อย่างเต็มกำลัง แต่ไม่ว่าความสามารถของหลวงปู่จะถูกจำกัดความด้วยคำว่าอะไร ผมภาวนาเอาไว้ว่าอย่างน้อยพวกเราเหล่าชาวพุทธทั้งหลายคงไม่มาสักการะเพียงเพื่อหวังปาฏิหาริย์ของหลวงปู่ทวดแค่เท่านั้น แต่ขอให้หลวงปู่เป็นแรงบันดาลใจในการที่จะประพฤติปฏิบัติตนเป็นคนดีเฉกเช่นที่หลวงปู่แสดงให้เห็นตลอดชีวิตสมณะเพศของหลวงปู่ เพียงเท่านี้ก็น่าจะเพียงพอที่จะทำให้ศาสนาของเรายืนหยัดต่อสู้กับยุคสมัยไปได้อีกนานแสนนาน

ผมแบมือพลางเพ่งมองไปที่ฝ่ามือของตัวเอง สี่วันที่ผมกำเอาไว้ภายใต้อุ้งมือเพื่อที่จะมาใช้ที่นี่นั้น ขณะนี้เหลืออีกเพียงครึ่งเดียว และวันนี้คงเป็นวันสุดท้ายที่ผมกับเพื่อนผมทองจะเดินทางร่วมกันภายใต้ท้องฟ้าและก้อนเมฆของหัวหิน แหล่งท่องเที่ยวที่เราจะไปกันในวันนี้คืออีกหนึ่งสถานที่ธรรมชาติที่เป็นหนึ่งเดียวของหัวหิน ด้วยความที่เรามีเป้าหมายเพียงแค่หนึ่งเดียวในวันนี้ นั่นทำให้ผมสามารถที่จะลืมตาตื่นได้ช้าที่สุดเท่าที่ผมจะเคยทำมาในสามวันที่ผันผ่านไป ผมแปรงฟันพลางเพ่งมองในกระจกเพื่อเตือนตัวเองอีกครั้งให้มีสติอยู่ตลอดเวลากับทุกวินาทีของที่นี่ ผมไม่อยากพลาดทำสติหลุดลอยแม้เพียงชั่วเสี้ยวนาทีเพราะผมกลัวที่จะสะดุ้งรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้งแล้วรู้ว่าตัวเองกลับจากหัวหินไปแล้ว ผมยิงฟันพลางใช้ข้อมือบังคับแปรงขึ้นลงอย่างช้าๆ พลางส่งยิ้มให้ตัวเองในกระจกอีกครั้งทางแววตา หนุ่มน้อยในกระจกมองกลับมาพร้อมกับส่งยิ้มเย้ยหยันกลับมาดังกับว่าจะเยาะเย้ยผมที่เหลือเวลาเพียงวันเดียวในการแตะต้องหัวหินให้ทั่วทุกรูขุมขน

น้ำที่นี่เย็นยะเยือก ผมจินตนาการถึงความเย็นไว้ก่อนที่ผมจะได้มาสัมผัสสายน้ำที่ไหลลงมาตามภูเขาเหล่านี้อยู่แล้ว แต่มันก็ยังให้ความรู้สึกเย็นยะเยือกอยู่ดี ผมและคนข้างกายไม่ได้พร้อมที่จะลงไปเริงระบำในลำน้ำแต่อย่างใด แต่กับมัจฉาผมทองที่ผมกำลังมองอยู่นี่เขาทำราวกับว่าในหนึ่งชาติภพนี้เขาจะได้ไม่ได้พบกับน้ำตกอีกเลย เราใช้เวลาชมน้ำตกกันเกือบหนึ่งชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ และผมยังใช้เวลาอีกราวครึ่งชั่วโมงเพื่อแนะนำให้เขารู้จักกับน้ำตกป่าละอูแห่งนี้อันเป็นเพียงน้ำตกหนึ่งเดียวในเมืองหัวหิน ถ้าผมเปรียบเพลินวานเป็นดังน้องนุชสุดท้อง เปรียบปากน้ำปราณเป็นดังคุณลุง พี่ชายของสาวใหญ่หัวหิน น้ำตกป่าละอูแห่งนี้คงไม่ต่างกับพี่สาวคนโตของหัวหินที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาไม่น้อยกว่าใคร ทุกอณูของหยดน้ำตกเหล่านี้บอกเล่าถึงเรื่องราวของป่าละอูได้เป็นอย่างดี และถึงแม้นี่จะเป็นสถานที่สุดท้ายที่ผมจะได้มาเยือนในการมาเหยียบหัวหินครั้งนี้แต่นี่ก็จะเป็นหนึ่งในสถานที่แรกๆที่ผมจะ “คิดถึง” ในช่วงเวลาที่ผมลาจากหัวหินไปแล้ว

สติของผมกำลังจะหลุดลอย นี่คือคืนสุดท้ายภายใต้ราตรีของหัวหินแห่งนี้ เมื่อใดก็ตามที่ผมตื่นขึ้นมา นั่นหมายถึงช่วงเวลาที่ผมจำเป็นจะต้องเตรียมตัวเดินทางกลับสู่เมืองหลวง กลับสู่งานประจำที่น่าเหนื่อยหน่ายอีกครั้ง ผมไม่อยากหลับตา ผมอยากลืมตาอยู่อย่างนี้เพื่อจดจำดวงดาวทุกดวงบนท้องฟ้า และเมื่อใดก็ตามที่ผมเหนื่อยล้าในอยู่ในเมือง เพียงผมเงยหน้าขึ้นทักทายกับดวงดาวที่ผมคุ้นเคย มันจะทำให้ผมรู้สึกถึงรอยจูบของหัวหินขึ้นมาอีกครั้ง แต่ไม่ว่าจะอย่างไร สุดท้ายก็ไม่มีใครเอาชนะธรรมชาติได้ สติผมกำลังจะหลุดลอย ผมพยายามต่อสู้ อีกครั้งและอีกครั้ง

ผมนัดพบเพื่อนร่วมเดินทางกลับไว้ในเวลาบ่ายสองโมง ด้วยความสัมพันธ์ตลอดเกือบสามวันที่หัวหินทำให้ผมตัดสินใจชวน Sebastian กลับกรุงเทพด้วยเมื่อรู้ว่าเค้าจะเดินทางกลับในเวลาใกล้เคียงกัน ถนนจากหัวหินไปสู่กรุงเทพยังคงเป็นเส้นเดิมเส้นเดียวกับที่ผมเดินทางมา แต่เมื่อผมจะต้องเหยียบคันเร่งขึ้นมาจริงๆ เส้นทางไปและเส้นทางกลับช่างห่างไกลกันยิ่งนัก เพียงแค่ทางขนานคนละฝากฝั่งถนนแต่มันเหมือนเป็นกำแพงยักษ์ขวางกั้นผมไว้ระหว่างอารมณ์อิ่มเอมกับอารมณ์ขุ่นมัว แค่เพียงสองชั่วโมงที่ผมกำลังจะก้าวผ่านต่อจากนี้ ผมรู้สึกราวกับว่ามันกินเวลานับเป็นปี นี่เป็นครั้งแรกในรอบสี่วันที่ผมกำลังหันหลังให้หัวหิน ผมมั่นใจว่าชายหนุ่มผู้ซึ่งพูดได้สี่ภาษาก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน บรรยากาศภายในรถดูเงียบเหงาเมื่อเราค่อยๆเดินทางผ่านแต่ละจังหวัดที่เคยใช้เป็นสะพานต่อเชื่อมจากกรุงเทพไปสู่หัวหิน ผมและเธอตกลงกับเพื่อนต่างแดนว่าจะไปเดินดูของกันที่สุดยอดตลาดนัดใจกลางกรุงในวันรุ่งขึ้น ผมไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของเราทั้งสามคนจะเดินทางไปอีกไกลแค่ไหน สิ่งที่ผมทำได้คือทำแต่ละวินาทีต่อจากนี้ให้ดีที่สุด แตกต่างกับความสัมพันธ์ของผมกับหัวหิน เพียงไม่กี่กิโลเมตรจากกรุงเทพกลับดูเหมือนไกลเหลือเกินเมื่อคำนึงถึงภาระต่างๆที่คอยฉุดรั้งผมไว้ ผมมั่นใจเหลือเกินว่าผมคงโหยหาอ้อมกอดอุ่นของสาวใหญ่วัยกลางคนนางนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่อีกไม่นาน ผมจะอยู่ไกลเกินกว่าที่ปลายนิ้วของหัวหินจะสามารถสัมผัสตัวผมได้ แต่ถึงอย่างไรมันคงไม่ไกลจนเกินไปนักถ้าผมพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะยื่นแขนออกไปสัมผัสปลายมือนุ่มของหัวหินมือนั้น จากนอร์เวย์มาถึงหัวหินกี่มหาสมุทรกั้น จากกรุงเทพมาหัวหินคงไม่ลำบากกว่ากัน นาทีนี้ผมยังคงได้แต่ครุ่นคิด หัวหิน นอร์เวย์ Sebastian แล้วสักวันเราคงได้พบกัน