วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

รวมเล่ม 23.ลูกจุดโทษ



คุณกล้ายิงจุดโทษในนาทีสุดท้ายหรือเปล่า?

ผมตัดสินใจที่จะเลือกฟุตบอลเป็นอาชีพตั้งแต่ยังไม่ได้ทำบัตรประชาชน พ่อผมซึ่งเปรียบได้กับโค้ชคนแรกในชีวิตของผมบอกผมเสมอว่า ขาคู่นี้ของผมสามารถที่จะเปลี่ยนชะตาชีวิตผม จากเด็กธรรมดาคนนึงให้กลายเป็นดาวรุ่งที่คนทั้งโลกจับตามองได้ และตลอดมาผมเลือกที่จะเชื่อเช่นนั้น

ตั้งแต่ฟุตบอลนักเรียนไล่เรียงขึ้นมาจนเป็นระดับเยาวชนทีมชาติ เมื่อใดก็ตามที่ทีมได้จุดโทษ ผมเสนอตัวรับผิดชอบหน้าที่นี้เสมอและมันทำให้ผมรู้เป็นอย่างดีว่า มีคนมากมายที่ไม่กล้าแม้กระทั่งจะรับหน้าที่นี้แต่ในขณะเดียวกันก็พร้อมที่จะเหยียบคุณให้จมดินหากคุณทำหน้าที่ผิดพลาด และคนพวกนี้ก็เป็นคนจำพวกเดียวกันกับพวกที่คอยหลบอยู่หลังคุณในเวลาที่คุณยิงจุดโทษและแสร้งดีใจเมื่อคุณทำหน้าที่ไม่พลาดทั้งที่ในจิตใจของเขาเหล่านั้นเต็มไปด้วยความอิจฉาในความสำเร็จของคุณ ผมไม่ได้มองโลกในแง่ร้ายเพราะผมรู้ว่ามีคนเหล่านี้อยู่ในทุกวงการ แน่นอนว่าในวงการของพวกคุณก็มี ผมยืนยัน แต่ถ้าผมไม่บอกคุณว่าเพื่อนร่วมทีมที่ดีก็มีเช่นกัน คุณคงคิดว่าผมขี้ระแวงจนเกินไป เอาเป็นว่าผมบอกคุณอีกครั้งละกันว่าเพื่อนร่วมทีมที่ดีก็มีอยู่จริงเช่นกันและแน่นอนในวงการของคุณก็คงมี

แน่นอนว่าเมื่อผมรับผิดชอบลูกจุดโทษมาตั้งแต่เริ่มเข้าวงการมันทำให้หน้าที่นี้ติดตัวผมมาจนกระทั่งผมก้าวเข้าสู่วงการฟุตบอลอาชีพในฐานะดาวรุ่งที่มาแรงที่สุดในขวบปีนั้น ในระดับสโมสรแน่นอนว่าแต่ละสโมสรย่อมมีเจ้าของสัมปทานเดิมรับหน้าที่ตรงนี้อยู่ และเมื่อผมก้าวเข้าไปในฐานะน้องใหม่ ผมเคารพในฝีเท้าของรุ่นพี่และไม่เข้าไปก้าวก่ายหน้าที่ของเขา แต่เมื่อโค้ชได้เห็นฝีเท้าของผมจนกระทั่งรู้แน่ชัดว่าผมน่าจะรับหน้าที่นี้ได้ดีกว่า เขาก็พร้อมที่จะยึดคืนมันมาจากนักเตะรุ่นพี่เพื่อมามอบให้กับผม และแน่นอนผมไม่เคยปฏิเสธ

การที่ผมถูกปลูกฝังให้เชื่อมั่นในตัวเองและกล้าที่จะรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองไม่ว่ามันจะยิ่งใหญ่แค่ไหน บางครั้งมันก็ทำให้ผมถูกมองด้วยสายตาที่ไม่หวังดีในหลายรูปแบบ แต่ผมก็เชื่อคำสอนของพ่อเสมอว่าชีวิตของเรา เราลิขิตได้เองและการยิงจุดโทษให้ทีมก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผมเลือกที่จะลิขิตอนาคตให้กับตัวผมเองและทีม

วันเวลาผ่านไปพร้อมกับประสบการณ์ที่เพิ่มพูนเข้ามา ผมประสบความสำเร็จในอาชีพอีกครั้งด้วยการถูกเรียกตัวเข้าสู่ทีมชาติเป็นครั้งแรกในการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก และผมคือนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่ถูกเลือกในการแข่งขันในครั้งนี้

การแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกครั้งนี้ เราทำหน้าที่ได้ดีจนกระทั่งเข้าใกล้ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมากที่สุดตั้งแต่ที่ประเทศเราเล่นฟุตบอลกันมา และด่านสุดท้ายที่เราจะต้องผ่านไปให้ได้ก็คือ ทีมชาติญี่ปุ่น มหาอำนาจฟุตบอลเอเชียในโลกยุคปัจจุบัน
ซึ่งจะเป็นฝ่ายมาเยือนเราที่กรุงเทพมหานคร ผมรู้ข่าวดีตั้งแต่ตอนซ้อมว่าผมจะได้รับโอกาสลงเล่นเป็นตัวจริงในนัดประวัติศาสตร์นี้ ความเครียดและความกดดันถาโถมจนทำให้ผมไม่สามารถข่มตานอนลงได้โดยง่าย โดยเฉพาะในคืนนี้ซึ่งเป็นคืนก่อนที่การแข่งขันจะเริ่มในวันรุ่งขึ้น

คนดูร่วมเจ็ดหมื่นยัดทะนานเข้ามาเต็มความจุของสนามกีฬาแห่งชาติ อีกทั้งยังมีฝูงชนที่ซื้อตั๋วไม่ทันซึ่งรวมตัวกันดูจอใหญ่อยู่ที่หน้าสนาม และแน่นอน ฟรีทีวีทุกช่องทำหน้าที่ถ่ายทอดสดการแข่งขันนัดนี้สู่สายตาผู้ชมทั้งประเทศ เราจำเป็นที่จะต้องชนะเท่านั้น จึงจะได้ไปเล่นฟุตบอลโลก ในขณะที่ญี่ปุ่นขอเพียงแค่ผลเสมอก็เพียงพอ นั่นทำให้เราไม่ต้องคิดอะไรนอกเหนือไปจากบุก บุก บุก และบุก

จนแล้วจนรอดประตูขึ้นนำของเราก็ไม่เกิดขึ้น แต่แล้วพระเจ้าก็เข้าข้างประเทศของผมทั้งๆที่ท่านไม่เคยเข้าข้างประเทศของผมเลยตั้งแต่เราเริ่มเตะฟุตบอลกันมา

ญี่ปุ่นทำฟาล์วเราในกรอบเขตโทษทำให้ทีมเราได้จุดโทษในนาทีสุดท้ายของเกมส์และถ้าเราเปลี่ยนโอกาสสำคัญนี้ให้เป็นประตูได้ ฟุตบอลโลกครั้งแรกจะมาเยือนพวกเราทันทีโดยไม่ต้องสงสัย ในสนามตอนนี้เสียงดังอื้ออึงไปหมด สายตาทุกคู่ทั้งในและนอกสนามจับตาดูว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบภาระอันใหญ่หลวงครั้งนี้ แน่นอนว่าถึงแม้ผมจะยังเด็กและใหม่ต่อทีมชาติ แต่ผมก็พร้อมจะรับหน้าที่โดยไม่มีอิดออด

ความผิดพลาดเพียงอย่างเดียวของโค้ช คือเขาไม่ได้มอบอำนาจลงมาว่า ใครจะเป็นคนรับผิดชอบหน้าที่นี้ ผมกวาดสายตามองไปรอบๆ ผู้เล่นบางคนก้มหน้าไม่สบตาใครราวกับว่ากลัวที่จะต้องรับผิดชอบความหวังของคนทั้งชาติ บางคนหัวเราะราวกับว่าตัวเองมีหน้าที่แค่รอใครซักคนเข้ามาจัดการภาระตรงนี้ และหลังจากนั้นเขาจะซ้ำเติมหรือเสแสร้งใดๆ ก็สุดแล้วแต่ บางคนก็ดูสบายๆเพราะรู้ตัวดีว่าเขาไม่มีความสามารถพอสำหรับหน้าที่ตรงนี้และไม่เคยพยายามที่จะมีมัน

โค้ชชี้มาที่ผม ผมเป่าปากโดยไม่รู้ว่าโล่งใจหรือหนักใจกันแน่ที่มันเป็นผม ผมมองไปที่ผู้เล่นอาวุโส หลายคนดูไม่พอใจที่ทำไมไม่เป็นเขา ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ผมก็ไม่เห็นพวกเขาเสนอตัว บางคนส่งสายตาเป็นกำลังใจให้ผมอย่างผู้ใหญ่ที่เข้าใจโลก ซึ่งผมก็ส่งสายตาแห่งไมตรีตอบกลับไป

ผมถือบอลไปวางที่จุดโทษ ขณะนี้ทั้งสนามเงียบกริบราวกับป่าช้า กองเชียร์ทุกคนกลั้นหายใจเพื่อรอลุ้นจุดโทษที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลของประเทศ ถ้าผมยิงเข้า ทุกคนคงร่วมยินดีกับผม หนังสือพิมพ์คงพาดหัวว่า ผมเป็นฮีโร่ของคนทั้งชาติ กลับกันถ้าผมพลาดปฏิกิริยาจากเพื่อนร่วมทีมคงมีหลายแบบ แต่จากมุมมองของคนภายนอกผมคงเป็นแค่เด็กอวดเก่งคนหนึ่ง ซึ่งไม่รู้คุณค่าของจุดโทษประวัติศาสตร์ครั้งนี้ แต่ดันเสนอหน้ามารับผิดชอบและหนังสือพิมพ์ก็คงพาดหัวข่าวไม่ต่างไปจากนี้

ผมรู้ดีถึงความสามารถของผมเองและไม่เคยขอรับผิดชอบอะไรที่มากมายไปกว่านั้น ผมไม่เคยไปจับโจร ไม่เคยไปผ่าตัด ไม่เคยทำอะไรมากกว่าในสิ่งที่ผมถนัด และผมมั่นใจว่ามันไม่ได้เป็นสิ่งที่ใหญ่เกินกว่าที่ผมจะรับผิดชอบ

ผมยิงข้ามคาน ผมตั้งใจมากเกินไปจนไม่สามารถที่จะยิงให้เหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมาได้ แต่ผมก็ยังยืนยันว่าผมทำดีที่สุดแล้ว

"เด็กโง่คนนึงทำให้ไทยอดไปบอลโลก" "หยิ่งยโสจนพลาดโอกาสสำคัญ" "ขี้เก็กจนทำทีมพัง" หนังสือพิมพ์ทุกเล่มในประเทศพาดหัวไม่ต่างไปจากนี้มากนักและมันเป็นไปตามที่ผมคาด เพื่อนร่วมทีมต่างพูดกันว่าทำไมไม่ให้เขายิง ทุกคนพูดเช่นนั้น แม้กระทั่งคนที่ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาโค้ชในช่วงเวลาสำคัญนั้น

คนทั้งประเทศโกรธและเกลียดจนถึงขั้นจะเนรเทศให้ผมไปเล่นฟุตบอลที่ประเทศอื่น เหตุผลที่เราไม่ได้ไปฟุตบอลโลก ทุกคนคิดว่าเป็นเพราะผม

ไม่มีแม้ซักวินาทีที่ผมจะคิดว่า ถ้าผมยิงเข้ามันจะเป็นเช่นไร คนทั้งประเทศคงจะแซ่ซ้องสรรเสริญผม ยกย่องผมราวกับพระราชา แต่พูดก็พูดเถอะ มันคงไม่มีวันนั้น

ผมใช้เวลาทำใจอยู่นานเช่นกัน โชคดีที่ผมมีครอบครัวเป็นกำลังใจและเข้าใจในตัวผมอยู่เสมอ นั่นทำให้ความผิดหวังของคนทั้งชาติก็ไม่สามารถที่จะทำให้ผมรู้สึกแย่ไปกว่านี้ได้

วันเวลาผ่านมาจนกระทั้งร่างกายผมไม่สามารถเล่นฟุตบอลต่อไปได้ ผมแก่เกินกว่าที่จะยืนหยัดในสนามได้ถึง 90 นาที และหลังจากผมแขวนสตั๊ด คำถามที่ผมพบบ่อยที่สุดคงหนีไม่พ้นคำถามจำพวก ถ้าย้อนเวลาได้ผมอยากจะย้อนไปแก้ไขจุดโทษลูกนั้นหรือไม่ ผมตอบไปว่า ถ้ากลับไปได้จริงๆ ผมก็จะกลับไปยิงอีกครั้ง และยืนยันที่จะไม่ให้คนอื่นยิง แต่ถึงแม้ วันเวลาจะย้อนกลับไปไม่ได้ ผมก็ไม่มีอะไรจะต้องเสียใจ

พ่อผมสอนเสมอว่า ให้ทำทุกอย่างให้ดีที่สุดในทุกๆครั้ง และไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร จงเชิดหน้ายอมรับมัน

ผมบอกคุณไปแล้วว่า ผมไม่มีอะไรต้องเสียใจเพราะจุดโทษลูกนั้น ผมยิงดีที่สุดแล้วถึงแม้มันจะไม่เข้าก็ตาม แล้วคุณล่ะ ลูกจุดโทษนาทีสุดท้ายซึ่งทีมได้มันมาพร้อมๆกับที่จะต้องแบกความหวังของคนทั้งประเทศ ถ้าคุณเป็นผู้เล่นคนหนึ่งในสนามคุณกล้าที่จะยืดอกรับผิดชอบจุดโทษลูกนี้หรือไม่ หรือคุณเลือกจะเป็นผู้เล่นธรรมดาที่หลบอยู่หลังผู้เล่นคนอื่นและไม่พยายามสบตาใครๆไปชั่วชีวิต

วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

รวมเล่ม 22. ดับไฟในใจ



....มันไม่ได้เพิ่งจะไหม้เมื่อวานหรอก

ไฟมันลุกไหม้มาตั้งนานแล้ว

ไฟแห่งความเครียดแค้น

ไฟแห่งความแตกแยก

และไฟแห่งความเกลียดชัง

มันไหม้ในใจคนไทยมานานแล้ว

แต่มันลามออกมาจนเห็นชัดเมื่อวาน

แต่ต่อจากนี้ไปเราจะทำอย่างไรกัน

ไฟข้างนอกให้คนที่มีหน้าที่เค้าจัดการไป

แต่ไฟข้างในไม่มีใครดับได้นอกจากตัวเราเอง

ใครบ้างคนเฝ้าถามว่าเราจะช่วยอะไรได้หรือไม่

ผมอยากจะบอกว่าช่วยได้

ช่วยดับไฟในใจคุณก่อน

ก่อนที่มันจะลุกลามมาข้างนอก

ใครบ้างคนเฝ้าโทษว่าเรื่องราวเกิดขึ้นจากคนนั้นคนนี้

ใครบางคนรอเวลาให้คนนั้นคนนี้มาแก้ปัญหา

โทษแต่คนอื่น

รอแต่คนอื่น

อย่าลืมว่าคุณเองก็มีส่วนจุดไฟ

อย่าหนีความผิดโดยการโทษคนอื่น

อย่าหนีความรับผิดชอบโดยการรอให้คนอื่นมาแก้ปัญหา

ดับไฟในตัวคุณเองเสียก่อน

ถ้าทุกคนทำได้

เรื่องราวเหล่านี้คงจะมีโอกาสเกิดขึ้นอีกครั้งได้ยากเย็นขึ้น คุณว่าจริงไหม

วันพุธที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

newre-read (6/1/2009)



ผมเอกครับ จะรู้จักกันหรือไม่ รบกวนเสียสละเวลาอ่านสักครู่นะครับ ไม่ใช่เมล์ forward นะ ผมเขียนเอง

ในช่วงหยุดพักผ่อนปีใหม่ ผมได้มีโอกาสพักผ่อนอยู่ที่บ้าน บ้านซึ่งบันทึกทุกๆความทรงจำ ทุกๆความรักและทุกเรื่องราว
เก็บไว้ข้างใจจนดูราวกับว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ได้มีไว้พักอาศัยแต่สร้างไว้เพื่อเก็บบันทึกทุกความทรงจำของคนในบ้าน และในช่วง
วันหยุดที่ไม่ได้รีบเร่ง ไม่ได้รีบร้อนที่จะต้องหมุนตามโลกให้ทัน ทำให้ได้มีโอกาสหมุนตัวเองย้อนกลับไปในช่วงเวลาเก่าๆด้วยการ
ค้นหาหนังสือ หนัง และเพลงต่างๆ มานั่งดูนั่งอ่าน และระลึกถึงอีกครั้ง และเมื่อได้รองรวบรวมดูก็พบว่า ทั้งหนังสือและซีดี ก็มีอยู่
มากมายพอสมควร เนื่องจากได้สะสมมาเป็นเวลานับ 10 ปี และด้วยส่วนตัวเป็นคนที่ไม่เคยอ่านหนังสือหรือดูหนังซ้ำๆ ไม่ว่าจะประทับใจสักแค่ไหนก็ตาม นั่นทำให้การซื้อทั้งหนังสือ เพลง หนัง เกิดขึ้นเป็นประจำ

และเมื่อซื้อแล้ว เสพแล้วก็มิได้สูญหายไปไหน มันยังคงอยู่ในสถานที่ต่างๆมุมต่างๆในบ้านที่ใช้เก็บความทรงจำเหล่านี้นี่เอง หลังจากนั่งรำลึก ดื่มด่ำกับเรื่องราวในอดีตได้ไม่นาน ก็เริ่มตระหนักได้ว่า หนังสือทุกเล่ม ซีดีทุกแผ่น ล้วนแล้วแต่ได้ทำหน้าที่ของมันสำเร็จเรียบร้อยลงไปแล้ว นั่นคือการหล่อหลอมตัวตนของคนๆนึงให้เติมโตขึ้นมาในโลกปัจจุบัน โดยยังคงการหมุนที่ช้าบ้างเร็วบ้าง มิได้เน้นแต่จะหมุนให้ทันโลกเหมือนมนุษย์ยุคใหม่ แต่ยอมที่จะมองโลกจากด้านหลังดูบ้าง ไม่ว่าใครจะว่าอย่างไร

และในเมื่อหนังสือ หนังและเพลงต่างๆเหล่านี้ ได้ทำหน้าที่ของมันเสร็จสมบูรณ์แล้ว แต่ลักษณะทางกายภาพภายนอกของมันไม่ได้ด้อยค่าลงไป ยังคงสวยงามและเปี่ยมไปด้วยความน่าสนใจรอผู้คนเข้ามาชม มาเสพ เหมือนอย่างที่ผ่านมา นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมได้ค้นพบว่า การที่สิ่งของต่างๆเหล่านี้ ยังคงจมปลักอยู่ในกล่อง ในห้อง ในตู้ มิได้ทำให้คุณค่าของมันเปล่งปลั่งออกมาได้เลย เปรียบไปก็เหมือนผู้หญิงสวยที่อยู่ในบ้านป่า ไม่ได้มีโอกาสได้โชว์ความงามให้โลกภายนอกได้ชื่นชม เมื่อคิดเช่นนี้แล้วจึงอยากจะใช้โอกาสนี้แบ่งปันหนังสือ เพลง และหนัง ต่างๆเหล่านี้ เพื่อให้พวกมันได้มีชีวิตขึ้นอีกครั้ง มีความสุขในการหล่อหลอมผู้คน มีความสุขในการถ่ายทอดจินตนาการสู่มนุษย์ดังที่มันเคยให้กับผมเมื่อแรกพบ โดยสิ่งของต่างๆใน list รายชื่อ ขอมอบให้กับผู้ที่สนใจ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม จะยืม จะแลก จะขอ หรือจะซื้อ ก็สามารถตั้งราคาได้ตามใจชอบ หรือจะต้องการนำมันไปด้วยวิธีการใดก็ตามสามารถทำได้ทั้งสิ้น โดยมีกฏบางๆวางไว้เพื่อไม่เป็นการทำให้สิ่งของต่างๆเหล่านี้ต้องสูญเสียคุณค่าไป

1.ไม่นำไปวางทิ้งอย่างไร้ค่าทั้งที่ไม่ได้เสพ
2.ถ้ารักการสะสมก็สะสมไว้ แต่ถ้าไม่เมื่อเสพแล้วหาวิธีต่อยอดให้ผู้อื่นได้อิ่มเอม อย่างที่ตัวเราได้สัมผัส
3.ต้องการนำหนังสือหรือซีดีใดมาแลกก็สามารถทำได้ โดยขอให้อยู่ในสภาพดีและแลก 1 ต่อ 1 เท่านั้นโดยไม่จำเป็นว่าราคาต้องเท่ากัน

ผู้ใดที่สนใจก็ส่งเมล์มาที่ eakkasak8@hotmail.com โดยแนะนำตัวเองมาสักนิดพร้อมแจ้งความประสงค์มาว่าต้องการชิ้นไหนด้วยวิธีใดนะครับ หรือจะ comment มาที่ hi5 ผมก็ได้นะ แล้วจะได้นัดส่งของกันครับ
และถ้าผู้อ่านคนไหนยังคงสงสัยว่าผมคิดจะทำอย่างนี้ขึ้นมาเพื่อการใด ขออนุญาติชี้แจงตามนี้ครับ

- อยากจะให้สิ่งของเหล่านี้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง
- อยากปลดปล่อยให้มันทำหน้าที่ตอบสนองจินตนาการอีกครั้ง ดีกว่ามานั่งจับเจ่าอยู่ในตู้หนังสือ
- ผมกำลังสะสมบางสิ่งบางอย่าง จึงใช้หนังสือและซีดีเหล่านี้ เป็นตัวแทนแลกมันมา
- ธุรกิจนี้แสวงหากำไรครับ ไม่ต้องเกรงใจถ้าอยากแลกสิ่งเหล่านี้ไปด้วยเงินครับ

สุดท้ายอยากจะบอกว่าผมรอทุกท่านอยู่ใน hi5 และ e-mail นะครับ เรื่องที่ผมบอกว่าจะเริ่มสะสม ก็คือมิตรภาพ รวมทั้งแรงบันดาลใจใหม่ๆ ส่วน เรื่องหวังกำไรนั้น ผมหวังจริงๆนะ แต่หวังแค่กำไรชีวิตเล็กๆน้อยๆเท่านั้นเองครับ

รายชื่อหนังสือครับ

list รายชื่อหนังสือและซีดี
หนังสือนิยาย

1. one false move พลาด ชุด a myron bolitar novel ฮาร์เลน โคเบน เขียน อริณี เมธเศรษฐ แปล
2. back spin แค้น ชุด a myron bolitar novel ฮาร์เลน โคเบน เขียน อริณี เมธเศรษฐ แปล
3. drop shot กลลวง ชุด a myron bolitar novel ฮาร์เลน โคเบน เขียน อริณี เมธเศรษฐ แปล
4. fade away เล่ห์ ชุด a myron bolitar novel ฮาร์เลน โคเบน เขียน อริณี เมธเศรษฐ แปล
5. deal breaker หลง ชุด a myron bolitar novel ฮาร์เลน โคเบน เขียน อริณี เมธเศรษฐ แปล
6. สนิมสร้อย รงค์ วงษ์สวรรค์ เขียน
7.PS. I Hate You วีสาม เขียน
8.ล่ารหัสมรณะ digital fortress แดน บราวน์ เขียน
9.tell no one อย่าบอกใคร ฮาร์ลาน โคเบน เขียน อริณี แปล
10.Blood work ภารกิจเลือด ไมเคิล คอนเนลลี่ เขียน สุเมธ เชาว์ชุติ แปล
11.สองเงาในเกาหลี ทรงกลด บางยี่ขัน
12.นางนวลกับมวลแมว ผู้สอนให้นกบิน เซปล์เบดา เขียน สถาพรแปล
13.ร้อยเล่ห์ เพทุบายรัก ความรู้สึกดีๆที่เรียกว่ารัก


หนังสือความรู้ทางเทคนิคทั่วไป
1.คู่มือการซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านอินเตอร์เน็ต www.settrade.com 2 เล่ม (เล่มบางๆ)
2.advance window xp ฉบับ network and internet sharing สมเกียรติ รุ่งเรืองลดา
3.คู่มือช่างคอมพิวเตอร์ อนิรุทธิ์ และภาสกร
4.สอนเพื่อนให้รวย ดร.สุวรรณ วลัยเสถียร
5.Art of the Steal Frank w.abagnale โรจนา นาเจริญ แปล
6.รู้วิเคราะห์เจาะเรื่องกองทุนรวม ดร.ธนัยวงศ์
7.พ่อรวยสอนลูก#2 เงินสี่ด้าน T.kiyosaki
8.google make me rich ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์


หนังสือทั่วไป
1.ชวนม่วนชื่น ธรรมะบันเทิง อ.พรหม
2.ปลดล๊อคความคิดสู่ชีวิตสดใส นุชนาฏและดร.สุวันชัย แปล
3.เดอะท๊อป ซีเคร็ต ทันตแพทย์สม สุจีรา
4.บินแหลก 2 จูบอาถรรพ์ อีแร้ง
5.ทักษิณ ชินวัตร จากคนตัวใหญ่สู่ใจดวงน้อย
6.Roman wars ศึกโรมัน ดาณุภา เรียบเรียง
7.FHM 62/2008 June หน้าปก น้องหยาดทิพย์
8.เมฆ ทรงกลด บางยี่ขัน
9.หมอก ทรงกลด บางยี่ขัน
10.ต้นไม้ใต้โลก ทรงกลด บางยี่ขัน
11.เดินสู่อิสรภาพ ประมวล เพ็งจันทร์
12.superrichy it not to be me กชนก เขียน
13.win มายาจิต วิน เอี่ยมอ่อง
14.หัวใจนี้ไม่มีพอ 2 จากบันทึก เวลาช่วงสุดท้าย
15.เดอะซีเคร็ต รอนดา เบิร์น เขียน จิระนันท์ แปล
16.เข็มทิศชีวิต ฐิตินาถ ณ พัทลุง
17.ตัวหนังสือคุยกัน ประภาส ชลศรานนท์ (คุยกับประภาส 2)
18.ธรรมะพารวย ว.วชิรเมธี


หนังสือฟุตบอล
1.บอลเข้าเส้น เรื่องของคนรักบอล วงศ์ทนง กาละแมร์ นันทขว้าง ฯลฯ
2.บอบู๋ นินทาบอลโลก 2006
3.ฟาบิโอ คันนาวาโร่ ปราการหลังบันลือโลก เปสเช่ แปล
4.Star soccer extra 39 บันทึก 7 แมตซ์ ทีมชาติอิตาลี USA 94
5.extra azzurri ยูโร 2000
6.star soccer บอลโลก 06 บทสรุปเวิลด์คัพ
7.extra milan ฉลองแชมป์ ucl 2007
8.Forza azzurri ก่อนบอลโลก 2002
9.world cup 2006 winners
10.เชลซี annual ปรีวิว - รีวิว เชลซี 2008


ซีดีหนัง
1.CD Real the movie รีล ทีมหยุดโลก
2.DVD DRAGON WARS
3.CD love is crazy thing ร้อนเกินรัก
4.CD the intimate ลึกกว่ารัก
5.CD original sin บาบปรารถนา กับดักมรณะ
6.CD La Belle เธอ เขาและรักเรา
7.CD lie with me สายใยรัก มิอาจขาดเธอ

ซีดีเพลง
1.CD concert spicy the potato
2.CD concert Big Body
3.CD concert Body slam believe
4.CD concert big ass คอนเสิร์ตเปิดพรหมลิขิต
5.CD karaoke เบน ชลาทิศ Impressions
6.CD concert feelgood music and movie concert
7.CD concert Da Endorphine illusion
8.CD concert Spa&sleep music for ultimate sleep
9.CD concert เหตุเกิดที่เฉลียง ถาปัตจัด เฉลียงโชว์
10.CD concert Green concert #11 Seven divas
11.CD aerobic dance Vol.5
12.CD We R one concert peck aof ice
13.CD concert the music party By J Jetrin

ซีดีฟุตบอล
1.world cup 2002 161 ประตูทอง
2.CD Zidane monsieur le football
3.CD shevchenko ll principe del gol

แมนยูกับความหวัง 5 แชมป์ (21/3/2009)



แมนยูกับความหวัง 5 แชมป์ ถ้าผมจำไม่ผิด ผมได้ยินเรื่องนี้ตอนที่ฤดูกาลนี้ก้าวย่างผ่านปี 2008 มาแล้วนะ ก็ไม่กี่เดือนนี้เองล่ะ ตอนแรกผมก็นึกว่ามันเป็นการขายข่าวของนักข่าวทั้งอังกฤษและไทย เพราะดูแล้วในพรีเมียร์ลีก แมนยูมันดูแบเบอร์ชะมัด จะไปเขียนเรื่องลุ้นแชมป์ก็ดูจะขายไม่ออก ว่าแล้วก็เล่นข่าว 5 แชมป์ซะดีกว่าอยู่เปล่าๆให้เปลืองลมหายใจ ปี 1999 3 แชมป์ก็เหลือเฟือ มาปีนี้จะล่อ 5 แชมป์พูดแล้วก็ขำ 555
แต่ไปๆมาๆ พอผลจับฉลากเอฟเอคัพ และ ucl ออกมา ผมว่าพระเจ้านี่ใส่เสื้อแดงถือสามง่ามแน่ๆอะไรมันจะเนียลลลล ขนาดนั้น จับฉลากยังกับไปนั่งอยู่ในใจเฟอร์กี้ แฟนเชลซีที่ต้องเจอทั้งอาร์เซน่อลและลิเวอร์พูล ในทั้งสองถ้วย เซ็งชะมัด หลังจากผลจับฉลากออกมา ผมบอกตัวเองเลยว่า ไม่ใช่เรื่องเล่นๆซะแล้ว 5 แชมป์นี่ มีสิทธิ์เป็นไปได้นะ ว่าแต่ว่ามาดูกันทีละถ้วยดีกว่า ว่าสำหรับผมแล้ว แมนยูจะมีความเป็นไปอย่างไรในแต่ละถ้วย อ่อ ผมวิจารณ์แค่ 3 ถ้วยนะ อีกสองถ้วยพูดแล้วน้ำตาจะไหล ผีมันเก็บเรียบไปแว้วววว
ไปว่ากันที่ถ้วยที่น่าจะง่ายที่สุดก่อน พรีเมียร์ลีกนี่ละ 4 แต้มแข่งน้อยกว่า 1 นัด กับโค้งสุดท้ายแบบนี้ จะแซงแมนยูนี่ ผมว่าผมวิ่งแข่ง 100 เมตรให้ชนะ อูเซน โบลต์ จะง่ายกว่านะ 555 ใครๆก็รู้จักแมนยูยุคนี้ดีครับ มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ แต่อย่างน้อยผมเชื่อว่าแมนยูจะได้แชมป์ด้วยการมีแต้มมากกว่ารองแชมป์ไม่เกิน 3 แต้มแค่นั้นก็บุญแล้วครับ ผมเชื่ออย่างนั้น นั่นเท่ากับว่าในความคิดผม ผีกดไปแล้ว 3 แชมป์ แต่มันไม่ได้ฟีลลิ่งอะไรหรอกครับ สโมสรโลก กับ ลีก คัพ มันเหมือนกับ ผักชีเท่านั้นล่ะครับ มีมาโรยหน้าก็ดี ไม่มีก็กินได้ครับกับข้าวยังอร่อยอยู่ ถ้าจะได้อารมณ์จริงๆมันต้องเก็บเอฟเอ คัพ กับ ucl ครับ เด็กมันถึงจะเรียกพี่
ว่าแล้วก็มาว่ากันต่อถึงเอฟเอคัพ พระเจ้าถือสามง่ามก็จับเอาทีมที่น่าจะอ่อนที่สุดในบรรดา 4 ทีมสุดท้ายไปประเคนให้แมนยูอีกตามเคย ผมเชื่อว่าไม่ว่าเอฟเวอร์ตันจะออกฟอร์มดีที่สุดในฤดูกาล (เขี่ยหงส์ตกรอบ อิอิ) หรือว่าดีกว่านั้นก็ตาม ก็ไม่มีการพลิกล๊อกเกิดขึ้นหรอกครับ แมนยูน่าจะชนะไปได้ด้วยความเก๋าตกเกล็ดของพวกเขานั่นล่ะ และเมื่อถึงนัดชิง ไม่ว่าจะเป็น
อาร์เซน่อลหรือเชลซี สองทีมนี้สู้แค่ตายครับ do or die เพราะผมเชื่อว่าสองทีมนี้ก็คงคิดเหมือนกันว่าได้ถ้วยนี้มาก็ยังดีกว่ามือเปล่า อีกทั้งการหยุดแมนยูได้ไม่ต่างอะไรกับการจีบน้องพอลล่าติดครับ มันสะใจ 555 ถึงแม้เราจะจน เรียนห่วย หน้าตาเหมือนปลาไหล แต่แฟนสวยครับ ขอโทษ
เอาล่ะกินที่มาเยอะและ เอาเป็นว่าผมสรุปเลยว่า เอฟเอคัพ จะไม่ตกเป็นของแมนยูแน่นอนครับ อาจจะแพ้ 0 - 1 หรือต่อเวลา จุดโทษก็แล้วแต่ แต่ว่าจะได้แค่เสียวเท่านั้นครับ แมนยู พระเจ้าจะลากมันมาเสียวแล้วเลี้ยวกลับไป สะใจคอซาดิสต์ชะมัด
มากันที่ถ้วยใบใหญ่ หูใหญ่ ทีมใหญ่ อะไรต่อมิอะไรใหญ่ กันครับ ผลการจับฉลากก็เหมือนเดิม เอาพรมมาปูจากแมนเชสเตอร์ไปถึงกรุงโรม เดินนิ่มสบายเท้าครับ แต่ช้าก่อน ใครที่คิดอย่างนั้น เหมือนกำลังเที่ยวโสเภณีโดยไม่มีถุงยางนะครับ เสี่ยงครับ นักเลงราตรีเค้าว่าอย่างนั้น 555
และถ้าเป็นไปตามที่เราๆคาดกันจริงๆ รอบรองชนะเลิศ แมนยูจะต้องพบกับอาร์เซน่อล ซึ่งอาร์เซน่อลนะครับไม่ใช่สโต๊คจะได้มารอ หกโมงเย็นใกล้ อย่างเดียว เอ่อ ทุ่มไกลครับทุ่มไกล เล่นมุกยากไปหรือเปล่าเนี่ยผม 555 มาว่ากันต่อที่อาร์เซน่อล ผมคิดว่าเจ๊เหี่ยวคงไม่ยอมให้เฒ่าเฟอร์กี้ ผ่านไปชิงอย่างง่ายๆแน่นอน ถึงตอนนั้น อาร์เซน่อลอาจจะเพียบพร้อมไปด้วยแนวรุกวัยกำลังสะเด่าอย่าง อดอบาเยร์ อุ้ย อเดบายอร์ (ยังจะเล่น) เชส ฟาเบรกัส อาร์ชาวิน โรซิสกี้ วัลค๊อต นาสรี่ โอ้พระเจ้า ไม่ ไม่ ไม่ แล้วลองเอามาเปรียบเทียบกับแนวรับของแมนยู ซึ่งแบ๊คขวาพิการมาทั้งฤดูกาล แบ๊คซ้ายก็เห็นๆอยู่ว่าเจอเลนน่อนยังแย่ มาเจอวัลค๊อต lost dog (เสียหมา) คำเดียวสั้นๆ ส่วนคู่เซ็นเตอร์ไม่ต้องพูดถึงครับ 1 - 4 พูดกันสั้นๆ ไม่ต้องมาก 1 - 4 คาบ้านครับ หุหุ ล้อเล่นครับแหมๆ แฟนผีหรือแฟนเวสต์แฮมครับนั่น "ค้อน" กันใหญ่ (กล้าเล่นนะนี่เรา) สรุปว่าถึงแม้แมนยูจะผ่านอาร์เซน่อลไปได้ ก็ต้องเรียกว่า ลาบเลือด กันล่ะครับ เอ่อ อะไรนะ รากเลือด อ่อครับ พอดีเขียนตอนหิวๆ กร๊ากก แต่ถึงจะลำบาก ผมก็ยังคิดว่าน่าจะผ่านได้นะ แมนยูน่าจะเข้าชิงได้ 2 ปีติดต่อกัน แต่ไม่ได้เพื่อสร้างประวัติศาสตร์หรอกนะครับ แต่เพื่อไปเลือดสาดดด ในนัดชิงต่างหาก
มาว่ากันถึงเหตุผลที่ผมคิดอย่างนั้นกันดีกว่า เดี๋ยวจะหาว่าโมเม ลองไล่ชื่อทีมในอีกฝั่ง ที่แมนยูจะต้องเจอในนัดชิงนะครับ ลิเวอร์พูล เชลซี บาร์เซโลน่า บาร์เยิร์น อ่านกันดูดีๆนะครับ ไม่ว่าจะเป็นทีมไหน ไม่มีหมูให้เคี้ยวครับ และผมเชื่อเลยว่าไม่ว่าจะเป็นทีมใดก็ตาม ที่ผ่านหลุด เล็ด รอด และ เล็ม มาจนถึงรอบชิง ได้ต้องบอกว่าถึงพร้อมด้วยประการทั้งปวงครับ ไม่จำเป็นต้องกลัวแมนยูครับ และทีมที่ผมคิดว่าจะผ่านมาชิงกับแมนยูได้นั้น มีแค่สองทีม คือ เชลซี และ บาร์เซโลน่า ผมเชื่อในกุส ฮิดดิ้งค์ และ เป๊ป ครับ ว่าน่าจะพาทีมมาได้ดีกว่า ราฟา และ คลิ้นซี่ ทีนี้มาพูดกันทีละคู่ เริ่มกันที่ แมนยู – เชลซีก่อน ถ้าชิงกันคู่นี้ ผมว่า เจที และ แลมพ์ รวมทั้ง บัลลัค ดร๊อกบา เอสเซียง คงไม่ปล่อยให้อะไรมาทำให้พวกเค้าต้องช้ำอีกเป็นปีที่สองแน่ๆ อีกทั้งกึ๋นของผู้เป็นกุนซือ ก็ไมได้แพ้เฟอร์กี้เลยสักนิด ผมเชื่อว่าแผงหลังที่เหนียวแน่น แผงกลางที่เก๋าและเต็มไปด้วยวินัย อีกทั้งกองหน้าที่คืนฟอร์มแล้วทั้งอเนลก้า และดร๊อกบา ส่งผีลงหลุมได้อย่างแน่นอนครับ
กลับกันถ้าแมนยู เข้าไปชิงกับบาร์ซ่า เหนียวคอกันทั้งคู่ครับคู่นี้ ถ้าเป็นเหย้า – เยือน ผมเชื่อว่าบาร์ซ่าผ่านสบายครับ ปีที่แล้วทีมมาแบบไม่ดี แมนยูยังแทบไม่เจอบอล มาปีนี้ถ้าเหย้าเยือน ลูกทีมเป๊ปกินนิ่มครับ อีกทั้งเมสซี่จะไม่ปล่อยให้บัลลงดอร์หนีไปไหนหรอกครับ ผมเชื่ออย่างนั้น แต่พอเปลี่ยนจากเหย้าเยือน มาเป็นบอลนัดเดียว ผมเชื่อว่าเฟอร์กี้จะทำให้มันสูสีกันได้มากขึ้น แฟนๆแมนยูคงไม่คิดแล้วนะครับว่า เกมจะเป็นไปในแบบเปิดหน้าแลกกันหมัดต่อหมัด เพราะว่าแมนยูน่ะ เลิกเล่นแบบนั่นมาเป็นปีๆแล้วมั้งครับ ความสำเร็จใน 2 - 3 ฤดูกาลหลัง ผมว่าเกมรับมีส่วนเยอะมากนะครับ และเฟอร์กี้ก็ใช้แท๊กติกเกมรับมาช่วยทีมในเกมที่เป็นรอง หรือต้องเซฟแรง ไว้หลายๆนัดทีเดียว เพราะฉะนั้นผมเชื่อว่า ถ้าแมนยูชิงกับบาร์ซ่าเกมจะสูสีทุกๆนาทีครับ แมนยูมีดีกว่าที่ลูกกลางอากาศเท่านั้นครับ ส่วนบาร์ซ่าก็อย่างที่รู้ๆกัน กองหน้า 3 ตัวนั้นครับผมที่อันตรายสุดๆ และผมก็ยังเชื่อว่า ปีนี้เป็นปีของเมสซี่ครับ ไม่ใช่โรนัลโด้
เพราะฉะนั้นในความเห็นของผมแล้ว เรื่อง 5 แชมป์ของแมนยูไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ครับ เพราะผมเชื่อว่าพวกเค้าเก๋า มีโชค และดีพอที่จะได้ 3 แชมป์ (สโมสรโลก,ลีก คัพ,พรีเมียร์ลีก) และเข้าชิงอีก 2 ถ้วย (เอฟเอคัพ และ ucl) เพราะฉะนั้นโอกาสมีตั้งแต่ 3 - 5 แชมป์ครับ แต่โดยส่วนตัวผมคิดว่าปีนี้ทีมที่จะทำให้แมนยู หยุดอยู่แค่ 3 แชมป์ มีชื่อเดียวครับ สิงโตในคราบของหมีขาวตัวนั้นล่ะครับ ผมเชื่ออย่างนั้น บทสรุปท้ายฤดูกาล แมนยู แชมป์ 3 รองแชมป์ 2 (เอฟเอคัพ กับ ucl)
เชลซีแชมป์ 2 รองแชมป์ 1
บาร์ซ่าแชมป์ 2 (ลีก,โคปป้า เดลเรย์)
บาร์เยิร์น 1 แชมป์ลีก
ส่วนลิเวอร์พูลเหรอครับ ไป-กลับ เหนือแมนยูก็พอแล้วมั้งครับ ถ้าจะหวังแชมป์สักถ้วย ผมว่าให้เลวาได้บัลลงดอร์ยังง่ายกว่า 555 (ล้อเล่นนะครับ ไม่โกรธนะ)

ใครจะมาแทนป๋า (เขียนเมื่อ 10/4/2009)



ใครจะมาแทนป๋า


ก่อนจะร่ายสายตาลงไปถึงบรรทัดต่อไป ผมขอเรียนตรงนี้ไว้ก่อนเลยว่า บทความนี้ถูกถ่ายทอดหลังจากค่ำคืนของ UCL จบลงไปแล้วทั้งสองคืน และในฐานะที่ไม่ได้เป็น ไม่เคยเป็นและไม่คิดที่จะเป็น "แฟนผี" ผมขอใช้พื้นที่ตรงนี้เอ่ยไว้เลยว่ามันไม่ใช่คำถามธรรมดาเสียแล้ว และมันจะควรเป็นคำถามที่ผู้บริหารโรงละครแห่งความฝันทั้งหลายต้องรีบกลั่นรอยหยักในสมอง ให้คำตอบมันตกตะกอนลงมาภายใน 1 - 2 ปีต่อจากนี้ "ใครจะมาขี่หลังผีแทนป๋า"

ความปวดร้าวที่เข้ามาทิ่มแทงแฟนผีเริ่มนับตั้งแต่พลาดท่าถูกหงส์แดงตัวนั้นจิกจนร่างพรุนไปทั้งตัว ตามมาด้วยความพ่ายแพ้ต่อทีมต่ำศักดินาอย่างฟูแล่มที่การเริ่มต้นเกมด้วย hand of ghost คือเหตุผลของความพ่ายแพ้ที่พอจะรับฟังได้ แต่แล้วความพ่ายแพ้ต่อเนื่องในลีก 3 นัดก็ไม่เกิดขึ้น แถมความปวดร้าวทั้งหมดที่แฟนผีรับมา 2 นัดติดนั้น ถูกลบล้างโดยซานตาคลอสหนุ่มจากอิตาลีที่นำของขวัญมาให้แฟนผีทั่วโลกได้ปลาบปลื้ม
อีกทั้งความดีใจเหล่านั้นยังคอยปกปิดความอ่อนแอ และย่ำแย่ในแนวรับที่มิควรจะเกิดขึ้นในฤดูกาลเดียวกับการทำลายสถิติ clean sheet ต่างๆนาๆของนายทวารเฒ่าผู้เกรียงไกร แต่แล้วมังกรหนุ่มจากดราเกาก็เปิดเผยความอ่อนแอนั้นให้แฟนลูกหนังทั่วโลกได้เห็นอีกครั้งชัดๆกับตากันอีกสักที การถูกทะลวงประตู 10 ลูกจาก 4 นัดหลังสุด ไม่ใช่คำตอบของแนวรับของทีมที่ตั้งเป้าไปถึง 5 แชมป์เป็นแน่แท้

แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เมื่อเราเลือกที่จะมองไปที่ใครคนนึงที่นั่งบัญชาการอยู่ข้างสนามในทั้ง 4 นัดที่แผงหลังปีศาจเผยจุดอ่อนให้คู่ต่อสู้ได้เข้ามาชำเรานั้น ผมกลับมีความเชื่อว่าชายคนนั้นจะทำให้ปีศาจตัวนี้กลับมาเริงร่าเก็บ 3 แต้มในนัดตกค้างและทะยานขึ้นนำจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกอย่างเต็มภาคภูมิ และเป็นชายคนเดียวกันที่พาฝูงปีศาจอมทอฟฟี่สีน้ำเงินอย่างอร่อยลิ้นในฟุตบอลถ้วยที่เก่าแก่ที่สุดในโลกใบนั้น และถ้าชายคนนี้จะอาจหาญนำฝูงปีศาจกระหายเลือดไปหลอกหลอนเหล่ามังกรหนุ่มถึงดราเกาในโปรตุเกส นั้นก็ไม่ใช่เรื่องทีเกินจริงแต่อย่างใด เพียงเพราะเหตุผลแค่เพียงข้อเดียว
เพราะผู้ชายคนนั้นชื่อ "อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน"

สาบานว่าผมคิดภาพไม่ออกจริงๆว่ายูไนเต็ด จะเป็นยูไนเต็ดที่เรารู้จักได้อย่างไร ถ้าคนกุมบังเหียนไม่ใช่ป๋าเฟอร์กี้ผู้ทรนงคนนี้ ในเกือบ 2 ทศวรรษที่ผ่านมา สิ่งที่ผมได้เห็นผ่านสังเวียนแข้งที่เปรียบเสมือนโรงละครแห่งความฝันนั้น อธิบายได้ด้วยสมการเดียวเท่านั้น "ยูไนเต็ดคือเฟอร์กี้ เฟอร์กี้คือยูไนเต็ด" และเมื่อประกอบกับผลการแข่งขันและฟอร์มการเล่น 4 นัดหลังสุดที่เหล่าปีศาจแสดงให้เหล่าแฟนานุแฟนในโรงละครได้เห็นนั้น ส่วนลึกของหัวใจผมร่ำร้องออกมาเป็นเสียงเดียวว่า ไม่มีใครแทนป๋าได้

หลับตานึกดูถ้าในขณะนี้คนกุมบังเหียนไม่ใช่ป๋า ใครจะเป็นคนดึงศูนย์หน้าดาวรุ่งอิตาลีผู้นั้นไว้กับทีม บางทีเค้าอาจบินข้ามฟ้าไปเล่นทีมชาติอิตาลีชุดเล็กเป็นแน่แท้ ป๋าทำตรงนี้เปรียบราวกับว่ายืมดวงจิตที่มองเห็นอนาคตของนอสตราดามุสมาเก็บไว้เพื่อการนี้ทีเดียว และถ้าไม่ใชป๋า ใครจะกล้าหยิบซานตาคลอสผู้นั้นหย่อนลงน้ำในสถานการณ์ที่น้ำมันร้อนเสียขนาดนั้น และสุดท้ายถ้าไม่ใช่ป๋า ป่านนี้เหล่าปีศาจคงถูกความกดดันจากเหล่าหงส์แดงผู้กระหายความสำเร็จ บีบคั้นแย่งชิงจ่าฝูงจนไม่เป็นอันกินอันนอน

แต่สิ่งเหล่านั้นไม่เคยเกิดขึ้น แค่เพียงเพราะแมนยูยังคงมีป๋า ตราบใดก็ตามที่ป๋ายังคงอยู่ แมนยูจะมีลุ้นแชมป์ปีละ 1 2 หรือ 3 หรืออาจจะ 5 แชมป์อย่างเช่นปีนี้ และเมื่อไรก็ตามที่ป๋าวางมือ 2 - 3 ฤดูกาลแรก แมนยูอาจจะยังคงสถานะอยู่อย่างนี้ แต่หลังจากนั้นใครจะกล้าการันตี ยูไนเต็ดอาจจะค่อยๆดำดิ่งลงไปเรื่อยเรื่อย เรื่อยเรื่อย และเรื่อยเรื่อย โดยไม่ว่าคนที่เข้ามาแทนป๋าจะเป็นใคร มือระดับไหนก็ตาม จะเป็นจอมอหังการ์อย่าง มูรินโญ่ หรือโคตรแท๊คติกแดนเลี่ยน อย่างคาเปลโล่เองก็ตาม ผมเชื่อว่าเคมีมันจะไม่ลงตัว และมันก็จะไม่มีทางลงตัว

เมื่อป๋าวางมือ สาวกปีศาจเตรียมนับถอยหลังเพื่อเข้าสู่ยุคใหม่ของพรีเมียร์ลีก ซึ่งก็คือยุคบิ๊คทรี ลิเวอร์พูล เชลซี อาร์เซน่อล แค่นั้นและแค่นั้น ผ่านไป 10 ปี เด็กรุ่นนั้นอาจจะพูดถึงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผู้เกรียงไกรในแง่มุมของความสำเร็จในอดีตเฉกเช่นเด็กรุ่นนี้ชื่นชมลีดส์ ยูไนเต็ด ฉันใดก็ฉันนั้น ทุกๆคนจะชื่นชมเฟอร์กี้ ผู้จัดการทีมมือทอง เช่นเดียวกับที่ วัยรุ่นขาเดฟยุค 90 ชื่อชมไบรอัน คลัฟ กุนซือปากตะไกรคนนั้น และอีกไม่นานทุกคนคงจะลืมป๋า ลืมโรงละครแห่งความฝัน ลืมวันเวลาดีๆ ของทีมสีแดงทีมหนึ่ง ที่เคยยิ่งใหญ่คับยุโรปและโลก กองกำลังปีศาจที่ฉาบไปด้วยสีเลือดอันน่าเกรงขาม จะเหลือไว้เพียงความทรงจำ และผมเตือนไว้เลยว่าสิ่งที่กล่าวมา ผมไม่ได้คาดเดา ไม่ได้คาดหวัง แต่ผมเชื่อเช่นนั้นจริงๆ และเหล่ากองเชียร์ปีศาจทั้งหลาย โปรดจำเอาไว้เลยว่า

"ยูไนเต็ดคือเฟอร์กี้ เฟอร์กี้คือยูไนเต็ด" ไม่มีใครในโลกนี้มาเปลี่ยนสมการลูกหนังนี้ได้ และมันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป

วันอังคารที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

รวมเล่ม 21. เวลา


ใครบางคนผู้ยกตัวเองเป็นปราชญ์แต่ยังคงคีบรองเท้าแตะ เคยบอกเอาไว้ว่า บนโลกใบนี้มีสิ่งที่มีค่าที่สุดอยู่สองอย่าง หนึ่งนั้นคือเงิน และสองนั้นคือเวลา

เงินนั้นคุณต้องขวนขวายหากันเอาเองถ้าไม่ได้บังเอิญคาบช้อนเงินช้อนทองออกมาจากมดลูกมารดา รวมทั้งยังต้องคอยบริหารให้ดีหากอยากจะให้มันอยู่กับคุณในแบบไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร เวลาสิเป็นสิ่งที่น่าแปลกกว่า มนุษย์ทุกคนได้รับมันมาเท่าๆกันโดยไม่จำเป็นที่จะต้องดั้นด้นไปหาและไม่ต้องคาบอะไรออกมาในตอนเกิด แต่ก็แทบทุกคนเช่นกันที่มักจะบ่นว่ามันไม่พอกับที่ต้องการและอยากจะได้มันเพิ่ม ว่าแต่ว่าถ้าได้มันมาจริงๆคุณรู้วิธีบริหารมันหรือเปล่าล่ะ

ใครบางคนสงสัยว่าแล้วระหว่างเงินกับเวลา สิ่งไหนสำคัญและมีค่ามากกว่ากัน ผมกลั่นกรองด้วยสมองน้อยๆก่อนได้คำตอบว่า คนทุกคนถ้ามีเวลาเพิ่มก็น่าจะหาเงินได้เพิ่มถ้าไม่โง่เขลาจนเกินไป แต่ถ้าทุกคนมีเงินเพิ่ม เวลาก็ยังคงจะได้รับเท่าเดิมเสมอ แค่นี้ก็น่าจะชัดเจนว่าสิ่งไหนมีค่ามากกว่ากัน แต่ทันใดที่เพื่อนชายในวงเหล้าได้ยินปรัชญาข้างถนนของผม เขากรุณาให้การสั่งสอนว่า ถ้าเรามีเงินเพิ่มมันสามารถซื้อช่วงเวลาแห่งความสุขเพิ่มได้อย่างแน่นอน อย่างน้อยๆก็ในรูปแบบของเวลาข้างขวดน้ำเมานั่นอย่างไร ทันทีที่ได้ยิน ผมพยักหน้าเห็นด้วยอย่างมิอาจปฏิเสธ

ผมไม่รู้ว่าสำหรับคนอื่นๆเค้าต้องการเวลาเพื่อเอามาใช้ทำอะไรและผมไม่เคยอยากที่จะรู้ แต่ถ้าถามผม เวลาเป็นวัตถุดิบของทุกอย่าง ไม่ว่าคุณจะต้องการทำไม้จิ้มฟันหรือจนกระทั่งคิดการใหญ่ที่จะทำเรือรบคุณก็ต้องใช้เวลา เพราะฉะนั้นไม่ว่าใครจะยกย่อง ทองคำ น้ำมัน หรือกาแฟ ว่ายิ่งใหญ่และสร้างแรงกระเพื่อมของสิ่งไม่มีชีวิตที่เรียกว่าเงินได้มากแค่ไหนก็ตาม ผมยังยืนยันว่าสิ่งที่มีค่าที่สุดในโลกนี้คือเวลา เพราะไม่ว่าคุณจะคิดถึงอะไรก็ตามบนโลกใบนี้ ผมยืนยันว่าเวลาต้องเป็นหนึ่งในวัตถุดิบสำคัญของทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณพบคุณเห็น แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ผมก็ยังคงหาอะไรทำเพื่อฆ่าเวลาอยู่ในทุกๆวัน นี่ผมกำลังเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่านะ
คุณคงเคยได้ยินว่าผู้คนรอบกายคุณพยายามที่จะหาเวลาว่างเพื่อที่จะไปทำนั่นทำนี่ เคยสงสัยหรือเปล่าว่าทำไมเขาเหล่านั้นต้องคอยหาเวลาว่าง ทั้งๆที่ปกติเวลามันก็ว่างอยู่ตลอดของมันอยู่แล้วและมันก็อยู่กับคุณทุกที่ แต่ตัวคุณนั่นล่ะที่พยายามยุ่งกันอยู่เอง คุณว่าจริงไหม

ถ้าหากสิ่งที่ผมพูดไปยังไม่ทำให้คุณรู้ว่าเวลาเป็นสิ่งที่มีค่าแค่ไหน คุณลองสังเกตดูก็ได้ว่าคนที่โชคดีได้รับเวลาจากคุณเค้ามีความสุขกันแค่ไหน เมื่อใดที่คุณให้เวลากับคนที่คุณรักหรือให้เวลากับคนที่รักคุณ ความสุขมากมายมักจะเกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น และนี่เป็นวิธีง่ายๆที่คุณจะเปลี่ยนให้เวลาว่างกลายมาเป็นเวลาแห่งความสุขหรือช่วงเวลาสุดพิเศษเลยทีเดียว นอกจากผมจะบอกคุณว่าเวลามันว่างอยู่ตลอดอยู่แล้ว ผมยังแนะนำวิธีใช้เวลาให้กับคุณอีกนะ หวังว่าถ้าคุณมีเวลาเหลือ คุณคงมาใช้ร่วมกับผมบ้างนะ

ยังมันยังไม่พอ เวลายังมีค่ามากกว่านี้ได้อีกเมื่อคุณมีความรัก อะไรเล่าคือสิ่งที่คุณต้องการจากคนรัก อยากให้เค้ามีเวลาให้ อยากให้เค้าให้เวลากับคุณ และเค้าเองก็จะไม่รู้สึกว่าเสียเวลาไป ถ้าคุณสองคนนั้นใช้เวลาแห่งความรักนั้นร่วมกัน อีกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเวลาที่คู่รักส่วนใหญ่เลิกกัน เหตุผลหนึ่งที่ได้ยินกันอยู่บ่อยๆก็คือต่างคนต่างไม่มีเวลาให้กัน ไม่รู้ว่าเวลามันหายากหรือว่าเค้าสองคนใช้มันไม่เป็นผมก็ไม่แน่ใจ แต่ถึงเลิกกันก็ไม่เป็นไร เพราะในเมื่อเค้าไม่ได้ให้เวลาซึ่งกันและกัน ก็ให้เค้าเก็บเวลานั้นเอาไว้เยียวยาหัวใจของเค้าทั้งคู่เถอะ เพราะเวลาก็ยังคงเป็นเพียงสิ่งเดียวที่จะช่วยบรรเทาอาการอกหักได้ คุณก็รู้ใช่ไหม ผมยังมีตัวอย่างบางคู่ที่รู้แน่ว่าไปด้วยกันไม่ได้แต่ก็ไม่ยอมที่จะเลิกกันเพราะว่าเสียดายเวลา อันนี้ก็เข้าข่ายให้เวลากันมากเกินไปเสียอีก มากเกินไปจนเสียดาย แต่เชื่อเถอะว่าถึงจะอยู่ด้วยกันต่อไป มันก็ไม่มีอะไรดีขึ้น แถมยังจะทำให้เวลาดีๆกลายเป็นช่วงเวลาแย่ๆอีกด้วย คิดแล้วอารมณ์เสียแทน แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะเมื่อใดที่ตาสว่างและตัดสินใจเลิกกันไป เขาเหล่านั้นจะได้เอาเวลาที่ให้กับคนอื่นมาให้กับตัวเองมากขึ้น ไตร่ตรองให้ดีว่าที่ผ่านมาเราผิดพลาดตรงไหน และเมื่อให้เวลากับตัวเองมากขึ้น ก็จะมีเวลาเยียวยาหัวใจมากขึ้น เมื่อนั้นคุณก็จะแข็งแกร่งขึ้น และเห็นคุณค่าของเวลามากขึ้นเช่นกัน

ผมยังคงยืนยันจนถึงย่อหน้าสุดท้ายว่าเวลาเป็นทั้งจุดเริ่มต้น จุดสำคัญและจุดสุดท้ายของทุกอย่างบนโลกกลมๆใบนี้ มาถึงตรงนี้คุณรู้หรือยังว่าระหว่างเงินกับเวลา คุณควรจะร้องขออะไร เมื่อมัจจุราชมายืนอยู่ตรงหน้า ถึงแม้วันนี้มัจจุราชจะยังคงไม่ว่างมาเยี่ยมเยือน แต่เมื่อใดก็ตามที่คุณมีเวลา หรือเมื่อใดก็ตามที่คุณบริหารชีวิตได้ดีจนมีเวลาว่าง หวังว่าคุณคงจะพอทราบแล้วว่าการเปลี่ยนจากเวลาว่างมาเป็นช่วงเวลาที่มีคุณค่านั้น ต้องทำอย่างไร ผมขอทวนเป็นครั้งสุดท้าย ให้เวลากับคนหรือสิ่งที่คุณรัก และใช้เวลาที่หามาได้เหล่านั้นร่วมกัน นั่นจะทำให้คุณไม่เสียดายกับเวลาที่สูญเสียไปเลย และโปรดอย่าลืมว่าชีวิตไม่มีการทดเวลาบาดเจ็บเหมือนฟุตบอลนั่นเป็นเหตุผลที่สุดท้ายขอหยิบยกปรัชญาที่ปราชญ์ข้างถนนท่านเดิมเคยบอกไว้มาเตือนใจกันอีกครั้ง “เวลาไม่เคยรอใคร แต่เมื่อมนุษย์ตัวน้อยจะทำอะไร เหตุใดจึงต้องรอเวลา”

วันเสาร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

DREAM 2 บทที่ 9 พยายามไม่พอ



ด้วยผลการแข่งขันนัดแรกที่เสือใต้บาเยิร์น มิวนิค สามารถมายันเสมอพร้อมทั้งยิงประตูในฐานะทีมเยือนได้ด้วยสกอร์ 2 – 2 นั่นทำให้การไปเยือนมิวนิคในครั้งนี้ของผมและเพื่อนๆเป็นงานที่ยากลำบากยิ่งนัก ด้วยสกอร์ที่เกิดขึ้นในนัดแรก การจะผ่านบาเยิร์นของเอ็มและโยได้นั้นจำเป็นต้องใช้ทั้งความสามารถ ความพยายาม รวมทั้งยังจะต้องมีโชคเข้าข้างอีกด้วย ทางเลือกของพวกเรามีเพียงการเอาชนะเสือใต้ให้ได้ในบ้านของพวกเขา หรือไม่ก็เสมอด้วยสกอร์ที่มากกว่า 2 – 2 แต่ไม่ว่าหนทางจะยากลำบากสักเท่าไร การเป็นนักฟุตบอลอาชีพก็สอนให้เราต้องพบกับอะไรแบบนี้เสมอๆอยู่แล้ว หลังจากการซ้อมครั้งสุดท้ายที่อัลลิอันซ์ อารีน่าจบลง อันเชล็อตติได้เรียกพวกเราทุกคนไปรวมตัวกันเพื่อที่จะประกาศรายชื่อให้ทราบว่า พรุ่งนี้ใครจะได้ลงตัวจริงในการทำงานใหญ่ที่เยอรมันครั้งนี้บ้าง อันเชล็อตติบอกกับพวกเราว่าถึงแม้ว่าเราจำเป็นจะต้องชนะ แต่เขาก็จะไม่เปลี่ยนแท็คติกที่พวกเราใช้กันอยู่เสมอๆในฤดูกาลนี้นั่นก็คือ 4 – 5 – 1 ผมกับเทพมองหน้ากันอย่างมีความหวัง เพราะการที่อันเชล็อตติใช้กองกลาง 5 ตัวนั่นก็ทำให้พวกเรามีโอกาสที่จะได้ลงสนามมากกว่าที่จะเล่นกลางเพียงแค่ 4 ตัว และแล้วเมื่ออันเชล็อตติพูดในสิ่งที่เค้าต้องการจนหมด ผมกับเทพก็มีโอกาสจับมือแสดงความดีใจกันอีกครั้งอย่างที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน

จากการบาดเจ็บในการซ้อมเมื่อวาน ทำให้ในตำแหน่งกองกลางตัวรุกต้องขาดซีดอร์ฟ กองกลางรุ่นพี่ประสบการณ์สูงไปอย่างน่าเสียดาย และตำแหน่งนี้ที่จะได้เล่นคู่กันกับกาก้าในการทำเกมรุก อันเชล็อตติเลือกเทพลงเป็น 1 ใน 5 กองกลางในเกมนี้ ผมเองดีใจกับเพื่อนที่ได้รับโอกาสในครั้งนี้และไม่ลืมที่จะย้ำว่าให้ทำให้ดีที่สุดให้สมกับโอกาสที่ได้รับมา “สู้นะมึง เอาให้พวกไอ้เอ็มกับไอ้โยมันรู้ว่ามิลานเราไม่เป็นรองใคร” ผมพูด “จะพยายามเต็มที่ว่ะ แต่แค่ได้ยินว่าจะได้ลงขาก็สั่นจะแย่แล้วนี่” เทพพูดพร้อมกับยิ้มอย่างเขินๆให้กับผม อันเชล็อตติบอกให้ผมเตรียมตัวให้พร้อมเช่นกันเพราะว่าเรายังไม่รู้ว่าสถานการณ์ในเกมนี้จะออกมาในรูปแบบไหน และคำสั่งเสียสุดท้ายของอันเชล็อตติในวันนี้ก็คือให้พวกเรานอนหลับให้สบายเพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับการแข่งขันในถ้วยที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งมันอาจจะเป็นนัดสุดท้ายของพวกเราในกรณีที่ทำผลการแข่งขันไม่ได้อย่างที่หวัง ผมเองคิดในใจว่าผมน่าจะไม่มีปัญหากับการนอนหลับในคืนนี้ แต่ไอ้เทพนี่สิใครจะรู้ได้ ถ้าผมเป็นมัน ความตื่นเต้นอาจจะไม่อนุญาตให้ผมพักผ่อนเลยก็ได้นะ

ถ้าผมจำไม่ผิด บาเยิร์นใช้ตัวผู้เล่นแตกต่างกับที่ผมเคยไปดูที่สนามในวันเปิดฤดูกาลของบุนเดสลีกาไปบ้างบางตัวซึ่งก็สืบเนื่องมาจากในระหว่างฤดูกาลมากัธ โค้ชคนเก่าทำผลงานไม่เป็นที่พอใจทำให้ฝ่ายบริหารตัดสินใจแต่งตั้ง อ็อตมาร์ ฮิตซ์เฟลด์ กลับมาคุมทีมอีกครั้ง แต่ถึงแม้จะมีการเปลี่ยนโค้ชเอ็มและโยก็ยังได้ลงเป็นตัวจริงตามที่พวกเราคาดไว้ ก่อนเกมพวกเราได้ทักทายซึ่งกันและกัน ต่างคนต่างก็ไม่ยอมที่จะพลาดโอกาสที่จะคุยทับถมกันในแบบที่เพื่อนสนิทมักจะกระทำใส่กันเสมอๆ “นัดแรกเล่นในบ้านยังไม่ชนะ แล้วนี่มาเยือนมิวนิคจะไหวเหรอวะ” โยเริ่มเปิดประเด็น “เดี๋ยวก็รู้ว่าไหวหรือไม่ไหว เอากูให้อยู่ละกัน” เทพพูดยิ้มๆ “นี่ดีนะกูไม่ลง ไม่อย่างนั้นสงสัยเสือใต้จะหมอบแน่ๆ” ผมพูด “แล้วกูจะคอยดู วันนี้มึงดูกูดวลกับมัลดินี่ให้ดีละกัน” เอ็มพูด “ระวังจะไปไม่เป็นนะโว้ย” ผมบอก พวกเราทุกคนยิ้มให้แก่กันอย่างเต็มไปด้วยมิตรภาพ ความทรงจำในวัยเด็กตามเข้ามาป้วนเปี้ยนวนเวียนในสมองผมอีกครั้ง หากเพียงเราทั้งสี่คนตัดสินใจที่จะทำในสิ่งที่เด็กมัธยมปลายค่อนประเทศทำนั่นคือสอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัยและจากนั้นเมื่อเรียนจบก็หางานที่จะสร้างความมั่นคงให้กับตัวเองและครอบครัวต่อไป พวกเราทั้งสี่คนก็คงจะไม่มีวันนี้ วันที่เด็กไทยที่รักฟุตบอลทุกคนได้เห็นรุ่นพี่ของพวกเขาแสดงฝีเท้าให้ชาวโลกได้ประจักษ์แก่สายตาว่าคนไทยก็สามารถเล่นฟุตบอลในระดับสูงได้ถ้ามีความตั้งใจอย่างแท้จริง และไม่เฉพาะแค่ฟุตบอลเท่านั้น ไม่ว่าคุณจะมีความฝันที่จะทำอะไร ถ้าคุณมุ่งมั่นกับมันอย่างถึงที่สุดแล้ว ผมเชื่อว่าทุกคนสามารถไปถึงฝันได้อย่างแน่นอน

เอซี มิลานของผมเป็นฝ่ายเขี่ยลูกเริ่มเล่นก่อน วันนี้ต้นได้บินมาจากอังกฤษพร้อมกับเพื่อนๆส่วนหนึ่งในทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาดูฟอร์มของพวกเราด้วย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเองผ่านโรม่ามาด้วยสกอร์รวม 8 – 3 ซึ่งสำหรับผมแล้ว มันเป็นความอับอายของวงการฟุตบอลอิตาลีเลยทีเดียว และวันนี้ต้นก็จะได้รู้ว่าทีมของเขาจะได้พบกับทีมจากอิตาลีอีกครั้ง หรือว่าจะเปลี่ยนมาเป็นคู่แข่งจากเมืองเบียร์บ้าง 90 นาทีถัดจากนี้ไปเขาจะได้คำตอบอย่างแน่นอน หลังจากนกหวีดเริ่มเกมดังขึ้น พวกเราเล่นตามที่อันเชล็อตติกำชับมาก็คือพยายามครองบอลไว้โดยไม่ต้องเร่งรีบแต่อย่างใด กัตตูโซ่ อัมโบรซินี่ ปิร์โล่ กาก้า และเทพ เป็นห้ากองกลางที่จะต้องทำหน้าที่นี้ตามที่ได้รับมอบหมายลงมาจากโค้ช ดูจากลักษณะการเล่นของเสือใต้แล้ว ดูเหมือนอ็อตมาร์ ฮิตซ์เฟลด์จะเน้นการขึ้นเกมทางริมเส้นมากกว่าที่จะเจาะเข้ามาตรงคู่กองหลังตัวกลางของเรา การที่บาเยิร์นมีทั้งชไวนี่ ลาห์ม และเอ็มด้วยนั้นทำให้ ฮิตซ์เฟลด์มั่นใจเหลือเกินว่าเขาน่าจะสามารถเอาชนะทั้งอ็อดโด้ทางฝั่งขวาและแยนคูลอฟสกี้ทางฝั่งซ้ายได้ แต่นั่นก็ไม่ได้เกินความคาดหมายของอันเชล็อตติแต่ประการใด กัตตูโซ่และอัมโบรซินี่ มิดฟิลด์รุ่นพี่ของพวกเราได้ถูกกำชับมาเป็นอย่างดีเช่นกันให้เป็นด่านหน้าเข้าปะทะกับปีกของบาเยิร์นทั้งสองข้างก่อนที่พวกเขาจะได้เผชิญหน้ากับกองหลังตัวริมเส้นทั้งสองข้างของทีมเรา นั่นหมายความว่าถ้าเอ็มคิดจะเจาะแผงหลังของมิลานด้วยความสามารถเฉพาะตัว มันเองจะต้องพบกับอัมโบรซินี่ก่อนเป็นรายแรก จากนั้นตามมาด้วยแยนคูลอฟสกี้ และมัลดินี่เป็นตัวสุดท้าย ในส่วนของบาเยิร์นเองก็มีการวางแผนต้อนรับกาก้ามาเป็นอย่างดีเช่นกัน ฟานบอมเมล กองกลางตัวรับของฝั่งเสือใต้คือคนถูกส่งมาคอยพัวพันกาก้าไว้เพื่อไม่ให้ทำอะไรได้ง่ายๆ แต่ผมเองเชื่อเหลือเกินว่าถ้าไม่ทำฟาล์วตัดเกมฟานบอมเมลคงต้องพบกับงานที่ลำบากที่สุดในชีวิตของเขาแน่นอน กาก้าเองถึงแม้จะอายุมากกว่าพวกเราแค่ปีเดียว แต่เขากลับมีฝีเท้าและมันสมองที่ทำให้ผมกับเทพทึ่งอยู่เสมอๆในการฝึกซ้อมด้วยกัน และถึงแม้อัมโบรซินี่กับกัตตูโซ่จะเป็นกองกลางตัวรับที่มีฝีเท้าระดับต้นๆของยุโรปอยู่แล้ว แต่ในช่วงเวลาซ้อม ทั้งคู่ก็ยังแทบจะไม่สามารถหยุดกาก้าได้เลยถ้าไม่มีการตัดเกมกันเกิดขึ้น และถ้ากาก้าเป็นกุญแจสำคัญในชัยชนะของมิลานแล้ว ทางฝั่งบาเยิร์นเองผมมองว่าลูคัส โพโดลสกี้คือคนๆนั้น โพลดี้เป็นรุ่นน้องพวกเรา 2 ปี แต่เขามีความแข็งแกร่งและดุดันไม่แตกต่างจากชไวนี่แต่อย่างใดเลย อีกทั้งเท้าซ้ายอันทรงพลังของเขาพร้อมที่จะส่งบอลไปตุงตาข่ายของคู่ต่อสู้ได้ตลอดเวลา และเมื่อเวลาผ่านไปไม่ถึงสิบนาทีของครึ่งแรก โพโดลสกี้ก็แสดงให้เห็นว่าสิ่งที่ผมคิดนั้นไม่ผิดไปจากความจริงเลย ถ้าไม่ได้ดิด้าที่บินไปเซฟลูกยิงเต็มแรงด้วยเท้าซ้ายของโพลดี้ในจังหวะนี้ไว้งานของพวกเราคงลำบากขึ้นอย่างมากทีเดียว เกมของมิลานเราไม่ดีเลย อินซากี้ซึ่งเล่นกองหน้าคนเดียวไม่สามารถเก็บบอลได้ ไอ้โยเป็นคนคอยเข้าชน เข้าปะทะก่อนตลอดและถ้ายังสามารถจะฝืนไปต่อได้ก็จะเจอลูซิโอเข้ามาดักในจังหวะสองตลอด พวกเราเองพยายามฝากบอลไว้ที่กาก้าแต่ด้วยการประกบของฟานบอมเมลก็ทำให้กาก้าเองทำอะไรไม่ค่อยถนัดเท่าไรนัก แต่ถึงแม้รูปเกมของเราจะไม่ค่อยดีก็ตามแต่แล้วฟุตบอลก็แสดงให้พวกเราเห็นอีกครั้งว่าทำไมมันถึงเป็นกีฬาอันดับหนึ่งของโลกตลอดมา เกมผ่านไปถึงนาทีที่ 27 เอ็มพาบอลกระชากหนีไอ้เทพไปได้ด้วยความคล่องแคล่ว แต่นั่นไม่ได้พ้นสายตาของอัมโบรซินี่แต่อย่างใด อัมโบรซินี่ตัดสินใจเข้าเสียบสกัดเอ็มอย่างหนักหน่วงแต่เอ็มเองก็เร็วเกินกว่าที่อัมโบรซินี่จะคาดคิดไว้ ถึงแม้บอลจะกระดอนไปไกลสักนิดแต่เอ็มก็ยังคงไปถึงบอลก่อนที่แยนคูลอฟสกี้จะเข้าสกัดได้ เอ็มตัดสินใจจ่ายบอลเข้ากลางเพื่อทำชิ่งกับฮากรีฟ แต่ด้วยความชะล่าใจทำให้เอ็มไม่ได้มองว่าสิ่งที่กำลังจะทำนั้นอยู่ในการอ่านเกมของมัลดินี่หมดแล้ว มัลดินี่ขยับตัวเข้าไปดักบอลเอาไว้อย่างพอเหมาะพอเจาะพร้อมทั้งจ่ายบอลให้กับปิร์โล่ที่เข้ามาขอบอลไปทำเกม ชไวนี่เห็นแล้วว่าเกมของบาเยิร์นกำลังจะถูกโต้กลับอย่างอันตรายจึงปรี่เข้ามาเพื่อที่จะแย่งบอลและด้วยท่าทีที่เชื่องช้าเป็นเอกลักษณ์ของปิร์โล่ทำให้ชไวนี่เองติดประมาทเพราะคิดว่าคู่ต่อสู้ไม่พร้อมสำหรับการต่อสู้สักเท่าไร แต่แล้วการเข้าบอลพรวดพราดของเจ้าหนุ่มผมทองก็กลายเป็นโดนปิร์โล่วนอยู่กับที่หนึ่งรอบหลอกจนเข้าบอลพลาดไปอย่างไม่น่าเชื่อ เสี้ยววินาทีที่เอาตัวรอดออกมาปิร์โล่ตัดสินใจจ่ายบอลเร็วขึ้นหน้าไปให้กาก้าทันที กาก้าลากบอลกินพื้นที่ไปได้เพียงไม่เท่าไรฟานบอมเมลก็เข้ามาทำหน้าที่ของตัวเองอย่างทันท่วงที ฟานบอมเมลทั้งดึงทั้งรั้งจนกาก้าทำท่าจะไปต่อไม่ไหวแต่ก็ยังฝืนกินพื้นที่ไปให้มากที่สุด “ไหลมาเลยพี่” เทพเรียกบอลจากกาก้า กาก้าเห็นว่าไปต่อไม่ได้แน่จึงไหลบอลไปให้เทพในวินาทีเดียวกับที่ฟานบอมเมลเสียบสกัดไปที่กาก้าพอดี บอลไหลมาเข้าทางเทพในระยะประมาณ 30 หลาหน้าประตู อินซากี้วิ่งส่ายหาพื้นที่ทันทีแต่นั่นก็อยู่ในสายตาของลูซิโอและโยที่เฝ้าสังเกตการณ์เคลื่อนไหวอยู่แล้ว แต่ทั้งสองคนก็ลืมไปว่าขณะนี้ทั้งฮากรีฟและฟานบอมเมลไม่อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของตัวเองอีกต่อไปแล้ว เทพยังคงลากเข้ามาจนถึงระยะ 20 หลาหน้าประตู โยเริ่มรู้แล้วว่าสถานการณ์ของตัวเองเริ่มจะไม่ดีเพราะเทพมีพื้นที่มากจนเกินไปจึงตัดสินใจทิ้งตัวประกบแล้ววิ่งเข้ามาหมายจะเสียบสกัดบอลไม่ให้เทพสามารถไปต่อได้ แต่การตัดสินใจของโยช้าไปเพียงเสี้ยววินาที เทพตัดสินใจยิงบอลด้วยเท้าขวาอย่างสุดแรงพร้อมด้วยเลือกทิศทางให้บอลไปเสียบโคนเสาขวามือของคาห์นในลักษณะลูกยิงทแยงมุม บอลพุ่งผ่านตัวโยที่นอนเสียบสกัดอยู่บนผืนหญ้าและพุ่งลอดขาลูซิโอที่ยืนอยู่กับอินซากี้ วินาทีนี้มีเพียงโอลิเวอร์ คาห์นที่จะปฏิเสธการขึ้นนำครั้งนี้ของผู้มาเยือนได้ แต่แล้วโอลิเวอร์ คาห์นก็ได้รู้ว่าวันนี้พระเจ้าท่านใส่เสื้อสีแดงดำ

เกมเข้าสู่นาทีที่ 35 เจ้าบ้านก็ทำผิดพลาดอีกครั้ง เมื่อโยเช็คล้ำหน้าพลาดปล่อยให้ไอ้เทพตอกส้นให้อินซากี้หลุดเข้าไปดวลเดี่ยวกับคาห์นก่อนที่อินซากี้จะเลือกยิงเข้ากลางประตูให้ มิลาน ทิ้งห่างเป็น 2-0 จังหวะนี้จริงๆแล้วโยก็เช็คล้ำหน้าได้ตามปกติแล้ว แต่ว่าอินซากี้เองก็เรียกได้ว่าเป็นเจ้าพ่อสำหรับจังหวะเช็คล้ำหน้าในลักษณะนี้ บางครั้งพวกเราเองยังไม่เข้าใจว่าเขาทำแบบนี้ได้อย่างไร จริงๆแล้วบางครั้งมันก็ทำให้ทีมเสียโอกาสจากการยืนล้ำหน้าอยู่ตลอดเวลาของเขา แต่เมื่อใดก็ตามที่ไลน์แมนไม่ยกธง อินซากี้ก็ไม่เคยปล่อยให้โอกาสอย่างนี้สูญเปล่า และจังหวะนี้เองก็เช่นเดียวกัน พอเสียประตูติดๆ กันทำเอาเสือใต้ดูจะช็อคไปเลยทีเดียว การดันเกมบุกเริ่มไม่ขึ้นเพราะอย่างที่ทราบกันว่าเมื่อใดที่ทีมจากอิตาลีขึ้นนำก็มักจะลงไปตั้งรับหน้าประตูตัวเองอย่างหนาแน่น และวันนี้อันเชล็อตติก็ให้พวกเราทำอย่างนี้อีกครั้ง และพวกเราก็ทำงานของเราได้ดีจนกระทั่ง 45 นาทีแรกหมดลง

ครึ่งหลังเริ่มต้นขึ้นโดยที่ทั้งสองทีมยังไม่มีการเปลี่ยนตัวผู้เล่นแต่อย่างใด อันเชล็อตติกำชับอีกครั้งไม่ให้พวกเราเสียประตูแรกง่ายๆ เพราะเมื่อใดก็ตามที่เราถูกยิงประตูแรก ความกดดันจะถาโถมเข้าสู่พวกเราทันที เจ้าบ้านเองดูจะลงสนามครึ่งหลังด้วยความมุ่งมั่นเต็มพิกัด ทุกคนต่างเคลื่อนที่เข้าช่วยเหลือกันเพื่อที่จะหาทางเจาะเกมรับเต็มรูปแบบของมิลานให้จงได้ ชไวนี่และเอ็มได้บอลมากกว่าเพื่อน แต่อย่างที่ผมบอก อันเชล็อตติเองก็อ่านเกมไว้อยู่แล้วว่าเสือใต้ต้องมาในรูปแบบนี้แน่นั่นทำให้งานของกัตตูโซ่และอัมโบรซินี่ยังคงสำคัญมากๆสำหรับทีมเรา และเมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ และบาเยิร์นยังทำได้เพียงแค่ยิงในระยะไกล ฮิตซ์เฟลด์เองเริ่มไม่สบายใจและลุกขึ้นมายืนกระสับกระส่ายอยู่ที่ริมเส้นข้าง และหลังจากเกมล่วงเข้าสู่หนึ่งชั่วโมงแรกเขาก็เริ่มขยับแก้เกม เคลาดิโอ ปิซาร์โร่ ยอดกองหน้าร่างใหญ่ชาวเปรูก็ถูกส่งลงมาแทนรอย มาคายซึ่งไม่สามารถจะเอาชนะอเลสซานโดร เนสต้าได้เลยในวันนี้ ผมกับเทพเคยเผชิญหน้ากับเนสต้าในสมัยที่เราเพิ่งได้ขึ้นชุดใหญ่ใหม่ๆ และไม่ว่าจะเป็นการซ้อมที่ไม่ได้เน้นผลการแข่งขันสักเท่าไร พวกเราก็ยังไม่เคยดวลตัวต่อตัวเอาชนะเนสต้าได้เลยสักครั้งในการเล่นบนพื้น เพราะฉะนั้นการที่ปิซาร์โร่ลงสนามมานั้น ฮิตซ์เฟลด์คงตั้งใจจะใช้เกมโยนจากด้านข้างและด้านหลังเอาชนะเกมรับของเราแน่ๆ และเมื่อบาเยิร์นขยับเปลี่ยนแปลง อันเชล็อตติก็ไม่ยอมที่จะผิดพลาดแต่ประการใด “เอก ลุกไปวอร์มเดี๋ยวสักพักจะส่งเราลง”อันเชล็อตติพูดพร้อมกับชี้นิ้วมาที่ผม “ครับโค้ช” ผมลุกออกไปวิ่งวอร์มด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ ผมกับเทพเคยเล่นด้วยกันมาไม่รู้กี่ร้อยเกม แต่นี่จะเป็นครั้งแรกที่เราสองคนจะได้เล่นทีมเดียวกันในฟุตบอล UCL จนถึงตอนนี้ผมไม่รู้ว่าจะเรียกตัวเองว่าประสบความสำเร็จได้หรือยัง แต่ถึงอย่างไรผมก็ยังคงต้องพยายามต่อไปเพราะเป้าหมายของผมไม่ใช่แค่การได้ลงสนาม แต่มันยังมีอะไรมากกว่านั้นอีกมากมาย อันเชล็อตติปล่อยให้ผมวอร์มอยู่ชั่วครู่ก็เรียกผมมา “เดี๋ยวจะดันกาก้าไปเล่นกองหน้า เราลงไปแทนอินซากี้นะ ช่วยปิร์โล่ประคองเกมตรงกลางไว้ ถ้ามีโอกาสก็จ่ายให้กาก้ากับเทพเก็บบอล ห้ามเสียบอลแดนกลางเด็ดขาด ทำให้ผมเห็นว่าคุณสมควรลงเป็นตัวจริงในนัดหน้า” อันเชล็อตติสั่งเสียผมครั้งสุดท้ายก่อนจะส่งผมลงสนามไป ผมสูดกลิ่นอายของบรรยากาศที่ผมรอมาทั้งชีวิตให้เต็มปอด ก้มลงแตะหญ้าที่พื้นสนามราวกับว่ามันเป็นเพื่อน เงยหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืนก่อนตั้งสติอีกครั้งและแตะมือกับอินซากี้ที่วิ่งออกมาจากสนาม “ทำให้ดีนะไอ้เด็กไทย” อินซากี้พูด “ครับพี่” ผมตอบ เกมครึ่งชั่วโมงสุดท้ายเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับช่วงเวลาหลังจากที่เราขึ้นนำ 2 – 0 ผมได้บอลบ่อยครั้งพอๆกับปิร์โล่เราสองคนเคาะบอลจังหวะเดียวกินเวลาและล่อให้ทางฝั่งบาเยิร์นเข้ามาไล่บอลเพื่อเปิดพื้นที่ให้กับเทพและกาก้า เมื่อใดก็ตามที่บาเยิร์นผิดพลาด เราก็จะยัดบอลให้สองคนนั้นโต้กลับในทันที ในช่วงเวลาที่อึดอัดของทีมเจ้าบ้าน ไอ้โยเองก็หาโอกาสขึ้นมาส่องไกลอยู่เป็นบางครั้ง แต่ในทุกครั้งที่โยขึ้นมา เทพเองก็จะตามลงมาสกัดมาพัวพันอยู่ตลอดเวลาเพราะรู้ว่าเพื่อนเองเล่นฟุตบอลสไตล์ไหน เอ็มเองพยายามที่จะเอาชนะเกมริมเส้นและโยนบอลเข้ามาให้ปิซาร์โร่และโพโดลสกี้เข้าทำ แต่การที่คนเดียวจะเอาชนะตัวประกบที่เข้ามาทีละสองทีละสามนั้นก็เป็นเรื่องที่ยากพอตัวทีเดียว และเมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆบาเยิร์นเองก็ดูจะยอมรับสภาพของการตกรอบมากขึ้น จะมีก็เพียงเด็กไทยสองคนที่ยังคงพยายามอยู่ตลอดเวลาจนกระทั่งวินาทีสุดท้ายแต่แล้วทั้งสองคนก็ต้องยอมรับว่าแค่ความพยายามเพียงอย่างเดียวคงไม่เพียงพอในเกมฟุตบอลระดับนี้ มิลานของเราทำได้ดีกว่าในเรื่องของแท็กติกในวันนี้และด้วยนักเตะที่เขี้ยวและเก๋าในเกมระดับยุโรปมากกว่าก็ทำให้เราผ่านบาเยิร์น มิวนิคเข้าสู่รอบรองชนะเลิศไปจนได้ และเมื่อเสียงนกหวีดหมดเวลาดังขึ้น ผู้ชมรอบสนามรวมทั้งกลุ่มนักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่เข้ามาชมต่างลุกขึ้นปรบมือให้กับทั้งสองทีม ผมกับเทพมาแลกเสื้อกับโยและเอ็ม ตามที่พวกเราตกลงกันไว้แต่แรก “ได้ลงนิดเดียวเองกู แต่ยังไม่หายตื่นเต้นเลยนะนี่” ผมพูด “กูกับไอ้โยว่าเริ่มชินกับระดับบุนเดสลีกาแล้วนะ มาเจอมิลานมันแข็งกว่าเยอะเลย อัมโบรซินี่ชนกูแต่ละทีตัวกูแทบจะแตก กว่าจะผ่านไปสองคนได้ก็แทบตายแต่เจอมัลดินี่คนสุดท้ายก็เสร็จทุกที” ไอ้เอ็มตัดพ้อ “กูเองดีใจแทบตายตอนยิงเข้า แต่รู้เลยว่ามาเล่นข้างๆกาก้าและปิร์โล่นี่ เราเล่นบอลง่ายขึ้นเยอะว่ะ บอลจ่ายมาเล่นง่ายจริงๆ” เทพพูด “แต่กูเจออินซากี้เข้าไปงงเลย ตอนเราเคยดูในทีวีว่าไม่แข็ง แต่ตัวจริงตัวยังกับหิน แถมยืนล้ำหน้าตลอดประกบยากชะมัด เจอพวกพริ้วๆยังจะดีกว่า”โยพูด “พวกกูรับหน้าที่ไปจัดการไอ้ต้นในรอบหน้าเอง ตามดูนะโว้ย” ผมพูด “แล้วพวกกูจะคอยดู” เอ็มตอบรับแทนไอ้โยพร้อมทั้งชี้มาที่เสื้อของเราสองคน เราสี่คนยืนแลกเสื้อกันอยู่กลางสนามพร้อมทั้งเงยหน้ามองไปรอบๆตัวเองอีกครั้ง แฟนบอลเรือนแสนที่เข้ามาชมเกมเหล่านี้คงมีบ้างสักจำนวนหนึ่งที่ซื้อตัวมาดูพวกเราสี่คน แต่ถ้าวันนี้เรื่องนั้นยังไม่เกิดขึ้น พวกเราเชื่อเหลือเกินว่าวันหนึ่งพวกเราจะทำให้แฟนบอลซื้อตัวมาดูนักเตะจากประเทศไทยให้จงได้

DREAM 2 บทที่ 8 โค่นแชมป์เก่า



นับตั้งแต่พวกเราทุกคนย้ายมาทำมาหากินในแผ่นดินยุโรปแห่งนี้ นี่ดูจะเป็นปีที่ดีที่สุดของพวกเราทุกคนที่ต่างได้รับโอกาสให้ลงสนามไปหาประสบการณ์ในทีมชุดใหญ่กันถ้วนหน้า บางคนอาจจะได้ลงเล่นในเกมที่มีความสำคัญน้อยหรือบางคนอาจจะได้ลงเล่นช่วงท้ายเกมที่ผลการแข่งขันขาดไปแล้ว แต่ถึงแม้จะเป็นโอกาสที่เล็กน้อย พวกเราทุกคนก็ยินดีกับมันอยู่เสมอ เพราะเราตระหนักกันดีอยู่แล้วว่าพวกเราเป็นใครและมาจากไหน การต่อสู้ในแผ่นดินยุโรปไม่ได้ง่ายดายสำหรับนักเตะเอเชียอยู่แล้ว ไม่ว่าจะในยุคสมัยใดและยิ่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างพวกเราด้วยแล้ว การดูถูก การเหยียดผิวหรือเหยียดเชื้อชาติย่อมเกิดขึ้นอยู่เสมอๆเพราะในสายตาของเหล่านักเตะยุโรป อเมริกาใต้ หรือแอฟริกา พวกเราไม่มีอะไรไปเทียบพวกเขาได้เลย ทั้งทักษะ ความแข็งแกร่งหรือความเป็นมืออาชีพในด้านต่างๆ แต่สิ่งที่พวกเราทุกคนมี และใช้มันเอาชนะความเชื่อผิดๆของเหล่าเพื่อนนักเตะรวมทั้งสต๊าฟโค้ชนั่นก็คือ ความพยายาม
ในขณะที่การชิงชัยในแต่ละลีกกำลังเข้มข้นและเข้าสู่โค้งสำคัญในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีกส์ปีนี้เองก็มีความเข้มข้นไม่ได้ยิ่งหย่อนกันแต่อย่างใด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดของต้นสามารถเอาชนะลีลล์ของฝรั่งเศสไปได้ทั้งเหย้าและเยือนด้วยสกอร์เดียวกันคือ 1 – 0 โดยต้นได้รับโอกาสลงเล่นราว 70 นาทีในแมตซ์ที่แมนยูเตะในบ้านของตัวเอง และต้นเองเมื่อรู้ว่าทั้งแมนยู มิลาน และบาเยิร์น มีโอกาสที่จะได้เจอกันในรอบรองชนะเลิศ ต้นก็เลยไม่พลาดโอกาสที่จะบอกทั้งผมกับเทพและโยกับเอ็มว่า มันจะเข้าไปรอในรอบรองชนะเลิศก่อน เพราะมันมั่นใจว่าเพื่อนๆน่าจะช่วยกันปราบโรม่าที่จะพบกันในรอบ 8 ทีมสุดท้ายได้ และที่สำคัญมันเองก็จะขออเล็ก เฟอร์กูสัน บินมาดูฟอร์มของพวกเราด้วยในเกมที่บาเยิร์นจะพบกับมิลานในรอบ 8 ทีมสุดท้ายนี้ เราเองไม่รู้ว่าต้นอยากเจอใครมากกว่ากันระหว่างบาเยิร์นกับมิลาน แต่สำหรับพวกเราสี่คน ไม่ว่าใครจะได้ผ่านเข้ารอบต่อไป สิ่งที่เราต้องการที่สุดเป็นเพียงการได้ลงเล่นร่วมกันสี่คนในสนามเดียวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เรามาอยู่ที่ยุโรปนี้ ในส่วนของตัวผมเอง เพื่อนๆในทีมมิลานก็เกรงฟอร์มของบาเยิร์น มิวนิคมากพอสมควรเพราะการที่บาเยิร์นสามารถเอาชนะรีล มาดริดได้ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายนั้นก็เป็นเครื่องการันตีชั้นดีแล้วว่า เสือใต้ทีมนี้พร้อมเต็มตัวแล้วสำหรับการมุ่งไปสู่แชมป์ ucl ในฤดูกาลนี้ นอกจากพวกเราสี่คนที่จะได้พบกันในรอบ 8 ทีมสุดท้ายและอาจจะได้ไปพบกับต้นในรอบ 4 ทีมสุดท้ายแล้ว ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายนี้ก็มีอีกคู่หนึ่งที่พวกเราทุกคนใจจดใจจ่อรอชมกันอยู่ในขณะนี้ หลังการจับฉลากที่ทำให้บาร์เซโลน่าของตั๊กจับฉลากมาพบกับลิเวอร์พูลของนัท นั่นทำให้พวกเราทุกคนอยากจะชมการปะทะกันของสองทีมต่างสไตล์รวมทั้งการปะทะกันของเพื่อนเราสองคนด้วยแต่เนื่องจากภาระหน้าที่ในทีมที่พวกเราต่างมีเหมือนกันนั่นทำให้ไม่สามารถจะบินไปดูตั๊กกับนัทได้ด้วยตัวเอง ซึ่งนั่นก็สร้างความเสียดายให้กับพวกเราพอสมควรเลยทีเดียว แต่อย่างไรแล้วพวกเราก็คงไม่พลาดชมการถ่ายทอดสดอย่างแน่นอน

“พวกมึงไม่มาดูเหรอวะ นัดแรกแม่งดันแพ้ในบ้านทั้งๆที่เล่นดีมาก คราวนี้ไปเยือนแอนฟิลด์ โค้ชบอกต้องบุกเต็มที่ว่ะ” ตั๊กพิมพ์มาใน msn เดี๋ยวนี้พวกเราประหยัดค่าโทรศัพท์มากขึ้นด้วยเทคโนโลยีเหล่านี้ “กูยังไม่รู้เลยว่าราฟาจะให้เล่นอย่างไร อุดหรือว่าแลกไปเลย” นัทพิมพ์ “พวกกูซ้อมว่ะ แต่ยังไงจะดูถ่ายทอดสดแน่” ผมพิมพ์ “ช่วงนี้กูกับไอ้เอกถูกเคี่ยวหนักเพราะนักเตะส่วนใหญ่มีอายุแล้ว เค้าอยากให้พวกกูคอยช่วยเสริมเวลาเกมที่พวกรุ่นพี่หมดแรง” เทพพิมพ์ “แล้วพวกมึงสองคนจะได้ลงเปล่าวะเกมนี้” โยถาม “เออ ถ้าพวกมึงได้ลงเราคงดูสนุกกันขึ้น” เอ็มเสริมให้อีกคน “กูว่าไอ้นัทมีโอกาสนะ เพราะปีกซ้ายดีๆลิเวอร์พูลไม่มีเลยฤดูกาลนี้ แล้วในเกมลีกมันก็ได้ลงเล่นมาเยอะแล้วเหมือนกันนะ ถ้าราฟาจะใช้ปีก มันก็อาจได้รับโอกาส” ต้นให้ความเห็น “แต่กูสิคงยาก กองหน้าสามตัวระดับเทพทุกคน ถ้าจะได้ลงคงท้ายเกมจริงๆ” ตั๊กว่าตามความคิดของตัวเอง “เอาวะ หวังว่าทุกคนคงโชคดี แล้วพบกันใน ucl โว้ย” ผมบอกเพื่อนๆพร้อมทั้งร่ำลาแยกตัวกันไปซ้อมช่วงบ่ายต่อไป ผมยิ้มให้กับชีวิตของตัวเองและเพื่อนๆในวันนี้อีกครั้ง จากโค้กคัพมาจนถึงยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกส์ เส้นทางสายนี้ไม่เคยจะเรียบง่าย ขวากหนามมากมายที่คอยกั้นขวางไม่ให้พวกเรามาถึงตรงนี้ได้ แต่ห้าปีที่เต็มไปด้วยความพยายามในการพิสูจน์ตัวเองซึ่งในที่สุดแล้ว ห้าปีนั้นก็ไม่ได้หายไปไหน แต่มันกำลังออกดอกออกผลให้พวกเราเห็นอยู่ตรงหน้าในขณะนี้

แอนฟิลด์วันนี้มีชีวิตชีวาแตกต่างจากวันที่มีการแข่งขันพรีเมียร์ลีกมากทีเดียว ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกส์ให้ความแตกต่างทั้งในแง่ของมาตรฐานฝีเท้าของผู้มาเยือนและช่วงเวลาในการแข่งขัน เหล่าเดอะค็อปทั้งหลายเฝ้ารอเหล่าซูเปอร์สตาร์จากต่างแดนที่จะเข้ามาเป็นเหยื่อให้กับเครื่องจักรสีแดงที่พร้อมบดขยี้ทุกทีมที่มาขวางเส้นทางไปสู่แชมป์ ucl ในปีนี้ของพวกเขา และทุกสิ่งทุกอย่างยิ่งทวีความรุนแรงโหมกระหน่ำเมื่อผู้มาเยือนในวันนี้มีดีกรีเป็นถึงแชมป์เก่าของถ้วยใบนี้ในปีที่แล้ว อีกทั้งยังมีเหล่าดารามากมาย ซาบี้ เดโก้ โรนัลดินโญ่ เอโต้ เมสซี่ คือตัวอย่างรายชื่อของผู้มาเยือนในค่ำคืนนี้ ท่ามกลางเสียงเพลง you will never walk alone ที่ดังอื้ออึงไปทั่วทั้งแอนฟิลด์ ใบรายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีมก็ได้ถูกแจกจ่ายไปสู่เหล่านักข่าวที่เข้ามาเป็นสักขีพยานในเกมนี้เรียบร้อยแล้ว จากนัดแรกที่ทีมหงส์แดงไปเก็บชัยชนะได้ถึงคัมป์นู นั่นทำให้เจ้าบุญทุ่มบาร์เซโลน่าจำเป็นจะต้องบุกแหลกในเกมนี้และนี่คือรายชื่อ 11 ตัวจริงภายใต้ระบบ 4-3-3 ที่แฟรงค์ ไรจ์การ์ดผู้เป็นกุนซือต้องการ ผู้รักษาประตู บัลเดส กองหลังไล่จากซ้ายไปขวา ซิลวินโญ่ มาร์เกวซ ตูราม ปูโยล กองกลาง อิเนสต้า ซาบี้ เดโก้ และกองหน้า เมสซี่ เอโต้ ดินโญ่ ดูจากรายชื่อผู้เล่นแล้ว ผลการแข่งขันในเกมแรกนั้นไม่ควรจะเกิดขึ้นกับทีมที่มีตัวผู้เล่นระดับสุดยอดเต็มทีมเช่นบาร์เซโลน่าทีมนี้ แต่ฟุตบอลก็ยังคงแสดงความน่าสนใจของมันอยู่ตลอดเวลา และในวันนี้ราฟาเอล เบนิเตซจะแสดงสิ่งเหล่านั้นให้เราเห็นอีกครั้งด้วยผู้เล่นต่อไปนี้นายทวาร เรน่า กองหลังจากซ้ายไปขวา รีเซ่ แอกเกอร์ คาราเกอร์ อาเบลัว กองกลางทั้งสี่ตัวประกอบด้วย เจอร์ราร์ด อลองโซ่ ซิสโซโก้ และนัท ปีกดาวรุ่งจากประเทศไทยที่ได้ลงสัมผัสเกม ucl เป็นครั้งแรกของชีวิต และคู่กองหน้า เบลลามี่ เคร้าซ์
ที่มิลาน “เทพๆ ไอ้นัทได้ลงด้วยโว้ย แต่ไอ้ตั๊กแค่สำรองว่ะ” ผมพูด “แค่สำรองก็ดีใจตายห่าแล้ว ดีใจกับพวกมันจริงๆว่ะ” เทพพูด
ที่มิวนิค “ไอ้นัทแม่งเอาจนได้ว่ะ แจ๋วจริงๆมัน” เอ็มพูด “ตอนนั้นยังไปคัดที่บีอีซีกับกู ไม่คิดเลยแม่งจะมีวันนี้ แล้วไอ้ตั๊กล่ะวะ” โยพูด “สำรองว่ะ ลุ้นให้แม่งได้ลง สนุกแน่วันนี้” เอ็มพูด

ที่แมนเชสเตอร์ “เสียดายไม่ได้ไปดู แต่กูจะเชียร์มึงทั้งสองคนนะ สู้โว้ย” ต้นให้กำลังใจเพื่อนๆผ่านหน้าจอทีวีอีกครั้ง
บาร์เซโลน่าจะเป็นฝ่ายเขี่ยลูกก่อน เบื้องหน้าของนัทเต็มไปด้วยนักเตะระดับสุดยอดที่พวกเราทุกคนใฝ่ฝันที่จะปะทะฝีเท้าด้วยอยู่ตลอดเวลาและเมื่อวันนี้ความฝันของนัทมันเป็นจริงขึ้นมา มันแทบจะระงับความตื่นเต้นเอาไว้ไม่ได้เลยทีเดียว มันพยายามหายใจเข้าออกอย่างช้าๆ เพื่อคลายความตื่นเต้นลงเพราะนี่คือโอกาสสำคัญที่มันจะต้องโชว์ฟอร์มให้ดีเพื่อให้แมวมองทั่วทั้งยุโรปเห็นว่านักเตะไทยก็ไม่ได้ด้อยความสามารถกว่านักเตะยุโรปแต่อย่างใด เบนิเตซเองบอกกับนัทก่อนเกมว่ามันต้องประจำการทางริมเส้นไม่ให้หุบเข้ากลางเพราะว่าต้องคอยป้องกันไม่ให้ปูโยลกัปตันทีมของทางคู่ต่อสู้เติมเกมขึ้นมาอย่างสะดวกได้และเมื่อเป็นฝ่ายบุก มันต้องพยายามโยนเข้ากลางเพื่อใช้จุดเด่นของปีเตอร์ เคร้าซ์ เข้าทำประตู ซึ่งเบนิเตซเองมั่นใจว่ากองหลังของบาร์เซโลน่าไม่ถนัดกับการรับมือลูกโยนเข้าทำจากทางด้านข้างแน่ นัททบทวนทุกอย่างในใจอีกครั้งก่อนที่บอลจะเคลื่อนจากเท้าของนักเตะบาร์เซโลน่าเพื่อเป็นการเริ่มเกมและเมื่อลูกฟุตบอลหมุน ประสบการณ์ใน ucl นัดแรกของนัทก็หมุนตามราวกับมันพยายามจะบอกกับเราว่าฟุตบอลไม่มีทางแยกจากมันได้ไม่ว่าจะเมื่อไรก็ตาม

เกมเป็นไปอย่างที่ทุกคนพอจะคาดเดากันได้ บาร์เซโลน่าที่เสียประตูทีมเยือนไปในนัดที่แล้วเป็นฝ่ายดาหน้าเข้าบุกลิเวอร์พูลในชนิดที่เรียกได้ว่าโงหัวไม่ขึ้น แต่เหล่าแผงหลังและแผงกองกลางที่ทำหน้าที่เป็นกำแพงหนาสองชั้นนั้นไม่เปิดโอกาสให้ผู้มาเยือนสามารถทำอะไรโฆเซ่ เรน่าได้มากนักอีกทั้งเมื่อสบโอกาสที่บาร์ซ่าพลาดให้ ลิเวอร์พูลก็ตอบโต้คืนได้อย่างเจ็บๆเช่นเดียวกันโดยเฉพาะการขึ้นเกมทางฝั่งซ้ายของไอ้นัทที่สามารถกดดันปูโยลได้ด้วยความเร็วและทักษะของมันแต่ด้วยความแข็งแกร่งและประสบการณ์ของปูโยลก็ยังทำให้เจ้าตัวสามารถเอาตัวรอดได้อยู่ตลอดเวลาแต่แล้วด้วยความดื้อดึงจะเอาชนะของไอ้นัทเองมันก็ทำให้ทีมเสียหายในแบบที่เกือบจะประเมินค่าไม่ได้เลยทีเดียว มันเกิดขึ้นจากจังหวะโต้กลับในช่วงนาทีที่ 30 ในขณะที่ซาบี้กับอิเนสต้าชิ่งบอลกันอยู่ตรงกลางสนามนั้น เจอร์ราร์ดตัดสินใจเข้าเสียบสกัดหนักใส่อิเนสต้าทันทีที่บอลมาถึงเท้ากองกลางจอมพลิ้ว อิเนสต้าเองพยายามจะเอาตัวรอดแต่ในจังหวะนี้เจอร์ราร์ดเป็นฝ่ายที่ทำได้ดีกว่า ถ้าพูดกันอย่างเป็นกลางกรรมการบางท่านอาจจะตัดสินว่าจังหวะนี้เจอร์ราร์ดทำฟาวล์ใส่อิเนสต้าก็ได้เพราะว่าเป็นจังหวะการเข้าบอลที่รุนแรงเกินกว่าเหตุ แต่เมื่อเสียงนกหวีดไม่ดังขึ้นอลองโซ่ที่เก็บบอลมาได้ก็บรรจงวางยาวออกทางด้านซ้ายให้กับนัท นัทลากจี้เข้าไปผ่านกลางสนามเข้าสู่พื้นที่แดนกลางของทางบาร์ซ่า เดโก้กองกลางร่างเล็กจากโปรตุเกสพยายามวิ่งเข้ามาเสียบสกัดแต่ก็ไม่ทันการณ์เสียแล้ว นัทยังคงกระชากผ่านการเสียบสกัดไปได้พร้อมกับที่กำลังจะเผชิญหน้ากับปูโยลที่จ้องจะจัดการกับปีกร่างบางชาวไทยให้รู้จักกับฟุตบอลยุโรปดีมากยิ่งขึ้น ในจังหวะที่นัทกำลังกระชากเข้าไปนั้น รีเซ่เองก็เติมเกมขึ้นมาทางซ้ายพร้อมทั้งเรียกบอลจากนัท อีกทั้งเจอร์ราร์ดเองที่ลุกมาจากการเสียบสกัดก็วิ่งตามมาขอบอลอยู่ตรงกลางสนาม แต่เสียงเรียกบอลทั้งหมดก็เป็นแค่เพียงสิ่งที่นัทไม่เคยได้สนใจ การเผชิญหน้าตัวต่อตัวกับปูโยลต่างหากคือสิ่งที่มันคิด เมื่อระยะทางระหว่างนัทกับปูโยลอยู่ที่ไม่เกินสองเมตร นัทเลือกใช้การแตะบอลอ้อมปูโยลไปทางซ้ายก่อนที่ตัวมันเองจะวิ่งอ้อมปูโยลไปทางขวาเพื่อที่จะเอาบอล ทุกอย่างกำลังดูจะไปได้สวยแต่แล้วในขณะที่มันกำลังวิ่งอ้อมไปเอาบอลนั้น ตูรามซึ่งวันนี้เล่นตำแหน่งกองหลังตัวกลางก็ใช้ประสบการณ์ในการอ่านเกม วิ่งออกมาจากโซนรับพร้อมทั้งตัดบอลลูกนี้ไปก่อนที่นัทจะเข้ามาถึง จากนั้นบอลถูกผ่านไปข้างหน้าตามสไตล์ของบาร์เซโลน่าและเพียงไม่ถึงนาทีจากที่เสียบอลโรนัลดินโญ่ก็บรรจงลากบอลผ่านอาเบลัว อีกทั้งโยกหลอกคาราเกอร์จนหลงทางและจ่ายให้กับเอโต้ ยอดศูนย์หน้าจากแคเมอรูนเพื่อไปดวลเดี่ยวกับเรน่านายประตูหัวโล้นของทีมกระทิงดุสเปนและแล้วเมื่อหมดเวลาครึ่งแรก บาร์ซ่าก็เป็นฝ่ายขึ้นนำไปก่อน 1 – 0 และแน่นอนคนที่ถูกตำหนิในห้องพักมากที่สุดก็ไม่พ้นนัทเนื่องจากมันทำเสียบอลในจังหวะโต้กลับซึ่งเกิดขึ้นจากความมุทะลุจะเอาชนะเพียงอย่างเดียวโดยไม่สนใจว่าทีมจะเป็นอย่างไรและผลกระทบของการเสียประตูจังหวะนี้จะทำให้ลิเวอร์พูลตกรอบเลยหรือไม่ ใครก็ไม่อาจรู้ได้

เวลาผ่านไป 15 นาที นักเตะทุกคนทยอยเดินลงสู่สนาม นัทยังคงไม่ถูกเปลี่ยนตัวออกและได้รับโอกาสแก้ตัวต่อไป ตั๊กเดินมาให้กำลังใจเพื่อนก่อนแยกตัวไปนั่งที่เก้าอี้สำรองเพื่อรอโอกาสของตัวเองเหมือนเดิม ด้วยความที่สกอร์นัดแรกลิเวอร์พูลเป็นฝ่ายชนะไป 2 – 1 นั่นทำให้ด้วยสกอร์ที่เป็นอยู่ตอนนี้ลิเวอร์พูลยังคงจะเป็นผู้เข้ารอบถ้าเกมจบลงตรงนี้ แต่เมื่อใดก็ตามถ้ามีประตูถัดไปเกิดขึ้นฝ่ายที่ทำประตูได้จะค่อนข้างได้เปรียบมากทีเดียวในการเข้าสู่รอบต่อไปและเมื่อเกมครึ่งหลังเริ่มขึ้น บาร์เซโลน่ายังคงปูพรมถล่มเข้าใส่ลิเวอร์พูลอย่างไม่หยุดยั้งแต่ลิเวอร์พูลก็ยังคงใช้สไตล์การเล่นเกมรับด้วยกองกลางและกองหลังทั้ง 8 คนอยู่ในแดนตัวเองนั่นทำให้เกมเป็นไปอย่างอึดอัดต่อทั้งสองฝ่าย ทางราฟาเอล เบนิเตซเองก็คงมั่นใจในตัวลูกทีมถึงได้ให้เล่นในรูปแบบนี้ แต่สำหรับนัทซึ่งไม่ถนัดเกมรับเท่าไรแล้ว การเล่นแบบนี้ดูจะลำบากสำหรับมันอยู่มากทีเดียวแต่ราฟาเองก็ยังต้องการที่จะเก็บมันไว้ในสนามเพื่อที่จะเล่นจังหวะโต้กลับได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งราฟายังได้บอกมันมาว่าใน 15 นาทีสุดท้าย ลิเวอร์พูลจะเปิดเกมสู้โดยที่บาร์ซ่าอาจจะไม่ทันได้ตั้งตัวเลยทีเดียว และจนกระทั่งนาทีที่ 65 ของเกม สกอร์ก็ยังคงถูกตรึงอยู่ที่เดิม ไรจ์การ์ดเองในฐานะของโค้ชจึงไม่สามารถอยู่เฉยได้แล้วในสถานการณ์เช่นนี้ และแล้วเขาก็กวักมือให้ลูกทีมที่นั่งกันอยู่หลายต่อหลายคนลุกมาวอร์มกันเพื่อเตรียมตัวลงสนามและหนึ่งในนั้นก็มีตั๊กของเราอยู่ด้วยเช่นกัน และเมื่อบาร์ซ่าโดนโต้กลับจากการเสียบอลแดนกลางอีกครั้งและคราวนี้ไอ้นัทสามารถโยนเข้ากลางให้เคราซ์โขกบอลไปให้บัลเดสได้ออกแรงอีกครั้งซึ่งเป็นครั้งที่สามแล้วในครึ่งหลัง เมื่อนั้นทำนบความอดทนของไรจ์การ์ดก็หมดลง “ตั๊กนายเปลี่ยนชุดเลย เดี๋ยวลงไปแทนเมสซี่นะ” ไรจ์การ์ดพูด แค่เพียงคำพูดสั้นๆไม่กี่พยางค์นี้ มันก็ทำให้หัวใจของตั๊กเต้นไม่เป็นจังหวะเสียแล้ว

“ยิงประตูให้ได้นะตั๊ก ทำหน้าที่แทนเราด้วย”เมสซี่พูด “ไม่ต้องห่วงน่ะ คอยดูละกัน” ตั๊กตอบรับเป็นมั่นเหมาะ ทั้งสองคนแปะมือกันก่อนที่ตั๊กจะได้ลงสนามไปทำหน้าที่กองหน้าตัวกลางแทนโดยเอโต้จะเป็นผู้ถ่างออกมาเล่นกองหน้าริมเส้นฝั่งขวาแทนเมสซี่เอง ตั๊กคิดในใจว่าโอกาสดีๆอย่างนี้ไม่ได้มาบ่อยๆเพราะฉะนั้นมันจะทำให้ดีที่สุดเท่าที่มันจะทำได้และเมื่อ ucl แมตซ์นี้ มีคนไทยถึงสองคนที่อยู่ในสนามแข่งขัน แน่นอนว่ามันจะต้องเป็นแมตซ์ในความทรงจำของแฟนบอลชาวไทยไปอีกนานอย่างแน่นอนและไม่แน่ว่าสิ่งนี้อาจจะถูกจดจำมากกว่าผู้ชนะในวันนี้เสียอีก

ตั๊กรับบอลมาจากเอโต้ก่อนเอาตัวบังไม่ให้คาราเกอร์เข้ามาแย่งจากทางด้านหลังได้ มันพลิกตัวทำชิ่งกับโรนัลดินโญ่ก่อนวิ่งเข้าไปรับบอลในเขตโทษแต่เมื่อบอลมาถึงมันแอกเกอร์เองก็มาถึงตัวมันแล้วเช่นกัน ตั๊กพยายามโยกหลอกแอกเกอร์เพื่อหาจังหวะยิงแต่ด้วยพื้นที่ที่แคบไปสักนิดนั่นทำให้มันไม่สามารถทำได้สำเร็จ บอลถูกตัดจากแอกเกอร์ก่อนผ่านเท้าอลองโซ่เข้าไปสู่เท้านัทอีกครั้ง มันกระชากแล้ววิ่งแข่งกับปูโยลเหมือนที่มันเอาชนะได้มาตลอดทั้งเกมแต่คราวนี้มันระวังการเข้าซ้อนของตูรามเป็นอย่างดีเพราะเคยผิดพลาดมาก่อนแล้ว 10 นาทีสุดท้ายของเกม ราฟาโบกมือให้นักเตะตัวเองดันเกมเข้าไปในแดนของบาร์ซ่าอย่างที่ไม่ได้ทำมาเลยตลอด 80 นาทีที่ผ่านมา นัทผ่านบอลเข้ากลางให้กับเจอร์ราร์ดที่เติมขึ้นมาก่อนที่เจอร์ราร์ดจะฝากบอลไปที่เบลลามี่ที่ฉีกตัวไปเก็บบอลอยู่ทางริมเส้นฝั่งขวา แต่แล้วด้วยความเร็วที่ไม่เป็นรองกันนั่นก็ทำให้ซิลวินโญ่สามารถเอาชนะการดวลกันตัวต่อตัวกับเบลลามี่ในจังหวะนี้ได้ถึงแม้ว่าจะกระเสือกกระสนไปสักนิดแต่บอลก็ยังถูกผ่านไปถึงเดโก้ได้สำเร็จจนได้ เดโก้ใช้สายตาและทักษะที่มีอยู่อัดแน่นในตัวให้เป็นประโยชน์ในจังหวะนี้ด้วยการแทงบอลทะลุช่องไปให้ตั๊กหลุดทะลุการเช็คล้ำหน้าไปได้อย่างไม่ยากเย็น และจังหวะแบบนี้เพิ่งจะมีขึ้นเป็นครั้งแรกของเกมนี้เนื่องจากลิเวอร์พูลเพิ่งจะเปิดเกมสู้ในช่วงท้ายของครึ่งหลังนี้เอง ด้วยความเร็วซึ่งเป็นจุดอ่อนของตั๊กนั่นทำให้มันควบบอลเข้าไปถึงเขตโทษพร้อมๆกับที่คาราเกอร์ที่วิ่งตามลงมาสกัดพอดี และเพียงเสี้ยววินาทีแห่งความหวัง ตั๊กล๊อคบอลเข้าเท้าซ้ายก่อนซัดเต็มแรงในขณะที่คาราเกอร์ก็กระโดดเสียบสุดตัวเข้ามาขวางบอลราวกับไม่กลัวการบาดเจ็บแต่อย่างใด บอลแฉลบคาราเกอร์จนเปลี่ยนทิศทางหนีมือเรน่าลอยไปหาก้นตาข่ายที่ว่างเปล่า ช่วงเวลานี้ทั้งสนามแอนฟิลด์เงียบกริบเปรียบดังผู้ชมเรือนแสนต่างกลั้นหายใจเพื่อลุ้นระทึกกับจังหวะสำคัญจังหวะนี้แต่แล้วเทพีแห่งโชคก็เป็นชาวเมืองลิเวอร์พูลอย่างที่เดอะ ค็อปเชื่ออย่างนั้นมาโดยตลอด จังหวะยิงที่ถนัดถนี่ที่สุดของตั๊กกลับถูกปฏิเสธโดยคานประตูในสนามแห่งนี้อย่างที่ตั๊กไม่ได้คาดคิดไว้ นักฟุตบอลทุกคนของบาร์เซโลน่าต่างไม่อยากจะเชื่อสายตาว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นในลักษณะนี้ และแล้วเสียงนกหวีดของกรรมการก็ดังขึ้น ความพ่ายแพ้ 0 -1 ก็ยังคงดีพอที่ลิเวอร์พูลจะผ่านเข้าสู่รอบต่อไปได้และนั่นก็ยังความเสียใจมาสู่ชาวคาตาลันทุกคนที่รอลุ้นผลนัดนี้กันอย่างใจจดใจจ่อแต่สุดท้ายแล้วฟุตบอลก็มีเรื่องโชคมาเกี่ยวข้องอยู่เสมอและคราวนี้ก็เช่นกัน

“ดีใจด้วยโว้ย เข้าชิงให้ได้นะเพื่อน” ตั๊กพูด “บาร์ซ่าเล่นฟุตบอลได้ดีกว่านะ แต่ฟุตบอลก็อย่างนี้ล่ะวะ แล้วจะเข้าชิงแทนละกันเพื่อน” นัทตอบเพื่อนรักไปตามที่ตัวเองคิดจริงๆ และไม่ว่าผลของเกมนี้จะเป็นอย่างไร คำว่าเพื่อนระหว่างทั้งสองคนจะไม่เปลี่ยนแปลงไปไหนและทั้งสองคนก็หวังว่าทุกคนในประเทศไทยคงจะจำเกมนี้กันได้ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไรเพราะการที่คนไทยสองคนลงเตะพร้อมกันใน UCL รอบน็อกเอาท์มันไม่ได้เกิดขึ้นกันอยู่บ่อยๆและถ้าไม่ใช่พวกเราที่ตัดสินใจจะมาตามฝันกันด้วยตนเอง พวกเราจินตนาการไม่ออกเลยว่าเมื่อไรจะมีวันนี้สำหรับประเทศไทยสักที

DREAM 2 บทที่ 7 วันเวลาที่ผันผ่านกับฤดูกาลที่ผ่านผัน



5 ปีแล้วสินะ ที่ผมมาอยู่ที่อิตาลี ในวัยเด็กผมฝันถึงวันนี้มาโดยตลอดแต่พอผมได้มาสัมผัสดินแดนแห่งนี้จริงๆ ผมรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขยิ่งกว่าในฝันเสียอีก นับตั้งแต่วันที่ฟรานเชสโก้ซึ่งเป็นแมวมองของมิลานและพี่ตุ๊กเพื่อนชาวไทยของฟรานเชสโก้ได้เห็นฝีเท้าของผมที่หัวหินเป็นครั้งแรก จากวันนั้นเป็นต้นมาชีวิตของผมไม่เคยเหมือนเดิมอีกเลย จากเด็กคนหนึ่งที่ฝันถึงฟุตบอลอยู่ในทุกขณะจิตกลับกลายมาเป็นนักฟุตบอลอาชีพคนหนึ่งในกัลโช่ ซีรีย์อาที่อาจจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับเด็กๆจากเมืองไทยหรือจากเอเชียอีกหลายคนที่ใฝ่ฝันจะมาค้าแข้งที่นี่เช่นเดียวกัน และนอกเหนือจากการได้มาค้าแข้งที่นี่แล้ว ในช่วงหน้าร้อนที่ผ่านมาอิตาลียังสามารถคว้าแชมป์โลก 2006 ได้ด้วยชัยชนะเหนือฝรั่งเศสจากการดวลลูกจุดโทษ โดยที่ในเวลานั้นเสมอกัน 1 ประตูต่อ 1 ซึ่งถึงแม้ผมเองจะไม่ใช่ชาวอิตาเลี่ยนโดยสายเลือด แต่หัวใจดวงนี้ของผมก็มีเลือดอัซซูรี่มาตั้งแต่เด็กและยิ่งผมได้มาค้าแข้งอยู่ที่นี่ด้วยแล้ว คงมีเพียงแมตซ์เจอกับทีมชาติไทยเท่านั้นที่ผมจะไม่เชียร์อิตาลีในการแข่งขันระดับชาติ และด้วยความรู้สึกที่ผมมีเหล่านั้นมันทำให้ฟุตบอลโลกครั้งนี้เปรียบเสมือนครั้งที่สำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตผมทีเดียว แต่เมื่อฟุตบอลโลกจบลง ชีวิตนักฟุตบอลของพวกเราก็ต้องดำเนินต่อไป ในทีมมิลานเราเอง หลังจากผ่านการได้แชมป์ลีกในฤดูกาล 2003 – 2004 มาก็ดูเหมือนกับว่าเพื่อนๆพี่ๆในทีมผมจะทำผลงานในสโมสรยุโรปได้ดีกว่าในลีกอย่างเห็นได้ชัด เหตุผลหนึ่งที่ทำให้เรามีความมุ่งมั่นเป็นพิเศษในถ้วยยุโรปก็เพราะว่าค่ำคืนอัปยศในอิสตันบูลยังคงหลอกหลอนพวกเราทุกคนอยู่อย่างไม่มีทีท่าจะจางหายไป การถูกยิง 3 ลูกใน 6 นาทีของนัดชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกส์ไม่มีทางที่พวกเราจะให้อภัยตัวเองได้ อีกทั้งเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมาพวกเรามีโอกาสที่จะได้เข้าไปคว้าแชมป์เพื่อล้างอายให้กับทีมแต่ความมหัศจรรย์ของโรนัลดินโญ่ก็ทำให้พวกเราไม่สามารถไปถึงฝั่งฝันได้ ตั๊กเองโทรมาล้อเลียนผมอยู่หลายวันกับความพ่ายแพ้ในรอบรองชนะเลิศของทีมผมต่อบาร์เซโลน่าของมัน แต่ว่าก็ว่าเถอะพวกเราเองก็ยังคงเป็นได้แค่ตัวสำรองกันทั้งคู่ แต่ฤดูกาลนี้เราทั้งสองคนก็ต่างสัญญากันว่าจะยึดตัวจริงของทีมให้ได้ ซึ่งรายชื่ออย่าง ปิร์โล่ กาก้า ซีดอร์ฟ กัตตูโซ่ หรือแม้กระทั่ง ซาบี้ อิเนสต้า นั้นทำให้พวกเราต้องพยายามมากกว่าร้อยเปอร์เซ็นต์ไปอีกหลายขั้นจึงจะสามารถไปถึงฝันของพวกเราได้ และไม่เพียงแค่เราสองคนเท่านั้นที่ต้องพยายาม เอ็มและโยที่อยู่ในทัพสำรองของทั้งสองเกมที่บาเยิร์นแพ้มิลานของผมในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ucl เมื่อปีที่แล้วต่างก็ต้องพยายามเบียดแทรกลงตัวจริงเช่นเดียวกัน โยเองหลังจากเป็นเด็กฝึกในสังกัดบีอีซีอยู่ได้แค่สองปีก็ได้รับโอกาสให้มาฝึกฝีเท้าที่บาเยิร์นมิวนิคเป็นเวลา 1 ปี และถ้าทางบาเยิร์นพอใจในฝีเท้าก็จะได้รับการเซ็นสัญญาเข้าเป็นนักเตะอาชีพกับสโมสร และโยก็ไม่ทำให้ตัวเองต้องผิดหวัง ปีนี้เช่นกันที่พวกมันทั้งสองคนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะยึดตำแหน่งตัวจริงในทีมให้ได้พร้อมทั้งพาทีมฟันผ่าเหล่าบรรดาทีมต่างๆใน ucl เพื่อมาพิชิตแชมป์ให้ได้อีกครั้งหลังจากทีมเยอรมันเองทำผลงานตกต่ำไปนานในถ้วยใหญ่ถ้วยนี้ อ่อผมเองคงลืมบอกคุณไปสินะว่าไม่ใช่แค่โยที่ได้รับโอกาสมาฝึกฝีเท้า เทพเองก็ได้รับโอกาสแบบนั้นเช่นกันและตอนนี้ผมก็ไม่ใช่คนไทยคนเดียวที่ได้เซ็นสัญญากับเอซี มิลาน เพราะว่าเทพเองก็ได้รับโอกาสนั้นเช่นกันหลังจากมาฝึกฝีเท้าที่นี่เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ดูเหมือนพวกเราทุกคนจะได้รับโอกาสที่ดีกันแทบจะหมดทุกคน แม้กระทั่งต้นที่เป็นตัวสำรองอยู่ที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเองก็เช่นกัน การที่แมนยูตกรอบแบ่งกลุ่มรอบแรกใน ucl ฤดูกาลที่แล้วนั่นทำให้อเล็ก เฟอร์กูสันเองต้องปรับเปลี่ยนทีมอย่างเต็มที่เพื่อทำผลงานให้ดีกว่าปีที่ผ่านมา และถ้าต้นโชว์ฟอร์มในการซ้อมได้ดี มันเองก็มีสิทธิ์ที่จะแทรกตัวลงในตำแหน่งตัวจริงของปีศาจแดงได้เช่นกัน แต่ถ้าจะว่ากันถึงคนที่โชคดีที่สุดในหมู่พวกเราแล้ว นัทดูน่าจะเป็นคนที่ได้รับรางวัลนี้ไปอย่างเอกฉันท์ เพราะเพียงแค่การไปซ้อมกับอาแจ็กซ์แค่ปีแรก มันก็ได้รับโอกาสให้สัมผัสกับการลงเล่นในลีกสูงสุดของฮอลแลนด์อย่างรวดเร็ว ถึงแม้จะเป็นเพียงการลงเล่นในฐานะของตัวสำรอง แต่แค่ 10 – 20 นาทีต่อเกมมันก็เพียงพอจะแสดงให้เห็นถึงอนาคตอันยาวไกลของนัทในฐานะนักฟุตบอลอาชีพได้เป็นอย่างดี และไม่เพียงแค่พวกเราเท่านั้นที่เห็นถึงความสามารถของนัท แมวมองของลิเวอร์พูลเองก็เห็นเช่นกัน เพียงแค่ปีที่สองของนัทในฮอลแลนด์เท่านั้นมันก็เป็นข่าวใหญ่ครึกโครมไปทั่วทั้งประเทศไทย เมื่อหงส์แดงลิเวอร์พูลทีมโปรดของมันเองทุ่มเงินซื้อตัวดาวรุ่งอายุเพียงแค่ 19 ปีอย่างมัน มิหนำซ้ำดาวรุ่งคนนั้นยังเป็นเพียงนักเตะจากชาติเล็กๆในเอเชียอีกด้วย และด้วยเหตุนี้เองนอกจากตั๊กที่คอยหัวเราะเยาะผมกับเทพเกี่ยวกับความพ่ายแพ้ในรอบรองชนะเลิศ ucl แล้วนั้น ความพ่ายแพ้ของมิลานต่อลิเวอร์พูลในปีก่อนหน้านั้นยังทำให้นัทโทรข้ามประเทศมาเยาะเย้ยผมกับเทพอยู่ไม่เว้นในแต่ละวัน แต่มันไม่ได้สร้างความหงุดหงิดจิตใจให้กับเราสองคนแต่อย่างใด เพราะว่าแค่การที่เราได้มาอยู่ตรงนี้กันนั้นมันก็เป็นเสมือนความฝันที่เราไม่เคยคิดว่าจะสามารถเอื้อมมาถึงได้เลยแม้สักนิดเดียว แต่เมื่อเราทุกคนมาถึงตรงจุดนี้ได้แล้วเราก็ต่างสัญญากับตัวเองว่าจะทุ่มเทให้เต็มที่ ไม่ให้เสียชื่อเสียงและเสียโอกาสทั้งของตัวเราเองและน้องๆนักฟุตบอลไทยที่อาจจะตามมาค้าแข้งกับพวกเราที่นี่ด้วย

นับจากวันนี้ไปก็เหลือเวลาอีกราวๆ 2 อาทิตย์ พรีเมียร์ลีกอังกฤษและบุนเดสลีกาก็จะเปิดฤดูกาลขึ้นก่อนใคร หลังจากนั้นอีก 2 อาทิตย์ก็จะเป็นคิวของลาลีกา สเปน และถัดมาอีกหนึ่งอาทิตย์ก็จะเป็นกัลโช่ซีรีย์อาของผม ผมเองสอบถามโปรแกรมจากเอ็มและโยว่าบาเยิร์นมีคิวลงเตะนัดแรกเจอกับใคร เผื่อว่าถ้าผมว่างจะได้ชวนเทพบินไปสังสรรค์กับสองคนนั้นรวมทั้งชมฟอร์มการเล่นของบาเยิร์นไปในตัวด้วย โยบอกผมมาว่าวันที่ 11 สิงหาคมจะเป็นนัดแรกของบาเยิร์น มิวนิค โดยจะลงเล่นในอัลลิอันซ์ อารีน่า ของตัวเอง ซึ่งสนามนี้นั้นใช้เป็นสนามแข่งฟุตบอลโลก 2006 นัดเปิดสนามด้วยเช่นกัน และข่าวดีที่สุดอีกข่าวหนึ่งที่พวกเราได้รับรู้ร่วมกันก็คือ เอ็มกับโยมีสิทธิ์จะได้ลงเล่นตัวจริงด้วยเช่นกันหลังจากโชว์ฟอร์มในการซ้อมได้ดีจนเฟลิกซ์ มากัธเอ่ยปากชมเลยทีเดียว ผมเองโทรนัดตั๊กมาเจอกันที่มิวนิคด้วย ซึ่งมันเองก็ตอบรับอย่างรวดเร็วเพราะอยากเจอเพื่อนอยู่แล้ว ส่วนนัทกับต้นนั้นไม่สามารถมาได้เพราะต้นสังกัดเองก็ใกล้จะลงสนามแล้วเช่นกัน ผม เทพ ตั๊ก ก็สัญญากับมันไว้ว่าอาจจะไปเยี่ยมมันสองคนที่อังกฤษเช่นกันถ้ามีโอกาส แต่ถึงแม้ว่าเราอาจจะไม่มีโอกาส ผมก็หวังไว้ว่าเราอาจจะได้เจอกันใน ucl ฤดูกาลนี้ก็เป็นได้ และถ้ามันเกิดขึ้นอย่างนั้นจริงๆ เราต่างคนก็คงต้องทิ้งคำว่าเพื่อนไว้ข้างสนามชั่วคราวจนกระทั่งหลังจาก 90 นาทีแห่งการแข่งขันจบลง มิตรภาพของเราก็จะยังคงอยู่เหมือนเดิมอย่างไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

บ่ายวันศุกร์ที่ 11 สิงหาคม ขณะนี้ผมและเทพอยู่ที่มิวนิค เราสองคนกำลังรอการมาถึงของตั๊กอยู่อย่างใจจดใจจ่อ เพราะว่าเรานัดกันตั้งแต่สายๆ แต่ว่าขณะนี้บ่ายสองโมงกว่าแล้วยังไม่มีใครเห็นวี่แววตั๊ก ตอนนี้เอ็มและโยกำลังอยู่ในห้องแต่งตัวเพื่อฟังแท็คติกจากมากัธ จากที่พวกเรารู้มาจากเอ็มและโย มากัธค่อนข้างจะเป็นกุนซือที่เน้นทางด้านแท็คติกค่อนข้างมากและยังเข้มงวดเรื่องความฟิตอย่างที่สุดซึ่งสิ่งนี้ก็สร้างความลำบากให้กับโยซึ่งไม่ค่อบชอบการฝึกซ้อมที่เน้นพละกำลังสักเท่าไร แต่สำหรับเอ็มแล้วเรื่องนี้ไม่มีผลกับมันแต่อย่างใดเพราะปกติมันก็เป็นประเภทที่วิ่ง 90 นาทีไม่มีวันหมดอยู่แล้วนั่นเอง

“เฮ้ย กูว่าเข้าสนามก่อนดีกว่าว่ะ ตั๊กแม่งมาหรือเปล่าไม่รู้” เทพพูด “เออว่ะ เดี๋ยวคนมันจะเยอะแล้วจะเข้าลำบาก” ผมเห็นด้วยกับเทพ “แล้วเอ็มกับโยมันจะได้ลงหรือเปล่าวะ ไม่ส่งข่าวมาเลย” เทพแสดงความกังวลออกมา “เออว่ะ แต่ก็เอาเถอะไปลุ้นกันข้างในละกัน” ผมพูดพลางพยักหน้าชวนเทพเดินเข้าไปข้างในตัวสนาม อัลลิอันซ์ อารีน่าเป็นสนามใหม่ที่เพิ่งเปิดใช้งานเมื่อ 2005 นี้เอง ภายในสนามค่อนข้างโออ่ากว้างขวางดีทีเดียว เราสองคนนั่งอยู่ฝั่งเดียวกับกองเชียร์บาเยิร์น มิวนิค เพื่อที่จะได้ส่งเสียงเชียร์เพื่อนสองคนได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกลัวว่าจะมีกองเชียร์คนอื่นมาเขม่นแต่อย่างใด เอ็มเล่าให้ผมกับเทพฟังว่ามันมีเพื่อนสองคนที่พบกันตอนที่มันมาเยอรมันใหม่ๆ ซึ่งทั้งสองคนนั้นเป็นนักเตะของบาเยิร์น มิวนิค และได้ลงเป็นตัวจริงมาตั้งแต่ก่อนฤดูกาลนี้แล้ว ซึ่งเดี๋ยวในช่วงที่เกมการแข่งขันเสร็จสิ้นมันจะพามาแนะนำให้เรารู้จักด้วย ผมนั่งอยู่สักพักก็เริ่มได้ยินเสียงคนดูโห่ร้องกันอื้ออึงพร้อมทั้งลุกขึ้นยืนปรบมือกันทั่วสนาม ป้ายผ้าต่างๆที่เตรียมมาก็เริ่มชูกันเต็มที่ คนไหนถือธงของสโมสรหรือธงชาติของนักเตะที่ตัวเองชื่นชมก็เริ่มโบกสะบัดกันอย่างพลิ้วไสว ทั้งหมดนี้เป็นเหมือนสัญญาณต้อนรับการเดินลงสนามของนักเตะทั้งสองทีม นัดเปิดสนามบุนเดสลีกาวันนี้ที่เรามาชมต้นสังกัดของเอ็มกับโยเป็นฝ่ายเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของคู่อริเจ้าของฉายาเสือเหลืองดอร์ทมุนด์ ทีมคู่รักคู่แค้นที่แย่งชิงความสำเร็จกันมาในยุค 90 แต่ปัจจุบันดอร์ทมุนด์เองอาจจะมีผลงานที่ตกต่ำลงไปแต่ก็ยังคงเป็นทีมที่มียอดผู้ชมในสนามเหย้าของตัวเองมากที่สุดในบุนเดสลีกาอยู่ดี นั่นแสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดีของแฟนบอลเสือเหลืองที่ไม่ได้จางหายไปพร้อมกับผลงาน โฆษกของสนามเริ่มทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มพลัง แต่ด้วยความที่พวกเราอ่อนด้อยในภาษาเยอรมันมากจึงไม่สามารถเข้าใจคำพูดของเขาได้ แต่ด้วยเสียงของกองเชียร์ที่ดังขึ้นอยู่ตลอดเวลา เราจึงคิดเอาเองว่าเขาน่าจะพูดประโยคปลุกใจอะไรสักอย่างเพื่อทำให้กองเชียร์ส่งเสียงให้กำลังใจนักเตะดังขึ้นๆอยู่ตลอดเวลา และหลังจากการปลุกใจจบสิ้นลง รายชื่อผู้เล่น 11 ตัวจริงของทั้งสองฝั่งก็ถูกแนะนำจากปากของโฆษกอีกครั้ง รวมทั้งฉายขึ้นจอมอนิเตอร์ยักษ์ในสนามเพื่อความสะดวกแก่แฟนบอลที่อาจจะไม่ได้ยินเสียงเนื่องจากอยู่ท่ามกลางเสียงกองเชียร์อันอื้ออึง เสือใต้วันนี้นำทีมมาโดยนายทวารอันดับต้นๆของโลก โอลิเวอร์ คาห์น กองหลังริมเส้นทั้งสองข้างเป็นวิลลี่ ซาญอลและฟิลิปป์ ลาห์ม ซึ่งคนนี้ที่เอ็มบอกว่าเป็นเพื่อนกับมันตั้งแต่ตอนมันมาเยอรมันใหม่ๆ และเมื่อผมกวาดสายตาไปตรงรายชื่อของคู่กองหลัง ผมและเทพต่างไม่สามารถควบคุมอาการตื่นเต้นของตัวเองได้เลย “โยแม่งได้ลงตัวจริงว่ะ เล่นคู่ลูซิโอด้วย สุดยอดๆ” เทพพูด “กูไม่คิดเลยว่าวันนึงจะได้มาเห็นรายชื่อพวกเราในสนามระดับอัลลิอันซ์ อารีน่าอย่างนี้ ดีใจจริงๆว่ะ” ผมพูด “แล้วลูซิโอนี่ นักเตะในดวงใจมันคนหนึ่งเลยนะ สงสัยมันจะตื่นเต้นน่าดู” เทพพูด “ก็อย่าให้มันตื่นเต้นจนเล่นไม่ออกละกันวะ สู้ๆโว้ยโย” ผมพูด ด้วยอารามของความตกใจและตื่นเต้นทำให้เรายังไม่ได้กวาดสายตาดูรายชื่อตัวผู้เล่นของบาเยิร์นต่อไป แต่แล้วพวกเราต่างก็ยิ้มให้กันเมื่อรายชื่อผู้เล่นกองกลางมีเอ็มได้ลงสนามเป็นปีกขวาด้วย และรายชื่อกองกลางจากขวาไปซ้ายก็มี เอ็ม ฮากรีฟ ชไวน์สไตเกอร์ ซาลิฮามิดซิซ และเจ้าหนุ่มผมทองท่าทางจองหองที่จองตำแหน่งกองกลางตัวรุกในเกมนี้อย่างชไวน์สไตเกอร์นั้นก็เป็นอีกคนที่เอ็มบอกเราว่าได้รู้จักกันตั้งแต่ตอนที่มันเข้ามาเป็นเยาวชนของเสือใต้ใหม่ๆ นั่นทำให้ผมคิดว่าแผงกองกลางของบาเยิร์น มิวนิควันนี้น่าจะเล่นกันได้อย่างรวดเร็วทีเดียว เพราะฮากรีฟเองก็เป็นนักเตะวัยรุ่นเช่นเดียวกันถึงแม้อายุจะมากกว่าพวกเรานิดหน่อยแต่ก็ยังอยู่ในรุ่นราวคราวเดียวกันและดูท่าจะเป็นพวกวิ่งไม่มีหมดเสียด้วย และคู่กองหน้าที่จะคอยปิดบัญชีให้กับเสือใต้นั้น รอย มาคายและโรเก้ ซานตาครูซ รับหน้าที่ไปในวันนี้ ก่อนเกมจะเริ่มโฆษกสนามก็ประกาศยอดรวมของคนดูวันนี้ 69000 คน ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากพอดูสำหรับเกมลีกในยุโรปในยุคที่การถ่ายทอดสดเข้ามามีบทบาทกับธุรกิจมากกว่ายุคก่อน ผมกับเทพคุยกันว่าถ้าที่เมืองไทยมีคนดูกีฬามากมายขนาดนี้คงจะเป็นภาพที่สวยงามอย่างชนิดที่หาดูไม่ได้ง่ายๆเลยทีเดียว

บาเยิร์น มิวนิค เป็นฝ่ายเขี่ยลูกเริ่มเล่นก่อน และเพียงแค่นาทีแรกเจ้าบ้านก็ทักทายผู้มาเยือนอย่างชนิดที่เกือบจะเป็นหายนะของผู้มาเยือนเลยทีเดียว หลังจากมาคายเขี่ยลูกคืนหลังมาให้ชไวน์สไตเกอร์ เจ้าหนุ่มผมทองก็บรรจงวางลูกออกทางขวาให้กับปีกขวาจากเอเชียที่พึ่งเป็นตัวจริงนัดแรกในบุนเดสลีกาได้โชว์ลีลาให้กับกองเชียร์ได้ประจักษ์แก่สายตาว่าทำไมมันจึงได้รับโอกาสนี้ เอ็มเอาบอลลงด้วยการแตะหนีคริงเก้กองกลางของดอร์ทมุนด์ในจังหวะแรก ก่อนกระชากเข้าไปในแดนของเสือเหลืองอย่างรวดเร็วตามสไตล์ถนัดของมัน แต่ด้วยการเข้าประชิดตัวอย่างรวดเร็วของเดเด้แบ็คซ้ายบราซิลเลี่ยนของผู้มาเยือนก็ทำให้เอ็มจำเป็นที่จะต้องหยุดการคุกคามด้วยความเร็วเพื่อดูเชิงของคู่ต่อสู้ก่อน และแล้วมันก็เลือกที่จะทำชิ่งหนึ่งสองกับฮากรีฟที่เข้ามารองบอลก่อนที่กองกลางหัวหยิกอย่างฮากรีฟจะจ่ายตัดหลังเดเด้ให้เอ็มใช้ความเร็วควบแข่งกับเดเด้เพื่อไปรับบอลที่เส้นหลังและเอ็มเองก็ไม่ทำให้แฟนๆผิดหวังมันไปถึงเร็วพอที่จะบรรจงหักข้อเข้ามาที่เสาแรกและที่นั่นรอย มาคายก็รอคอยบอลของเขาอยู่อย่างฉลามได้กลิ่นเลือด แต่แล้วเสาประตูก็แย่งโรมัน ไวเดนเฟลเลอร์นายทวารทีมเยือนทำหน้าที่ป้องกันประตูแทน จังหวะนี้นักเตะทีมเยือนทั้งสนามยืนนิ่งพลางนึกว่าจะต้องเสียประตูในจังหวะบุกเพียงแค่ครั้งแรกของคู่แข่งแล้ว แต่มาคายก็ทำได้เพียงแค่ทักทายเท่านั้นและเจ้าตัวก็ไม่ลืมปรบมือขอบคุณเอ็มที่ถวายพานทองมาให้ในจังหวะนี้ เกมดูเหมือนจะตกเป็นของเจ้าบ้านอย่างง่ายดายแต่แล้วอเล็กซานเดอร์ ฟราย กองหน้าทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ซึ่งพึ่งย้ายมาร่วมทีมเสือเหลืองเมื่อตอนปิดฤดูกาลก็ส่งสัญญาณเตือนทีมเยือนว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเอาชนะได้ในเกมนี้ เกมขึ้นมาจากทางริมเส้นโดยเนลสัน วัลเดซกองหน้าจอมลีลาจากปารากวัยที่เบียดเอาชนะลาห์มมาได้ก่อนลากบอลติดเท้าเข้ามาดวลกับลูซิโอตรงริมกรอบเขตโทษด้านซ้าย และแม้แต่ลูซิโอเองก็ไม่สามารถจะปิดทางบอลของกองหน้าอเมริกาใต้ผู้นี้ได้หมด เจ้าตัวยังสามารถเปิดบอลโด่งผ่านลูซิโอมาที่กลางประตูได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ และที่นั่นมีเพียงโยกับฟรายยืนเบียดกันอยู่สองคน ฟรายเตี้ยกว่าโยร่วมๆ 5 เซนติเมตรแต่ก็หนากว่าโยอยู่มากทีเดียวและด้วยความหนาและประสบการณ์ที่มากกว่านี่เองทำให้ฟรายสามารถเบียดโยขึ้นโหม่งได้ก่อนอย่างที่พวกเราไม่อยากจะเชื่อสายตา แต่แล้วคาห์นก็บินไปเซฟลูกโหม่งลูกนี้ได้อย่างทันท่วงทีก่อนที่จะหันมาโวยวายใส่กองหลัง จังหวะนี้เล่นเอาโยหน้าจ๋อยไปเลยทีเดียว “ร่างกายพวกเราแม่งสู้ลำบากว่ะ พวกนี้แม่งแข็งเป็นหิน”ผมพูด “กูก็ว่าอย่างนั้น โยว่าใหญ่ๆแม่งเบียดเสียกระเด็น สงสัยต้องเพิ่มฟิตเนสหน่อยว่ะพวกเรา ไม่งั้นถ้าปล่อยไปอย่างนี้โยหลุดแน่ ฟานบุยเต็นก็นั่งรอโอกาสอยู่ด้วย”เทพให้ความเห็นถึงกองหลังเบลเยี่ยมที่มีชื่ออยู่ในตัวสำรองของเจ้าบ้านด้วย และแล้วช่วงเวลาที่เหล่าแฟนบอลบาเยิร์นรอคอยก็มาถึงในเวลาไม่นาน เพียงนาที 24 เจ้าบ้านก็ได้เฮกันสนั่นเมื่อลาห์มที่เติมเกมอย่างดุดันมาตั้งแต่ต้นเกมได้โอกาสทำชิ่งกับมาคายก่อนที่มาคายจะหลอกกองหลังว่าจะชิ่งคืนให้กับลาห์มที่วิ่งเข้าไปในกรอบเขตโทษก่อนที่จะดึงบอลเข้าขวาและซัดจากนอกกรอบเสียบสามเหลี่ยมในแบบสุดสวยส่งให้เสือใต้ขึ้นนำไปก่อนในครึ่งแรก หลังจากได้ประตูนี้ไปเกมของเสือใต้ก็ยังดูเป็นต่ออยู่แต่ก็ทำได้แค่เพียงใกล้เคียงที่จะทิ้งห่างไปอีก และแล้วเมื่อ 45 นาทีแรกหมดลง ทีมเยือนจึงยังพอมีลุ้นอยู่เพราะตามแค่ 0 – 1 เท่านั้น และเมื่อครึ่งแรกจบลง ผู้ชายที่เรารอคอยก็มาถึง “กูติดธุระว่ะโทษที เกมเป็นไงบ้าง” ตั๊กสอบถามพวกเราด้วยท่าทางกระหืดกระหอบราวกับวิ่งมาจากบาร์เซโลน่าเลยทีเดียว “บาเยิร์นดีกว่าว่ะ เอ็มก็พอจะคุกคามเดเด้ได้บ้าง แต่ความเร็วเดเด้มันไม่เป็นลองว่ะ เอ็มเลยต้องเล่นประคองๆหน่อยแต่มันก็ไม่เสียบอลนะ เพียงแต่ไม่ได้กระชากตามสไตล์ว่ะ” เทพเล่าให้ฟังเป็นฉากๆ “แล้วโยล่ะ ไหวไหม” ตั๊กถาม “ทางบอลพอได้อยู่ว่ะ แต่ดูตื่นๆนะ ไม่กล้าเล่นเหมือนเคยว่ะ แต่เจอความคล่องของวัลเดซกับลูกหนักของฟรายเข้าไป ดูท่าทางมันจะรับเละเลยเหมือนกัน นี่ดีมีลูซิโอค่อยช่วยอยู่ว่ะ ไม่งั้นอาจจะแย่” ผมพูด “เอาโว้ยเดี๋ยวดูกันต่อไป เอานี่ ไส้กรอกกูซื้อมาจากข้างหน้าสนาม มาฝากพวกมึงในฐานะที่กูมาช้า กินๆไปจะได้ไม่บ่นมาก” ตั๊กใช้ไส้กรอกเยอรมันมาปิดปากพวกเราแต่นั่นก็ได้ผลเลยทีเดียว มันทำให้เราไม่บ่นมันมากเท่าที่ควรเพราะจะรีบกินให้หมดก่อนที่ครึ่งหลังจะเริ่มขึ้น พอหมดเวลาพัก 15 นาที นักเตะทั้งสองทีมทยอยเดินลงสู่สนาม พวกเราพยายามดูว่าโยจะโดนเปลี่ยนตัวออกหรือเปล่าเพราะว่าฟอร์มครึ่งแรกของมันไม่ค่อยมั่นคงเท่าที่ควรแต่แล้วก็เป็นข่าวดีสำหรับพวกเราที่โยยังไม่โดนเปลี่ยนออก พวกเราสามคนนั่งมองโยและเอ็มในสนามอย่างปลาบปลื้มอีกครั้ง เราต่างต้องกระตุ้นตัวเองอยู่เสมอเพื่อให้เชื่อว่าสิ่งที่เราเห็นอยู่ตรงหน้านี้ไม่ใช่ความฝัน เพื่อนเราสองคนกำลังลงสนามแข่งให้กับทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเยอรมันอย่างบาเยิร์น มิวนิค ในสนามที่ไฮเทคและยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป ย้อนหลังไปตอนที่พวกเราเพิ่งเรียนจบมัธยมปลาย ถ้าหากมีหมอดูคนใดบอกว่าพวกเราจะมาถึงจุดนี้ได้ในอีกห้าปีต่อมา เราทุกคนคงหัวเราะให้กับการเดาสุ่มของหมอดูคนนั้นแน่แต่แล้วสิ่งที่เราไม่เคยคิดว่าจะเป็นจริงมันก็เป็นจริงขึ้นมาต่อหน้าของเราแล้วในขณะนี้ ฟุตบอลครึ่งหลังเริ่มต้นขึ้นอย่างดุดันเช่นเคย เสือเหลืองเปิดเกมสู้อย่างไม่เกรงกลัวแต่อย่างใด แต้มแรกในนัดเปิดสนามเป็นสิ่งที่ใครๆก็ต้องการแต่การเก็บสามแต้มเป็นของกำนัลให้กับแฟนๆก็เป็นสิ่งที่เสือใต้เองก็ต้องการเช่นเดียวกัน

โยตัดบอลได้อย่างน่าทึ่งจากการดวลตัวต่อตัวกับวัลเดซ กำลังใจในช่วงพักครึ่งที่มันได้จากมากัธและเพื่อนๆในทีมดูจะมีผลดีทีเดียว มันวางบอลข้ามฝากจากแดนหลังมายังกลางสนามเยื้องไปทางซ้ายซึ่งชไวน์สไตเกอร์ฉีกออกไปรับบอลตรงนั้นได้อย่างเหมาะเหม็ง กองกลางหัวทองเลี้ยงตัดเข้ากลางสนามซึ่งในจังหวะนั้นลาห์มก็วิ่งอ้อมหลังเติมขึ้นมาตามสไตล์อย่างทันท่วงที พ่อหนุ่มเซบาสเตียนตัดสินใจป้ายบอลออกทางริมเส้นให้กับลาห์มที่วิ่งเติมขึ้นมาก่อนที่ตัวเองจะวิ่งเข้าไปรอที่หน้าเขตโทษ ลาห์มเองมองเห็นว่าตรงกลามสนามมีผู้เล่นของดอร์ทมุนด์คุมเชิงอยู่หลายคนโดยชไวน์สไตเกอร์เองก็ถูกเซบาสเตียน เคห์ลประกบอยู่ลาห์มจึงตัดสินใจวางบอลข้ามฝากไปที่เอ็มซึ่งยืนยกมือรออยู่ที่ฝั่งตรงข้าม แต่ทันทีที่เอ็มจะจับบอล เดเด้ซึ่งรอตัดบอลอยู่ตั้งแต่แรกจึงเสียบสกัดหมายจะตัดบอลจากเอ็มและโต้กลับอย่างรวดเร็วในจังหวะนี้แต่แล้วเอ็มก็ทำให้เดเด้ต้องผิดพลาดด้วยการยกขาปล่อยบอลผ่านไปโดยไม่จับบอลและบอลก็ผ่านตัวมันไปถึงซาญอลที่เติมขึ้นมาทางด้านหลังอย่างพอเหมาะพอเจาะ ซาญอลตัดสินใจโยนบอลเข้ากลางในจังหวะแรกเข้าไปในเขตโทษและเป็นซานตาครูซที่เข้าถึงบอลก่อนใครแต่ด้วยความที่หันหลังให้ประตูอยู่จึงไม่สามารถจะทำประตูได้ในจังหวะแรก แต่เขาก็ตัดสินใจโหม่งชงออกมานอกเขตโทษคืนให้กับชไวน์สไตเกอร์ที่ยืนรออยู่ได้ตะบันอย่างเต็มเท้าส่งให้เสือใต้นำห่างไปอีกครั้ง และเพียงแค่นี้ก็เพียงพอที่เสือใต้จะผ่อนเกมลงได้ในช่วงเวลาที่เหลือ สุดท้ายจนแล้วจนรอดทั้งสองทีมก็ไม่สามารถทำประตูกันได้ เกมจึงจบลงด้วยสกอร์ 2 – 0 ซึ่งนั่นก็เพียงพอที่จะทำให้โยและเอ็มมีความสุขที่สุดในแมตซ์แรกในระดับอาชีพของพวกมันแฟนบอลบาเยิร์น มิวนิคยังคงโห่ร้องยินดีให้กับนักเตะของตัวเองอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหมดเสียงลงอย่างง่ายๆ พวกเขาคงอัดอั้นที่ฤดูกาลปิดมานานและทั้งหมดนั้นก็ถูกระเบิดออกมาในแมตซ์แรกของฤดูกาลเช่นนี้ซึ่งนั่นทำให้ผมและเทพจินตนาการไปถึงเสียงกองเชียร์ที่ซานซิโร่ในช่วงเปิดฤดูกาลของกัลโช่ ซีรี่ย์อาด้วยเหมือนกันว่าจะดังและเต็มไปด้วยสีสันเหมือนเช่นที่นี่หรือไม่

หลังจบเกมพวกเราเจ็ดคน ไทย 5 คน และเยอรมัน 2 คน ต่างพากันไปเฉลิมฉลองรวมทั้งทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่กันอย่างเต็มที่ราวกับว่าห่างหายจากกันมานาน บทพูดต่างๆนาๆหลายภาษาถูกสร้างขึ้นและรับฟังท่ามกลางกลุ่มชายผู้รักเกมลูกหนังเป็นชีวิตจิตใจทั้ง 7 คนนี้ วันนี้พวกเราทุกคนได้เห็นแล้วว่าความฝันของเอ็มและโยสามารถเป็นจริงได้ด้วยความพยายามของพวกมันสองคน ผม เทพ ตั๊ก ต่างหวังกันว่าความพยายามของพวกเราจะสำเร็จผลแบบนี้บ้างไม่วันใดก็วันหนึ่ง และนอกจากนั้นมีอีกสิ่งหนึ่งที่พวกเราได้รู้อย่างชัดเจนอีกครั้งว่ากำลังใจมันมีผลกับมนุษย์จริงๆอย่างที่เราได้ยินจากโย “ตอนพักครึ่ง โค้ชมากัธบอกกูว่าเขารู้ว่ากูมีความสามารถแค่ไหนเขาจึงส่งกูลง อย่าให้แค่ความตื่นเต้นมาทำให้ประสบการณ์ตัวจริงเกมแรกของกูต้องแปดเปื้อน และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เพื่อนในสนามจะคอยช่วยเหลือกูอยู่เสมอ เพราะเราคือทีมเดียวกัน กูได้ยินแค่นี้ กูเล่นลืมเหนื่อยเลยว่ะ”

DREAM บทที่ 6 เริ่มต้นที่ต่างแดน



“กูสอบผ่านแล้วนะโว้ย จะได้ไปเยอรมันสิ้นเดือนนี้แล้ว” เอ็มโทรบอกเพื่อนๆทุกคนด้วยประโยคเดียวกันทั้งหมด แต่แค่ประโยคเดียวที่พวกเราสัมผัสได้เราก็รู้ในทันทีว่าเอ็มดีใจแค่ไหนที่ได้เข้าใกล้ความฝันของตัวเองไปอีกขั้นหนึ่ง มันเองเลือกไปเรียนในเมืองหลวงทางฟุตบอลของเยอรมันอย่างมิวนิคเพียงเพื่อที่จะได้มีโอกาสทดสอบฝีเท้ากับทีมเสือใต้ บาเยิร์น มิวนิคไปด้วยในตัว และหลังจากนั้นค่อยเลือกกันอีกครั้งว่าเส้นทางไหนเป็นเส้นทางที่มันเลือกที่จะเดิน Technical University, Munich หรือ Olympic Stadium ทางไหนจะดีที่สุดสำหรับชีวิตของมันเอง เอ็มจะเป็นผู้กำหนดเอง พวกเราคงทำได้แค่เพียงให้กำลังใจในฐานะเพื่อนต่อไปเท่านั้นเอง

เมื่อเครื่องบินลงจอดที่สนามบินนานาชาติมิวนิค นั่นเป็นสัญญาณที่เอ็มได้รู้ว่าชีวิตของมันกำลังจะมาถึงทางแยกที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตแล้ว ถึงแม้ทางแยกจะมีแค่เพียงสองทาง แต่ทั้งสองทางก็เป็นทางที่กว้างขวางราวกับถนน 4 เลน ให้เอ็มสามารถขับพาชีวิตของมันโลดแล่นไปได้อย่างสนุกสนานเลยทีเดียว แต่ใครล่ะจะรู้ว่าปลายทางของถนน 4 เลนเส้นนั้นๆจะเป็นอย่างไร ใครล่ะจะเป็นผู้กำหนดได้นอกจากตัวมันเอง

หลังจากจัดการเรื่องที่พักและเรื่องเรียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว เอ็มยังมีเวลาเหลือราวๆหนึ่งสัปดาห์ที่มันเว้นไว้สำหรับการท่องเที่ยวที่มิวนิคแห่งนี้ และช่วงเวลานี้เองเอ็มก็ตั้งใจจะหาข่าวและวิธีที่จะเข้าไปคัดตัวกับทีมเยาวชนของบาเยิร์น มิวนิคให้ได้ ก่อนที่ทางมหาวิทยาลัยจะเปิดเรียน แล้วจะทำให้อะไรๆยากยิ่งขึ้น และเหนืออื่นใดเอ็มไม่พลาดที่จะลิ้มลองเบียร์ทุกแขนงที่มีทั้งหมดที่นี่ที่เมืองเบียร์แห่งนี้ มันเองก็เคยได้ยินคำพูดที่ว่า ที่เยอรมันเบียร์ถูกกว่าน้ำเปล่าและวันนี้มันกำลังยืนอยู่ที่นี่ ที่ที่มันจะสามารถพิสูจน์คำพูดนี้ได้อย่างแท้จริง

วันนี้คือวันที่สองในแผ่นดินเยอรมันของเอ็มเด็กไทยเชื้อสายจีนผู้ที่แบกความฝันมาเต็มกระบุงโกยทั้งในเรื่องของการศึกษาและการค้าแข้ง แต่ตอนนี้มันไม่ได้อยู่ในสถานที่ทั้งสองแห่งนั้น แต่มันกำลังอยู่ในสถานที่ที่จะตอบมันได้ว่า เบียร์กับน้ำเปล่าที่นี่ อะไรถูกกว่ากัน และด้วยความที่มันเองก็ไม่มีเพื่อนเลยสักคน วิธีที่ดีที่สุดก็คือนั่งดื่มหน้าเคาร์เตอร์เพื่อชวนบาร์เทนเดอร์คุยถึงเรื่องราวที่มันอยากรู้เกี่ยวกับเมืองฟุตบอลแห่งนี้นั่นเอง “Helles แก้วนึง” เอ็มสั่งเบียร์ที่ผลิตที่เมืองนี้และมันก็รู้ว่าเบียร์ชนิดนี้แรงพอตัวทีเดียว “พี่พอรู้หรือเปล่าว่าถ้าอยากเป็นเยาวชนบาเยิร์นต้องไปคัดตัวที่ไหนครับ” เอ็มเริ่มเปิดทาง “มาแสวงโชคที่นี่เหรอไง นักเตะเอเชียเอาดีที่นี่ไม่ค่อยได้หรอกนะ จะมีก็อย่างอาลี ดาอีนั่นล่ะ แต่นั่นมันตัวใหญ่นะ เราตัวเล็กแค่นี้เองจะไหวเหรอ” บาร์เทนเดอร์เจ้าถิ่นกล่าว “ก็อยากจะลองดูล่ะครับพี่ ว่าแต่พี่พอจะแนะนำได้หรือเปล่า” “แกลองไปถามหนุ่มสองคนนั้นดูสิ” บาร์เทนเดอร์ชี้มือไปที่โต๊ะริมหน้าต่างด้านขวามือของเขา ที่นั่นมีเด็กหนุ่มผมทองสองคนนั่งกินเบียร์กันอยู่อย่างแอบๆ “ขาประจำร้านพี่เอง มันเป็นเด็กฝึกของบาเยิร์น ลองไปคุยดู” “ขอบคุณมากครับพี่” เอ็มพยักหน้าขอบคุณพลางยกแก้วเบียร์ของมันเดินตรงไปยังโต๊ะดังกล่าวทันทีโดยไม่มีความลังเลแม้แต่นิดเดียว “ขอนั่งด้วยคนได้หรือเปล่าครับ” เอ็มพูด “นายเป็นใคร” เจ้าหนุ่มผมทองสองคนพูดออกมาแทบจะพร้อมๆกัน “ผมมาจากเมืองไทย มาเรียนต่อที่นี่ แต่คิดว่าจะเข้าไปลองคัดตัวกับทางสโมสรบาเยิร์นดู เห็นพี่คนนั้นบอกว่านายสองคนเป็นเยาวชนที่นั่น เราเลยอยากรู้จัก” เอ็มแนะนำตัวเองกับสองหนุ่ม “อ๋อ โอเคนั่งๆ เราชไวน์สไตเกอร์ หรือเรียกสั้นๆชไวนี่ ส่วนนี่เพื่อนเราชื่อลาห์ม” หนุ่มผมทองเจ้าของนามชไวนี่เอ่ยแนะนำ “ส่วนเราชื่อเอ็ม พวกนายเป็นเยาวชนรุ่นไหนเหรอ” เอ็มเริ่มเปิดประเด็น “เราอยู่เยาวชน 19 ปี แต่เราสองคนอายุแค่ 17 ล่ะ เจ๋งไหมล่ะ เพิ่งได้เลื่อนชั้นมาเมื่อต้นปีนี่เอง” ลาห์มพูดอย่างติดคุยนิดๆ “เก่งๆ แล้วถ้าเราอยากไปสมัครบ้าง จะต้องทำอย่างไรล่ะ” เอ็มพูด “แล้วนายอยู่ที่เมืองไทยได้เล่นบอลอยู่ด้วยเหรอ พวกเราเห็นว่าไทยไม่ค่อยเก่งเท่าไรนี่ ในเอเชียยังดูน่าจะเป็นรองหลายๆทีม” ชไวนี่พูด “เราเป็นแชมป์เยาวชนของประเทศ แต่ก็อย่างที่นายพูดล่ะ ประเทศเรายังเป็นรองหลายๆชาติอยู่เยอะ ฟุตบอลโลกมีถ่ายทอดทุกนัด แต่ยังไม่เคยไปแข่งกับเค้าสักที” เอ็มเล่า “แล้วนายเล่นตำแหน่งอะไร” ลาห์มถาม “เราเล่นปีกขวา แล้วพวกนายล่ะ” “เราเล่นปีกเหมือนกันแต่เล่นได้ทั้งซ้ายและขวา ส่วนลาห์มเค้าเล่นกองหลัง และก็เช่นเดียวกันคือได้ทั้งซ้ายและขวา” ชไวนี่เล่า “แล้วจะลำบากหรือเปล่าถ้าพรุ่งนี้เราจะให้พวกนายพาเราไปดูซ้อมด้วย เราอยากคัดตัวด้วยน่ะ แต่ว่าอยากขอไปดูสถานที่ก่อน” เอ็มพูด “ได้สิ ไปดูด้วยกันเลย พรุ่งนี้เป็นข่าวดีของเราสองคนด้วย พอดีตัวจริงยังกลับจากพักร้อนยังไม่ครบ เค้าเลยดึงเราสองคนขึ้นไปซ้อมด้วย นายจะได้ดูของจริงล่ะ” ลาห์มบอก “จริงเหรอๆ ดีใจสุดๆเลยว่ะ ขอบใจนะเพื่อน ขอบใจจริงๆ” เอ็มกล่าวคำขอบคุณอย่างละล่ำละลักไปด้วยความตื่นเต้นที่จะได้เห็นการซ้อมของทีมเสือใต้ชุดใหญ่ในเช้าวันพรุ่งนี้ “แล้วคืนนี้อย่าเมาล่ะ เดี๋ยวเช้าตื่นไม่ไหว แล้วเดี๋ยวเช้าเจอกันที่นี่ละกัน พวกเราจะพาไป” ชไวนี่พูด “ได้ๆ แล้วพรุ่งนี้เจอกันแต่เช้า” เอ็มพูดพลางแสดงท่าทางบอกลา และแล้วเบียร์แก้วนี้ก็มีคุณค่ามากมายอย่างชนิดเอ็มคาดไม่ถึงเลยทีเดียว

“ถึงแล้วพวก เป็นไงสนามซ้อมของพวกเรา ที่เมืองไทยมีอย่างนี้ไหม” ลาห์มถาม “สุดยอดจริงๆว่ะ ที่บ้านเราไม่มีขนาดนี้หรอก แล้วนี่ให้เราไปรอตรงไหนได้ล่ะ” เอ็มพูด “นั่งบนอัฒจรรย์ได้เลย วันนี้เค้าเปิดให้นักข่าวมาชมได้ นายก็นั่งกับพวกเค้านั่นล่ะ แล้วเดี๋ยวรอดูพวกเรา ตื่นเต้นๆ วันนี้จะได้ซ้อมกับชุดใหญ่” ลาห์มพูด “ได้ๆ เต็มที่นะเว้ยพวกนาย” เอ็มอวยพรเพื่อนใหม่ผมทองอย่างจริงใจ พร้อมทั้งสูดอากาศดีๆเข้าเต็มปอด ถึงแม้ว่าวันนี้เพื่อนจะพาเอ็มมาดูการซ้อมแต่เอ็มก็ไม่ลืมจะติดสตั๊ดคู่ใจมาด้วยเผื่อว่าพระเจ้าจะใจดีให้โอกาสเขาในวันนี้

โอลิเวอร์ คาห์น สเตฟาน เอฟเฟ่นแบร์ก มาริโอ บาสเลอร์ บิเซนเต้ ลิซาราซุ วิลลี่ ซาญอล และอีกหลายๆคน คือชื่อของบุรุษที่กำลังเตะฟุตบอลกันอยู่ต่อหน้าเอ็มขณะนี้ และแน่นอนว่ามันไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้มาชมใกล้ๆขนาดนี้ มันคิดไปไกลถึงเวลาที่ตัวเองได้รับบอลทะลุช่องจากเอฟเฟ่นแบร์ก หรือช่วงเวลาซ้อมที่มันได้วัดความแข็งแกร่งกับลิซาราซู และเมื่อมันสัมผัสได้ถึงความต้องการในจิตใจของมันเองแล้ว เอ็มรู้ได้ทันทีว่าทั้งเรื่องฟุตบอลและเรื่องเรียน ตัวมันเองคงต้องตั้งใจให้ดีที่สุดไปพร้อมๆกันทั้งสองเรื่องโดยไม่ทิ้งเรื่องใดเรื่องหนึ่งไปแน่ๆ เพราะถ้าหวังรอให้เรียนจบก่อน ป่านนั้นลาห์มและชไวนี่คงจะขึ้นชุดใหญ่ไปแล้วแน่ๆ แล้วตัวมันเองล่ะไม่แก่เกินแกงไปแล้วเหรอ เอ็มยิ้มให้กับความในใจของตัวเองอีกครั้ง ก่อนนั่งมองไปในสนามซ้อมอันกว้างสุดลูกหูลูกตาอย่างมีความสุข นี่ล่ะสิ่งที่มันตามหามาตลอดชีวิต สนามหญ้าเขียวขจีที่คอยผลิตผลงานออกสู่ตลาดบุนเดสลีกาอย่างต่อเนื่องตลอดมา

ที่นี่คือแมนเชสเตอร์ เมืองที่ทุกคนรู้จักเป็นอย่างดีว่ามีสองยอดทีมร่วมเมืองที่แสดงตัวเป็นปฏิปักษ์ต่อกันอย่างชัดเจน ทีมหนึ่งใช้สีประจำทีมเป็นสีฟ้า อีกทีมหนึ่งใช้สีประจำทีมเป็นสีแดง และเมื่อฤดูกาลที่แล้วทีมสีแดงทีมนี้นี่เองที่เป็นแชมป์ในการแข่งขันฟุตบอลสโมสรยุโรปถ้วยที่ใหญ่ที่สุดและนั่นก็ทำให้ชื่อเสียงและความนิยมชมชอบสำหรับทีมฟุตบอลทีมนี้แพร่กระจายกว้างไกลออกไปทั่วทุกดินแดนบนโลก และในขณะนี้เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ได้รับผลกระทบดังกล่าวนั้นก็แบกเป้ 1 ใบพร้อมกับหัวใจ 1 ดวงที่ภายในบรรจุความฝันไว้อย่างเต็มที่ ฝันที่จะได้ลงเล่น ณ สนามที่ได้ชื่อว่าโรงละครแห่งความฝันแห่งนี้ และวันนี้เด็กหนุ่มคนนั้นก็ข้ามทวีปมาเยือนโรงละครแห่งความฝันถึงที่แล้วและมันก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าพระเจ้าแห่งเมืองนี้น่าจะพูดภาษาเดียวกับเขา

ภาษาอังกฤษไม่ใช่เรื่องสำคัญสักเท่าไรสำหรับต้น เพราะมันเองก็ถนัดภาษาอังกฤษที่สุดในกลุ่มของพวกเราอยู่แล้ว แต่เมื่อมันเดินทางมาถึงที่แมนเชสเตอร์นี้ มันเองกลับต้องเริ่มต้นความรู้ในทางภาษาใหม่ทั้งหมดเพราะภาษาอังกฤษสำเนียงแมนเชสเตอร์นี้ไม่เหมือนกับที่มันเคยเรียนที่เมืองไทยแต่อย่างใดแต่ด้วยความที่มันตั้งใจจะทำงานหาเงินที่นี่ไปด้วยในขณะที่หาโอกาสเข้าไปคัดเลือกเป็นเยาวชนของแมนเชสเตอร์นั่นทำให้มันไม่ได้คิดจะเรียนภาษาแต่อย่างใดเพราะเชื่อว่าการได้ใช้ภาษาในสถานการณ์จริงน่าจะช่วยเพิ่มพูดความคล่องตัวทางภาษาให้กับมันได้ดีกว่าการไปนั่งเรียนตามโรงเรียนสอนภาษาด้วยซ้ำ และเนื่องจากมันเองไม่ได้มีญาติหรือคนรู้จักที่นี่ สิ่งที่มันต้องทำเป็นอย่างแรกก็คือหาคนไทยที่พอจะให้งานกับมันได้และถ้าเขาคนนั้นมีช่องทางสำหรับการเข้าไปเป็นเยาวชนของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดได้นั่นก็อาจจะเรียกได้ว่าเป็นโชคสองชั้นของมันเลยทีเดียว แต่ทุกอย่างที่มันเคยคิดเคยฝันไว้เมื่อตอนอยู่เมืองไทย พอมาถึงที่นี่จริงๆ อะไรมันไม่ได้ง่ายอย่างที่ใจคิด ถึงแม้ร้านอาหารไทยที่แมนเชสเตอร์จะมีอยู่บ้าง แต่มันก็เต็มไปด้วยนักเรียนไทยที่ทำงานหาเงินกันอยู่ที่นี่อยู่แล้วและไม่พร้อมที่จะรับคนเพิ่มอีกแต่อย่างใด แต่ด้วยความที่นิสัยคนไทยมีอะไรก็ช่วยเหลือกัน นั่นทำให้มันยังพอที่จะใช้ความเป็นคนไทยด้วยกันขอคำแนะนำเรื่องที่พักกับคนไทยที่มันได้เจอที่นั่นได้ และโชคดีครั้งแรกที่มันได้เจอที่นี่ก็คือที่พักที่มันคิดจะไปพักอยู่ห่างจากสนามซ้อมแคร์ริงตันไม่ถึง 2 กิโลเมตรและนั่นเป็นโอกาสดีทีเดียวที่มันจะไปแอบด้อมๆมองๆดูสักหน่อยเผื่อว่าที่นั่นจะมีประกาศรับสมัครนักฟุตบอลบ้าง และเมื่อมันถ่ายทอดความคิดของมันให้กับลุงเจ้าของร้านอาหารไทยที่มันไปขอคำแนะนำเรื่องที่พักให้แกฟัง แกก็ยิ้มอย่างเปิดเผยให้กับต้นพร้อมทั้งชี้แนะลู่ทางให้กับมัน “ลุงพอจะมีเพื่อนที่รู้จักอยู่บ้างเหมือนกันนะ พวกเจ้าหน้าที่ที่สนามมากินที่ร้านลุงบ่อยๆ เดี๋ยวถ้าลุงเจอลุงจะถามให้ ตอนนี้ว่างๆต้นก็หางานทำไปก่อนนะ ว่าแต่มาอยู่ที่นี่ไม่รู้จักใครเลยเหรอ” ลุงพูด “ขอบคุณมากครับลุง ผมไม่รู้จักใครเลยครับ ตอนอยู่เมืองไทยก็คิดแบบเด็กๆ ว่ามาหาคนไทยที่นี่ก็น่าจะไม่ยากเย็นอะไร แต่ลืมคิดไปว่าคนอื่นๆที่คิดแบบผมก็มีเยอะ พอมาที่นี่เลยเพิ่งรู้ว่างานมันหายาก” ต้นพูด “แต่ไม่มีอะไรยากเกินความพยายามของเราหรอกต้น ข้ามมาถึงที่นี่ได้ยังยากกว่า เรื่องแค่หางานทำไมเราจะทำไม่ได้” ลุงพูด “ครับลุง แล้วคุณลุงมาอยู่ที่นี่นานหรือยังครับ” ต้นถาม “ลุงเองก็แบกความฝันมาแบบต้นนั่นล่ะ คิดว่าจะมาเปิดร้านอาหารไทยที่นี่ แต่จนแล้วจนรอดก็เจ๊งไม่เป็นท่า จนจะตัดใจอยู่แล้ว พระเจ้าก็ส่งป้ามาเจอลุง ทำให้ลุงได้มีวันนี้ล่ะ” ลุงเล่าให้ต้นฟังด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและต้นยังแอบเห็นอีกว่าแววตาของลุงนั้นเต็มไปด้วยความสุขในแบบที่ต้นแทบจะไม่เคยเห็นเลยทีเดียว “ถ้าอย่างนั้นสงสัยผมต้องพยายามหาแฟนที่นี่ให้ได้แล้วมั้งลุง เผื่อผมจะประสบความสำเร็จบ้าง” ต้นพูดหยอกล้อลุง

“ไม่แน่เรื่องหาแฟนอาจจะลำบากกว่าไปเป็นนักบอลก็ได้นะ แต่พูดก็พูดนะ ถ้าต้นไม่อยากจะทิ้งความฝันจริงๆ ต้นต้องอดทนให้มากๆนะ คนที่นี่มันดูถูกคนเอเชียเราจะตาย แม้กระทั่งคนดำมันก็ยังดูถูกเรา ถ้าเราฝีมือพอๆกับมัน มันก็ไม่เอาเราหรอก เราต้องแสดงให้มันเห็นว่าเราเก่งกว่ามันจริงๆ มันถึงจะยอมรับ”ลุงพูด “ครับลุง ผมไม่ถอดใจง่ายๆแน่ ยังไงๆผมก็ต้องทำให้ได้ แล้วลุงคอยดูผมละกันนะ” ต้นพูด “แล้วลุงจะคอยดู น้องชาย” ลุงพูดพร้อมกับยิ้มให้กับต้นอีกครั้ง ยิ้มอันแสนจะเป็นมิตรที่ต้นรู้ว่าจะหาได้จากคนไทยด้วยกันเท่านั้นจริงๆ

ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ คือชื่อของเด็กหนุ่มคนที่ลุงเจ้าของร้านอาหารไทยแนะนำให้ต้นรู้จัก เจ้าหนุ่มคนนี้มาจากสก็อตแลนด์และก็มาในรูปแบบเดียวกับต้น นั่นคือแบกเป้ข้ามประเทศมาเพื่อตามหาความฝันเช่นเดียวกัน และในวันพรุ่งนี้เฟล็ตเชอร์เองก็จะเดินทางไปสมัครที่แคร์ริงตันด้วยตนเองนั่นทำให้ลุงรีบแนะนำให้ทั้งสองคนรู้จักกันเพื่อที่ว่าต้นจะได้มีโอกาสไปสมัครด้วยพร้อมๆกันกับเฟล็ตเชอร์ แต่หลังจากแนะนำกันได้สักพัก ต้นได้รับรู้ปัญหาใหม่อีกว่าคนสก๊อตแลนด์นั้นพูดภาษาอังกฤษได้เข้าใจยากกว่าคนแมนเชสเตอร์เสียอีก เพราะฉะนั้นต้นจึงมักจะเงียบฟังเป็นส่วนใหญ่และพอมีโอกาสที่จะต้องแสดงความเห็นก็เลือกที่จะใช้ภาษามือช่วยแสดงความเห็นทำให้ทั้งสองคนเข้าใจกันได้ไม่ยาก จากที่คุยกัน ต้นรับรู้ได้ว่าเฟล็ตเชอร์เองเล่นตำแหน่งกองกลางตัวรับเช่นกันกับรอย คีนและนิกกี้ บัตต์ สองกองกลางที่เป็นกำลังสำคัญให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในตอนนี้ ซึ่งทั้งสองคนนั้นก็เป็นแรงบันดาลใจให้กับเฟลตเชอร์เช่นเดียวกัน แต่เมื่อคำถามเดียวกันนี้ถูกโยนย้อนกลับมาที่ตัวต้นเอง ก็แน่ล่ะว่าต้นย่อมตอบกลับไปว่าเบ๊คแฮมต่างหากคือแรงบันดาลใจของมันในตำแหน่งปีกขวานั่นเอง ถึงขณะนี้เด็กหนุ่มสองคนที่มาจากประเทศที่แตกต่างกันกำลังทำความรู้จักกันและกันให้ดียิ่งขึ้น เขาทั้งสองต่างไม่รู้ว่าอนาคตของตัวเองจะเป็นอย่างไร ถึงแม้ว่าจะเคยได้ยินกันมาเสมอว่าความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น แต่ทุกคนก็รู้เป็นอย่างดีว่ามันไม่ได้แน่นอนเสมอไป ไม่ทุกครั้งที่ความพยายามจะแปรเปลี่ยนเป็นความสำเร็จได้ แต่สำหรับต้นในตอนนี้แล้ว ความพยายามอย่างดีที่สุดถึงแม้ว่ามันจะไม่ประสบความสำเร็จใดๆ แต่แค่ความรู้สึกของการได้พยายาม มันก็ทำให้หัวใจของเด็กหนุ่มจากเมืองไทยเอิบอิ่มไปด้วยความภูมิใจในตัวเองที่ล้นอยู่ภายใน และไม่ต้องสงสัยเลยว่าถ้าวันใดวันหนึ่ง 11 ตัวจริงของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีชื่อของเด็กหนุ่มจากไทยคนนี้อยู่ด้วย ความภูมิใจนั้นคงถูกส่งกลับไปยังครอบครัว ส่งไปยังเพื่อนๆในประเทศบ้านเกิดของเค้าอย่างแน่นอน

จบภาคแรก

วันเสาร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

DREAM บทที่ 5 จากมาดริดสู่บาร์เซโลน่า



อาทิตย์สุดท้ายของเดือนพฤษภาคมกำลังจะจากพวกเราไป นั่นหมายความว่าฟุตบอลนัดสุดท้ายในจอทีวีที่พวกเราจะได้ดูร่วมกันก็กำลังมาถึง ผมนัดเพื่อนๆทุกคนมาเจอกันตั้งแต่เย็นเพื่อที่จะเล่นเกมวินนิ่งรอไปจนกระทั่งฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนลีกส์ (UCL)นัดชิงจะมาถึงในเวลาดึกสงัด ปีนี้เป็นปีที่ประวัติศาสตร์ของยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกส์จะต้องจารึกไว้ว่าเป็นครั้งแรกที่ทีมจากชาติเดียวกันเข้าชิงกันเอง และชาติที่ได้รับสิทธิ์นั้นก็คือสเปน เมื่อพูดถึงสเปนหลายคนที่ได้รู้ผลการจับฉลากคงคิดว่าจะได้เห็นราชันชุดขาวรีลมาดริดดวลแข้งกับเจ้าบุญทุ่มบาร์เซโลน่าในสนามเป็นกลางให้สะใจคอบอลกันไป แต่แล้วเจ้าค้างคาวบาเลนเซียก็แหวกผ่านม่านความหวังของคนดู เสนอตัวเองเข้ามาเป็นคู่ชิงของรีลมาดริดเสียจนได้ แต่ไม่ว่าใครจะชิงกับใคร อย่างไรแล้วนัดชิงถ้วยฟุตบอลสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุโรปก็ย่อมเป็นที่สนใจของพวกเราซึ่งบ้าฟุตบอลอย่างไม่เป็นสองรองใครอยู่แล้ว
“กูว่าคาซิยาสนี่แม่งไปไกลแน่ๆ มันเหนียวตั้งแต่เด็กๆอย่างนี้ น่าจะเป็นตัวจริงให้มาดริดไปอีกนาน” โยพูด “แต่ดูแม่งจัดตัวลง ถ้าไม่เล่นกองหลังห้าคนสงสัยจะไม่ไหว คาร์ลอสแม่งก็เติมตลอดเวลา กองหลังก็ไว้ใจไม่ค่อยได้สักตัว” ต้นให้ความเห็น “แต่กูชอบเรดอนโด้ว่ะ เชิงแม่งสูงดี เล่นบอลเท่ห์ดีว่ะ” ผมพูด “กูแม่งอยากวัดกับมันดูสักทีว่าจะเลี้ยงหลบมันได้สักทีไหม แต่กองกลางตัวรับอเมริกาใต้นี่ ไม่ใช่แค่แย่งบอลดีนะ ทักษะแม่งก็เยอะด้วย” เทพพูด “แต่กูชอบแม็คมานานมานนะ จะมีนักเตะอังกฤษสักกี่คนวะ ที่ไปเล่นที่สเปนได้ ตัวนี้แม่งของจริง”นัทพูด “แต่กูจะคอยดูว่าอเนลก้ามันคิดถูกหรือเปล่าที่มารีล มาดริด ยังไงๆกูก็ว่ามันมาเร็วไป เวนเกอร์คงเซ็งมันน่าดู กูว่านะ”ตั๊กว่า “แล้วพวกมึงไม่ชอบบาเลนเซียกันเลยเหรอไง” เอ็มถาม “กูว่าแม่งอยู่ได้เพราะสองตัว” ต้นตอบ “เมนดิเอต้ากับโลเปซใช่ไหม” โยทั้งตอบทั้งถามในประโยคเดียวกัน “กูก็ว่าอย่างนั้นล่ะ แม่งเทพมากๆทั้งสองคน นัทมึงดูไว้ได้เลย เท้าซ้ายมึงต้องเล่นให้ได้อย่างนี้” เทพพูด “กูดูมันมาตลอดล่ะ ทั้งคล่องทั้งคม เห็นแล้วต้องศึกษา”นัทพูด “แต่กูอยากวัดกับมันสักครั้งนะ ว่าจะเอาอยู่หรือเปล่า แต่กลัวจะหัวทิ่มว่ะ” โยพูดพร้อมทั้งหัวเราะให้กับตัวเอง “แต่กูว่าซ้ายกูคมกว่าซ้ายมันว่ะ หรือพวกมึงว่าไง” ตั๊กถามเพื่อนๆ “เดี๋ยวมึงก็รู้ เดี๋ยวมึงก็ไปเจอมันที่โน่นได้นี่” ผมบอกตั๊ก “เออว่ะ พูดถึงไปที่โน่น ตอนนี้พวกเราเองก็มีทางเลือกกันหมดแล้ว แต่ว่าไปกันคนละทิศละทาง จะได้เจอกันบ้างหรือเปล่าวะ”เอ็มถามเพื่อน “ก็มาเจอกันตอนที่ทีมพวกเราเจอกันใน UCL ไงวะ ดีเปล่า”ต้นบอกเพื่อนๆ “แล้วทีมในไทยแลนด์ลีกมันจะได้ไป UCL เปล่าวะนี่ พวกมึงนี่นะ” เทพพูดยอกล้อกับโชคชะตาอยู่ในที “เออนะ แต่พวกมึงไม่ต้องกลัว ยังไงกูก็ไปเจอพวกมึงแน่ๆ กูไม่เล่นในไทยนานหรอก” โยพูด “แล้วนี่พวกมึงว่าใครจะชนะวะคืนนี้” ผมถามเพื่อนๆ “ยังไงก็ได้ว่ะ แต่ขอให้เล่นกันสนุกๆหน่อยละกัน ไม่งั้นง่วงแย่” ตั๊กบอก “เอาโว้ยๆบอลมาแล้ว ช่วยกันดูนะโว้ย แล้วไปเจอกันถ้วยนี้นะเพื่อนๆ หวังว่าคงไม่มีใครผิดสัญญา” นัทพูด
เกมการแข่งขันจบลงโดยไม่เป็นอย่างที่เราคาดคิด เกมไม่ได้สูสีใดๆเลยและจบลงด้วยชัยชนะอย่างถล่มทลาย 3 – 0 โดย มอริเอนเตส แม็คมานามานและอเนลก้า มีชื่อเป็นผู้ทำประตูให้กับรีล มาดริด แต่ถึงแม้เกมการแข่งขันอาจจะไม่สนุกอย่างที่คิดแต่ฟุตบอลแมตซ์นี้ก็ยังคงทำหน้าที่เป็นพยานปากสำคัญให้กับคำสัญญาของพวกเราที่ทิ้งไว้ให้กันและกันว่าเราจะไปพบกันบนสนามหญ้าที่เราคุ้นเคยอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ใช่สนามหญ้าบนแผ่นดินแม่ของเราอีกแล้ว แต่เราตั้งใจจะไปพบกันบนแผ่นดินแม่ของฟุตบอลสมัยใหม่ แผ่นดินแม่ของลีกอาชีพที่พวกเราคลั่งไคล้ พวกเราเรียกมันว่าแผ่นดินยุโรปนั่นเอง
ใครๆก็รู้ว่าทุกคนสามารถมาเที่ยวบาร์เซโลน่าได้ทั้งปี เพราะว่าอากาศที่นี่อบอุ่นตลอดในทุกๆเดือน แต่ไม่ว่ามันจะอบอุ่นสักเพียงใด มันก็ไม่สามารถจะทำให้ความร้อนรุ่มในจิตใจของเด็กหนุ่มคนหนึ่งลดลงได้ เด็กหนุ่มที่กำความฝันมาจากเมืองหลวงที่ห่างไกลเพียงเพื่อจะนำมันมาฟูมฟักให้เติบโตที่นี่ เมืองที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นเพียงเมืองๆหนึ่งของสเปน ถนนลา รัมบลา ที่ว่ามีลมหายใจในทุกฤดูกาล ยังคึกคักไม่ได้เพียงเสี้ยวอารมณ์ของตั๊กในชั่วโมงนี้ เท้าซ้ายที่เคยเหยียบโลกของฟุตบอลนักเรียนไว้แทบเท้า มาวันนี้มันกำลังจะมาเหยียบลาลีกา ลีกที่ว่ากันว่ามีเสน่ห์ไม่แพ้ลีกใดๆในโลก ลีกที่เต็มไปด้วยการต่อสู้ด้วยทักษะฟุตบอลอย่างที่ไม่มีลีกใดเทียบเท่า จัตุรัสคาตาลุนญ่าเป็นจุดเริ่มต้นของลา รัมบลาอย่างไร ในวันนี้คัมป์นูก็จะเป็นจุดเริ่มต้นความฝันของตั๊กอย่างนั้นและมันเองก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าถ้าอำนาจแห่งพระแม่คงคาที่คนไทยเรานับถือมีจริง ท่านเองก็คงสถิตอยู่นะทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแห่งนี้เช่นกัน ก่อนการเดินทางมาที่นี่ตั๊กได้ตัดสินใจแล้วว่าจะยังไม่เรียนต่อปริญญาตรีแต่จะทุ่มเทให้กับฟุตบอลเสียก่อนเพื่อดูว่าระดับฝีเท้าของมันเองจะสามารถมีอนาคตที่นี่ได้หรือไม่ จากนั้นเรื่องเรียนจึงค่อยตามมาทีหลัง เนื่องจากการเตรียมตัวล่วงหน้าเป็นเวลาหลายเดือนพอสมควรบวกกับพรสวรรค์ทางภาษาของมันเอง ทำให้เมื่อเดินทางมาถึงที่นี่ความเข้มแข็งทางภาษาสเปนของมันเองก็พอจะสื่อสารกับคนที่นี่รู้เรื่องและมันเองก็ยังเรียนภาษาคาตาลันมาด้วยทำให้ปัญหาทางด้านภาษามีผลต่อมันน้อยกว่าปัญหาทางด้านฟุตบอล
ใครๆก็รู้ว่าที่สนามซ้อมมิเนียสตาดี้นั้นคลาคล่ำไปด้วยนักฟุตบอลเยาวชนระดับโลกมากมายทั้งในประเทศสเปนเองและที่เดินทางมาตามฝันจากต่างประเทศอย่างเช่นตัวมันเอง ด้วยความที่ลุงนพคนรู้จักของแม่มันที่มีเส้นสายพอสมควรที่นี่ นั่นทำให้การเข้าสู่การคัดเลือกเยาวชนรุ่นอายุต่ำกว่า 17 ปีของตั๊กเป็นเรื่องไม่ยากนัก แต่การที่จะผ่านมันไปให้ได้นั้น แม้แต่พระเจ้ายังไม่กล้ายืนยันกับมันด้วยตัวท่านเอง
“มายืนเรียงแถวกันทางนี้เลย ส่วนนายเจ้าเด็กเอเชีย เดี๋ยวลงไปคัดกับเยาวชน 15 ปีก่อนนะ” โค้ชพูด “แต่ผมอายุ 17 แล้วนะครับ” ตั๊กพูดกับโค้ชด้วยภาษาสเปนที่พอตัว “เอาน่า นายไปลองก่อน แล้วถ้าเล่นดีกว่าเด็กๆยังไงค่อยย้ายก็ยังทัน” โค้ชยังย้ำความคิดเดิม “ก็ได้ครับ” วิธีการคัดตัวเยาวชนของบาร์เซโลน่าเองไม่ได้แตกต่างจากศูนย์เยาวชนที่อื่นๆในยุโรปสักเท่าไร แต่สิ่งที่แตกต่างที่ตั๊กกำลังจะเจอก็คือฝีเท้าของเด็กๆที่นี่ที่ทำให้เท้าซ้ายของตั๊กเองกลายเป็นเท้าซ้ายธรรมดาๆข้างหนึ่งเท่านั้น “เดี๋ยวโค้ชจะให้ดวลกันตัวต่อตัว เพื่อดูทักษะของการเอาชนะคู่ต่อสู้ตัวต่อตัว ใครยิงเข้าโกล์หนูก่อน 2 – 0 เป็นฝ่ายชนะคู่แรกเจ้าเด็กเอเชียกับเรา เจ้าปิเก้” โค้ชพูดถึงเจ้าเด็กสเปนที่เล่นตำแหน่งกองหลัง ด้วยรูปร่างที่ค่อนข้างจะใหญ่กว่าเด็กรุ่นเดียวกันนั่นทำให้เพียงแค่อายุ 13 ปิเก้ก็ตัวสูงเท่ากับตั๊กแล้ว “เดี๋ยวเถอะ ตัวใหญ่ๆดูท่าจะอืดอาดเดี๋ยวกูจะหลอกให้หัวทิ่มเลย” ตั๊กพูดกับตัวเองก่อนการเผชิญหน้ากับเด็กเจ้าถิ่นครั้งแรกบนแผ่นดินคาตาลัน พลันสิ้นเสียงนกหวีด เด็กๆทั้งสนามจับกลุ่มกันยืนดูเด็กสเปนเจ้าถิ่นดวลกับเด็กไทยที่มาตามหาอนาคตที่นี่ ตั๊กเป็นฝ่ายเขี่ยบอลก่อนพร้อมเลี้ยงเข้าหาปิเก้อย่างมั่นใจในตัวเอง เจ้าหนูปิเก้ค่อยๆสืบเท้าเข้ามาใกล้ตั๊กเรื่อยๆเพื่อปิดระยะ ตั๊กเองรู้ดีว่าความเร็วไม่ใช่จุดเด่นของตัวเองเพราะฉะนั้นมันกะว่าจะโยกหลอกเพื่อหาจังหวะยิงไกลให้เข้าโกล์หนูไปเท่านั้น ไม่ได้คิดจะกระชากหลบไปแต่อย่างใด ตั๊กเร่งสปีดเลี้ยงจี้เข้าหาและเมื่อถึงระยะที่มันคิดไว้ มันใช้เท้าขวาไขว้หลอกหนึ่งครั้งก่อนใช้เท้าซ้ายแตะออกทางซ้ายมือตัวเองอย่างคล่องแคล่วก่อนแตะหนีปิเก้ไปได้อย่างง่ายดาย ทันใดนั้นตั๊กง้างเท้าซ้ายเพื่อสับไกทำประตูแรกตามที่มันคิดไว้ แต่แล้วมันก็ทำได้แค่คิด เจ้าหนูปิเก้ล้มตัวสไลด์มาจากด้านข้างกวาดบอลจากเท้าตั๊กไปอย่างง่ายดายเพราะมันไม่ได้ระวังตัวแม้แต่น้อย ตั๊กล้มกลิ้งหัวคะมำท่ามกลางความขบขันของเด็กๆคนอื่นที่ดูอยู่รอบๆ และเพียงแค่มันตั้งท่าจะลุกไปเอาบอลคืน เจ้าเด็กปิเก้ก็ส่งบอลเข้าโกล์ไปเรียบร้อยแล้วด้วยความง่ายดาย และตามกติการที่โค้ชว่าไว้ ตั๊กจะพลาดไม่ได้อีกแล้ว โอกาสครั้งต่อไปของตั๊กต้องเริ่มต้นจากการตั้งรับก่อน เจ้าปิเก้เป็นคนพาบอลเข้าหาบ้างในการเริ่มเกมครั้งนี้ ตั๊กตั้งสติเป็นอย่างดีเพราะรู้ว่าจะพลาดอีกไม่ได้แล้ว แต่แล้วมันก็ต้องงงเมื่ออยู่ดีๆเจ้าปิเก้ก็งัดบอลให้ลอยโด่งมาเข้าหัวตั๊กอย่างง่ายๆ ตั๊กเองไม่ได้ถนัดลูกหัวแต่อย่างใดแต่บอลง่ายๆแบบนี้มันก็คิดว่ามันเองสามารถโหม่งเปลี่ยนทางหนีหรือว่าเอาบอลลงได้โดยง่ายอยู่แล้ว แต่มันเองก็ทำได้แค่คิดอีกครั้ง ในขณะที่ตั๊กกำลังจะโหม่งบอล เจ้าหนูสเปนก็โถมทั้งตัวเข้ามาชิงโหม่งบอลไปก่อนพร้อมทั้งกระแทกตั๊กอย่างเต็มแรงส่งผลให้ตั๊กล้มก้นจ้ำเบ้าเป็นครั้งที่สองของเกมนี้ และเจ้าปิเก้ก็ส่งบอลเข้าประตูไปอย่างง่ายดายเป็นครั้งที่สองท่ามกลางเสียงหัวเราะของทุกๆคนรอบสนามอีกตามเคย ตั๊กอับอายจนแทบไม่อยากจะลุกขึ้นมามองหน้าใครๆ ที่มันพ่ายแพ้ให้กับเด็กอายุ 13 อย่างชนิดหมดทางสู้ ตั๊กพยายามปลอบใจตัวเองว่ามันแค่ประมาทและลุกขึ้นมายืนรอโอกาสของมันต่อไปในครั้งหน้าพร้อมทั้งรับรู้แล้วว่าการต่อสู้ที่นี่ไม่ได้ง่ายอย่างที่มันคิดแน่ๆ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้มันพอจะยิ้มได้ก็คือไมตรีจิตจากเจ้าหนูตัวเล็กอีกคนที่ก็มาตามฝันของตัวเองที่นี่เช่นเดียวกัน “นายมาจากไหนล่ะ” เจ้าหนูพูด “เรามาจากกรุงเทพ เราชื่อตั๊ก นายล่ะ” “เราเมสซี่ มาจากอาร์เจนติน่า นายเจ็บตัวหรือเปล่า ปิเก้มันเล่นหนักอย่างนี้อยู่แล้ว แต่มันก็ตั้งใจเล่นบอลนะไม่ได้เกเรอะไร” เจ้าหนูน้อยแนะนำตัวให้เพื่อนใหม่ได้รู้จัก “เราไม่เป็นไรมากหรอก ยังสู้ไหวน่า” ตั๊กยังพูดอย่างอารมณ์ดี “คู่ต่อไปเข้ามา บุสเก็ตเจอกับฟาเบรกัส” สิ้นเสียงของโค้ช สองดาวรุ่งร่างบางก็ก้าวออกมาเผชิญหน้ากันเป็นคู่ต่อมา ทั้งสองเป็นเด็กสเปนด้วยกันและการต่อสู้ของทั้งคู่นั้นเป็นการต่อสู่ที่เต็มไปด้วยชั้นเชิง ตั๊กยืนดูเด็กทั้งสองคนพร้อมทั้งทึ่งไปกับทักษะที่ทั้งสองคนมี ก่อนหน้าที่จะมาที่นี่ตั๊กเองก็ขึ้นชื่อว่าเป็นนักเตะระดับเยาวชนที่เทคนิคดีมากๆคนหนึ่งในประเทศ แต่พอมาอยู่ต่อหน้าดาวรุ่งแห่งคัมป์นูทั้งหลายแล้ว มันมองตัวเองเป็นเด็กอมมือไปเลยก็ไม่ปาน แต่แล้วมันก็ลืมทุกสิ่งที่มันเห็นไปหมดสิ้นเมื่อได้เห็นฟอร์มของผู้ชายที่มันคิดว่าน่าจะเก่งที่สุดในโลกนี้ได้ภายในอนาคต “คู่ต่อไปลงมา เมสซี่กับเปโดร” “เราไปก่อนนะตั๊ก คอยเชียร์เราด้วย” เมสซี่พูด “เอาเลยเจ้าตัวเล็ก สู้ตายๆ ระวังเจ็บด้วยล่ะ” ตั๊กพูด เมสซี่ส่งยิ้มให้กับตั๊กโดยไม่พูดอะไรก่อนก้าวเท้าลงไปในสนาม และเพียงไม่กี่นาทีที่ตั๊กมีโอกาสได้ชมฝีเท้าของเมสซี่ใกล้ๆ มันก็รู้ได้ทันทีว่าอนาคตของบาร์เซโลน่าใน 10 – 20 ปีต่อจากนี้ไป คงอยู่ภายใต้สตั๊ดของเด็กหนุ่มอาร์เจนไตน์คนนี้เป็นแน่
“วันนี้มาเล่นลิงชิงบอลเป็นโปรแกรมสุดท้ายนะ ตั๊กมาอยู่กลุ่มนี้ มีเมสซี่ ดอสซานโต๊ส ฟาเบรกัส บุสเก็ต ลิงตัวเดียวเล่นจังหวะเดียวนะ” โค้ชบอกโปรแกรมสุดท้ายของวันแรกให้กับเด็กๆทุกคนได้ทราบ และนั่นทำให้ตั๊กตื่นเต้นมากที่จะได้ต่อสู้และเรียนรู้ฝีเท้าของเพื่อนๆคนอื่นไปในตัว “เอาล่ะ เป็นไงเป็นกันวะ” ตั๊กพูดพร้อมกับถอนหายใจ จากนั้นจึงวิ่งไปเข้ากลุ่มเล่นลิงชิงบอลตามที่โค้ชสั่งในทันที และไม่ว่าต่อไปนี้ตั๊กจะต้องเจอกับอะไรบ้าง มันก็พร้อมที่จะสู้เต็มที่โดยหวังเพียงแค่ว่าจะได้ลงสัมผัสสนามคัมป์นูในฐานะนักเตะของบาร์เซโลน่าแค่เพียงสักครั้งก็พอใจ
จบวันแรกของการคัดตัว ตั๊กกลับมานอนพักอย่างเศร้าสร้อยอยู่ที่บ้านของลุงนพซึ่งอยู่ห่างจากสนามซ้อมไม่เท่าไร มันเองรับรู้ถึงความห่างชั้นของตัวมันกับเด็กฝึกของบาร์ซ่าคนอื่นๆได้ภายในวันแรกของการฝึกซ้อม มันไม่อยากจะจินตนาการเลยว่าถ้าตัวเองต้องไปคัดตัวกับเด็กที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันแล้วจะเป็นอย่างไร แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตามตั๊กก็รู้ตัวว่าไม่สามารถจะยอมแพ้ในการต่อสู้ครั้งนี้ได้ และวิธีเดียวที่จะต่อสู้กับเด็กพวกนั้นได้ก็คือการฝึกซ้อมที่มากขึ้นๆ มากในแบบที่มันเองไม่เคยทำมาก่อนเพียงเพื่อจะพัฒนาฝีเท้าให้ดีพอที่จะติดทีมของที่นี่ได้ ตั๊กเองได้คุยกับเด็กๆรุ่นน้องแล้วได้ความว่าในรุ่น 17 ปีนั้นมีนักเตะที่ฝีเท้าดีๆอีกมากมายที่เหนือไปกว่ารุ่น 15 ปี และนั่นหมายความว่ามันยังต้องใช้ความอดทนในการพัฒนาตัวเองอีกมากมายเพื่อก้าวไปให้ถึงจุดนั้นให้ได้ และไม่ว่าใครก็ไม่สามารถจะช่วยมันได้อีกต่อไปนอกจากตัวของมันเอง ตั๊กค่อยๆปล่อยความคิดในสมองล่องลอยไปเรื่อยๆพร้อมกับหลับตาพักผ่อนเพื่อต่อสู้กับความจริงอันโหดร้ายในวันรุ่งขึ้นอีกครั้ง