วันอังคารที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

mouth2mouth ตอนที่ 2

A: ไม่เคยเจอตัวจริงนายสักครั้ง เคยได้ยินแต่เธอพูดถึงนาย ตัวจริงนายดูตัวสูงกว่าที่คิดไว้อีกนะ แต่ดูเครียดๆยังไงไม่รู้ ช่วงนี้ไม่ค่อยผ่อนคลายเหรอ หรือปกตินายก็เครียดอย่างนี้อยู่แล้ว
B: ก็เปล่าหรอก ภายนอกอาจจะดูเครียดๆไม่ผ่อนคลายเท่านาย แต่จริงๆก็ไม่ขนาดนั้นหรอก บางทีเรามัวพะวงแต่เรื่องความมั่นคงของชีวิตเลยอาจจะดูเครียดไปบ้าง ว่าแต่เราเองก็เพิ่งเคยเจอนายครั้งแรก ดูน่าสนใจกว่าที่คิดนะ เธอเคยบอกไว้ว่านายน่าค้นหา น่าหลงใหล และน่าสนใจในหลายๆเรื่อง พอได้มาเจอถึงได้รู้ว่าเธอพูดถูกจริงๆ ถึงว่าทำไมเธอถึงชอบไปหานายจัง ว่างนิดว่างหน่อยเป็นไม่ได้ คอยจะไปหานายทุกที บางครั้งฉันก็อดน้อยใจไม่ได้

A: น้อยใจทำไมเหรอ น้อยใจที่เธอมาหาฉันนะเหรอ ลองคิดดูให้ดีนะว่าจริงๆแล้ว เธอต้องการอะไร อะไรกันแน่ ฉันหรือนาย อย่าเอาแต่มองฉาบฉวยจากภายนอก
B: ก็เห็นอยู่ว่าเป็นนาย ว่างเป็นคิดถึงนาย ว่างเป็นไปหานาย ไม่เคยดูดำดูดีฉันสักนิด อยู่ด้วยกันทุกวัน ยิ้มยังแทบจะไม่มีให้กัน จะไม่ให้น้อยใจได้อย่างไร

A: ที่นายพูดก็ถูก แต่เอาเข้าจริงๆไม่เห็นมีใครอยากอยู่กับฉันจริงๆเลย เหงาก็มา ทุกข์ก็มา พอรู้สึกดีขึ้นก็กลับไปหานาย เห็นเป็นอย่างนี้ทุกคน คงเห็นว่าฉันเป็นคนสนุก ไม่ยึดติด และให้ความสุขกับพวกเธอได้เสมอๆ ก็เลยมาใช้เวลาแก้เหงากับฉัน อยู่กับฉันทีละคืนสองคืน ทำอย่างกับฉันเป็นตัวอะไร
B: พวกเธอรีบกลับมาเพราะเธอต่างมีหน้าที่ มีภารกิจที่จะต้องรับผิดชอบ ไม่มีใครกลับมาเพราะคิดถึงฉันหรอกนายก็รู้ ใครๆก็อยากอยู่กับคนสบายๆอย่างนายทั้งนั้น ใครละจะมาอยู่กับคนที่คิดมากอย่างฉัน

A: ใครล่ะเป็นคนกำหนดภารกิจ ใครล่ะกำหนดหน้าที่ ก็พวกเธอเองทั้งนั้น พวกเธอทั้งนั้นที่เลือกที่จะอยู่กับนาย และเก็บฉันไว้แก้เหงา และเมื่อความจริงมันเป็นอย่างนี้ นายหรือฉันกันแน่ที่น่าอิจฉา นายอาจจะดูว่าคิดมาก แต่สิ่งที่นายคิด มันก็ทำให้ชีวิตของพวกเธอสบายไปทั้งชาติได้ พวกเธอก็เลยเลือกที่จะอยู่กับนายไง
B: ถึงนายจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ แต่ฉันก็สัมผัสได้ว่าเธอจริงใจกับนายมากกว่า อยู่กับฉันเธอทำหน้าเครียดเสมอๆ คุยกันแต่เรื่องจริงจัง คุยกันแต่เรื่องเงิน ไม่ยิ้ม ไม่หัวเราะให้กันสักนิด

A: แล้วนายรู้ได้อย่างไรว่าเวลาอยู่กับฉันเธอเป็นอย่างไร ที่ผ่านมาก็มีอยู่ไม่กี่คนหรอกนะที่ตัวอยู่กับฉันแล้วใจจะอยู่กับฉันด้วยจริงๆ ฉันมองแววตาก็รู้แล้วว่าเธอคิดถึงนายอยู่ตลอดเวลา เฝ้าครุ่นคิดว่าเมื่อไรจะถึงวันที่จะกลับไปหานาย ถึงแม้ปากจะพร่ำบอกว่านายไม่มีอะไรที่เธอรัก แต่ก็ไม่เห็นมีใครยอมอยู่กับฉัน
B: ไม่อยากจะเชื่อ เพราะเวลาอยู่กับฉัน แค่ฉันมองตาก็รู้แล้วว่าเวลาไหนที่เธอต้องการนาย และยิ่งช่วงเวลาที่ใกล้กับที่เธอตั้งใจจะไปหานาย แววตาเธอไม่มีฉันอยู่ในหัวใจสักนิด หรือเธอเลือกมาอยู่กับฉันเพียงเพราะความมั่นคงที่ฉันมอบให้กันนะ หรือเธอเองคิดว่าฉันไม่มีหัวใจ

A: ฉันเองก็ตอบไม่ได้ เธอคนนี้ที่เรากำลังพูดถึงดูไม่แน่นอนสักนิด อยู่กับนายก็ไม่ได้รักนายจริง อยู่กับฉันก็เฝ้าคิดถึงแต่นาย ผู้หญิงอย่างนี้เราไม่ควรจะไปสนใจเลยจริงๆ แต่นายจำผู้หญิงคนหนึ่งได้ไหม คนที่ฉันกำลังคิดถึงอยู่
B: จำได้สิ จะมีใครจำไม่ได้บ้างล่ะ ผู้หญิงคนเดียวที่ฉันเคยรู้จักที่เลือกมาอยู่กับฉันด้วยความรัก แววตาของเธอเวลาอยู่กับฉันดูมุ่งมั่น ดูมีแรงบันดาลใจอยู่ภายใน และที่สำคัญ ดูมีความรักอยู่ข้างในนั้นเสมอๆ ถึงแม้บางเวลาจะไปหานายบ้าง แต่ฉันก็รู้ว่าสักวันเธอต้องกลับมาเพราะว่าฉันรู้ว่าเธอรักฉัน

A: เธอเป็นคนเดียวที่ไม่ได้แบกความทุกข์จากนายมาลงที่ฉัน เธอมีความสุขเวลาอยู่กับนาย เธอมาคุย
ให้ฉันฟัง แบ่งปันความสุขและความฝันของเธอให้ฉัน และที่สำคัญ เวลาอยู่กับฉันเธอก็รักฉัน แววตาเธอบอกว่าเธอรักฉันอย่างจริงใจ ถึงแม้ว่าเธอจะมีกำหนดเวลาที่จะกลับไปหานายแต่เธอก็ใช้เวลากับฉันอย่างเต็มที่ ดวงตากลมโตของเธอไม่เคยมีช่วงเวลาไหนเลยที่เธอจะแสดงให้ฉันเห็นว่าครุ่นคิดถึงนายอยู่ เมื่อไรเราสองคนจะได้เจอผู้หญิงอย่างนี้อีกนะ ผู้หญิงที่เลือกจะอยู่กับเราด้วยความรัก และวางหัวใจไว้ที่เดียวกับที่ร่างกายเธออยู่
B: ฉันเองก็ตอบไม่ได้จริงๆ โลกสมัยนี้หล่อหลอมให้พวกเธอเป็นเหมือนกันหมด เลือกอยู่กับฉันเพราะเงิน อยู่กับฉันเพราะคิดว่ามันมั่นคง และบางทีอยู่กับฉันเพื่อหาเงินไปมีความสุขกับนาย

A: ฟังดูเหมือนฉันน่าจะมีความสุข แต่มันไม่ใช่เลย พวกเธอมาหาฉันแบบเร่งรีบ มีกำหนดการทุกอย่างอยู่ในมือ ไม่มีช่วงเวลาผ่อนคลายใดๆ รวบรัดทุกสิ่งทุกอย่าง อีกทั้งจิตใจก็ครุ่นคิดถึงนายอยู่เสมอๆ ดูแล้วเหมือนคนที่ฝากใจไว้ที่นาย แต่เอากายนั่งรถมาหาฉัน มาถึงก็พร่ำบ่นถึงแต่เรื่องความอึดอัดที่อยู่กับนาย ฉันละเกลียดพวกเธอจริงๆ
B: ฉันจะพยายามตามหาเธอคนนั้น และถ้าถึงแม้มันไม่เจอ ฉันจะพยายามบอกทุกคนที่อยู่กับฉันตอนนี้ว่าช่วยพยายามเป็นอย่างนั้นบ้างได้ไหม มีน้องมีเพื่อนก็บอกๆกันต่อไป รักฉันบ้าง ดูแลเอาใจใส่กันบ้าง อย่าอยู่กับฉันเพียงเพราะอยากได้เงิน อย่าอยู่เพียงเพราะว่าจะได้ชื่อว่ามั่นคง และถ้าฉันทำได้ ผลดีมันจะตกไปถึงนายด้วย

A: พูดตามตรงว่าฉันมองไม่เห็นความหวัง นายก็รู้สมัยนี้พวกเธอไม่ได้บูชาความรักเหมือนแต่ก่อน อีกทั้งถ้าพวกเธอไม่มีเงินเลย การมาหาฉันมันก็อาจจะเป็นเรื่องยากของเธอเช่นกัน แต่ถึงอย่างไร ฉันก็อยากจะเอาใจช่วยนาย
B: การคิดถึงเรื่องเงินบ้างก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิด เพราะถึงอย่างไรฉันก็มีให้พวกเธออยู่แล้ว แต่ฉันอยากจะให้แต่คนที่รักฉัน คนที่เลือกมาอยู่กับฉันด้วยความรัก เพราะถ้าปล่อยให้มีแต่คนที่เข้ามากอบโกยแล้วล่ะก็ วันหนึ่งฉันคงไม่มั่นคงพอที่จะให้เงินพวกเธอได้แน่ๆ และเมื่อถึงวันนั้น ทุกคนก็จะไปจากฉัน และฉันก็ไม่รู้ว่า พวกเธอจะมีเงินเดินทางไปหานายไหม บอกตามตรง ไม่อยากจะคิดถึงวันนั้น

A: ฉันจะพยายามช่วยนายอีกแรง ผู้หญิงมากมายที่มาหาฉันแล้วค้นพบว่าจริงๆแล้วตัวเองต้องการอะไร คนมากมายที่มาหาฉันแล้วกลับไปอยู่กับนายด้วยความรัก เธอคนนั้นก็ได้รู้ว่าเธอรักนายในตอนที่อยู่กับฉันนี่ล่ะ ฉันจำแววตาเธอวันนั้นได้ เธอนั่งสบตากับฉัน จับมือกันและปล่อยอารมณ์ไปเรื่อยๆ อยู่ๆเธอก็หันมาสบตาฉัน หอมแก้มฉัน และบอกกับฉันว่าเธอรู้แล้วว่าเธอรักใคร ฉันจะพยายามทำให้วันอย่างนี้เกิดขึ้นอีกครั้ง รอฉันก่อนนะ

A: ทะเลนอกเมืองหลวง B: ตึกระฟ้าในเมืองหลวง

mouth2mouth ตอนที่ 1

A: ได้ข่าวว่านายช่วยโลกจากเหล่าร้ายมาหลายครั้งแล้วเหรอ
B: ก็แทบจะทั้งชีวิตล่ะ แล้วนายล่ะ ไม่คิดจะทำอะไรบ้างเหรอเห็นเอาแต่เตะฟุตบอล

A: ฟุตบอลมันคือเพื่อนของฉันนายอย่ามายุ่ง แล้วนายไม่เล่นกีฬาหรือทำอะไรผ่อนคลายบ้างหรือไง เห็นเอาแต่ฝึกต่อสู้หน้าดำคร่ำเครียด ระวังเส้นเลือดในสมองจะแตก
B: ถ้าฉันไม่ฝึกเอาไว้ เวลามีศัตรูตัวใหม่ๆจะสู้ได้ยังไง ศัตรูตัวใหม่มันจะเก่งกว่าตัวเก่าตลอด ถึงแม้ว่าตอนที่ตัวเก่าออกมามันจะบอกว่าตัวเองเก่งที่สุดในโลกแล้วก็ตาม แต่อย่าลืมนะว่าถ้าโลกถูกทำลายนายก็อดเตะฟุตบอล

A: ก็น่าคิด ว่าแต่ทำไมนายไม่ลองมาเตะบอลล่ะ พลังอย่างนายยิงทีเดียวน่าจะเข้าประตูสบายๆ เราจะได้เป็นแชมป์ฟุตบอลโลกเสียที ไม่ต้องมาเหนื่อยอย่างทุกวันนี้
B: ฉันมีภาระที่หนักหนากว่านั้นเยอะ อีกอย่างเตะเบาๆทีเดียวลูกบอลก็แตกแล้วไม่เห็นจะสนุกตรงไหน ว่าแต่สงสัยจัง ฉันเคยดูนายเตะบอลอยู่ครั้งหนึ่ง เห็นตอนท้ายเกมนายยิงท่าไม้ตายเข้าไปจากกลางสนาม ฉันสงสัยว่าทำไมนายไม่ยิงตั้งแต่ตอนเขี่ยลูกเริ่มเกม ซัดไปสัก 4 – 5 ลูก ก็ชนะสบายๆแล้ว ไม่ต้องมาลุ้นให้เหนื่อยทีหลัง

A: ก็แล้วทำไมนายไม่รวมพลังของนายมาจากบ้าน พอศัตรูมาถึงก็ยิงใส่ทีเดียวก็จบ
B: นายก็พูดเป็นเล่น แล้วคนดูเขาจะตื่นเต้นไหมเล่า มันก็ต้องอัดกันให้สะบักสะบอมก่อน สุดท้ายค่อยใช้ท่าไม้ตายไง ก็เหมือนเรื่องอื่นๆทั่วไปนั่นล่ะ

A: ตื่นเต้นตรงไหนพวกนายมีของคอยชุบชีวิตให้ มีของไว้สำหรับคืนพลังอีกต่างหาก ไม่เห็นจะลุ้นตรงไหน เอะอะก็ขอพร ขอไม่พอก็ไปหาขอที่ดาวอื่นอีก ยังไงนายก็ไม่ต้องตายอยู่แล้ว
B: พูดอีกก็ถูกอีก ไม่รู้จะเถียงยังไง ว่าแต่นายเถอะ ชีวิตค้าแข้งมันก็ไม่ได้ยาวนานอะไร แต่ทำไมเห็นนายใช้เวลาฟุ่มเฟือยจัง ยืดยาดเยิ่นเย้อตลอด

A: ยังไงล่ะ ฉันไม่ได้ฟุ่มเฟือยนะ ใช้เวลามีค่าจะตาย เพราะฉันไม่อยู่ยงคงกระพันเหมือนนาย
B: มีค่าตรงไหน เห็นเลี้ยงบอลทีก็นึกย้อนหลังไปถึงวัยเด็กที เลี้ยงบอลจากหน้าโกล์ตัวเองกว่าจะไปถึงโกล์คู่ต่อสู้ นายคิดย้อนไปเป็นสิบปี เสียเวลาจะตาย อย่างนี้ไม่เรียกว่ายืดยาดเหรอ

A: นายก็พูดไปเรื่อย จริงๆเวลามันนิดเดียว แต่เขาขยายให้ดูนาน ปกติแป๊บเดียวก็ถึงหน้าประตูแล้ว
B: แล้วจะเลี้ยงทำไม ทำไมไม่ยิงท่าไม้ตายไปเลย เสียเวลา แถมเวลาเลี้ยงยังดูเหมือนเลี้ยงขึ้นเนินยังไงไม่รู้สนามบอลก็เรียบๆ แต่ดูในทีวีทีไร เห็นนายเลี้ยงบอลเหมือนเลี้ยงขึ้นเนินทุกที

A: นายนี่ก็พูดไม่รู้เรื่อง ท่าไม้ตายก็เก็บไว้ตอนท้ายสิ ไม่อย่างนั้นจะตื่นเต้นเหรอ ส่วนไอ้เลี้ยงขึ้นเนินอะไรนั่น มันเป็นเรื่องของภาพในทีวี อย่าไปใส่ใจอะไรกับมันนักเลย ทำยังกับภาพของนายมันจะเหมือนจริงนัก
B: เอาล่ะๆช่างมันเถอะ ว่าแต่ปกตินายเอาเวลาที่ไหนไปพลอดรักกับแฟนนาย ฉันเห็นนายเตะบอลอย่างเดียว ไม่เคยเห็นโรแมนติกเลย หรือว่านายเป็นเกย์ เห็นอยู่แต่กับหนุ่มๆ

A: ไม่ได้เป็นเกย์นะ นายนี่มั่วไปเรื่อย ทุกเวลาที่ไม่ได้เตะบอลฉันก็ให้แฟนหมดล่ะ แต่พวกนายจะเห็นฉันแต่ตอนเตะบอลเท่านั้น นอกจากนั้นเขาไม่ให้เห็น เพราะเดี๋ยวฉันจะกลายเป็นพระเอกหนังรักวัยรุ่นไปเสียก่อน หน้าตาฉันก็ยิ่งหวานอยู่ด้วย
B: ก็ดีออก น่ารักดีจะตาย นักฟุตบอลเกย์กับความรักนอกสนาม ฮา เออนี่ฝากถาม เพื่อนนายหน่อยสิ ว่าเขาเป็นคนดาวเดียวกับพวกฉันหรือเปล่า ดูเหมือนเขาจะแปลงร่างอยู่ตลอดเวลา คนที่ผมตั้งๆน่ะ

A: ก็น่าจะเป็นไปได้นะ ดูบ้าพลังเหมือนนายเลย ว่าแต่เวลานายแปลงร่าง ผมนายจะเปลี่ยนเป็นสีทอง อย่างนี้พวกนายก็ไม่ต้องย้อมผมเลยสินะ ถ้ามันเริ่มหงอก ก็แปลงร่างไว้ตลอดเลยก็ได้นี่
B: นายนี่วอนจะไม่ได้เตะบอลต่อไปแล้วนะนี่ ทำอย่างนั้นมันก็หมดพลังกันพอดี พวกฉันไม่สนใจเรื่องสีผมอะไรนั่นหรอกน่า เออฉันถามอะไรเกี่ยวกับตอนนายเด็กๆหน่อยสิ นายไม่เคยคิดว่าจะเลิกเตะบอลแล้วหันไปเรียนให้จบบ้างเหรอ ถ้าเกิดนายเอาแต่เตะบอลแล้วนายไม่ได้เป็นนักเตะอาชีพ นายจะทำอะไร เพราะฉันเห็นนายเตะบอลเป็นอย่างเดียว ถ้าอยู่ประเทศไทย พ่อแม่นายคงปวดหัวตาย

A: ฉันรู้อยู่แล้วว่าฉันจะได้เป็นนักเตะอาชีพ ไม่จำเป็นต้องร่ำเรียนอะไร เพราะชีวิตฉันมีแต่ฟุตบอล ฉันไม่เคยมีคำว่าล้มเหลวอยู่ในหัว ว่าแต่นายเถอะ ไม่เรียน ไม่ทำงานทำการ เอาเงินที่ไหนใช้ แต่อย่างว่าสงสัยไม่ค่อยมีเงิน เพราะไม่เคยเห็นนายเปลี่ยนชุดเลย มีใส่อยู่ไม่กี่ชุดล่ะมั้ง
B: ฉันต้องรักษาบุคลิกของนักรบไว้ จะให้มาแต่งตัวจัดๆ เจาะหู ใส่เดฟ อะไรอย่างนั้นได้อย่างไรล่ะ

A: ทำไมจะไม่ได้ เห็นนายก็ใส่เจลหัวตั้งตลอดทั้งวัน ไม่เห็นสนใจภาพลักษณ์อะไรตรงไหน
B: ดูท่าทางนายจะไม่อยากมีชีวิตต่อไปแล้วสินะ ถึงได้มากวนกันอย่างนี้ แค่ปล่อยพลังเบาๆนายก็หมดทางสู้แล้วนะ แล้วไอ้ที่เห็นหัวตั้งๆน่ะ ฉันไม่ได้ใส่เจลอะไร ทรงผมของคนบนดาวเดียวกับฉันก็เป็นอย่างนี้ทุกคน นายไม่สังเกตหรือไง

A: คำก็ดุ สองคำก็ดุ รู้แล้วว่าเก่ง รู้แล้วว่าแข็งแรง ไม่ต้องมาขู่มากหรอกน่า นายนี่สงสัยเด็กๆไม่มีโอกาสได้ใช้ชีวิตวัยเด็กเตะบอลให้สนุกสนานบ้างถึงได้เครียดขนาดนี้ อ่อได้ข่าวว่านายไม่เคยเห็นกระต่ายบนดวงจันทร์ใช่ไหมเพราะตอนเด็กๆนายจะมาเงยหน้าดูดาวก็ไม่ได้นี่นา เดี๋ยวเห็นพระจันทร์เต็มดวงจะกลายเป็นลิงยักษ์เสียอีก
B: อย่ามายุ่งกับวัยเด็กของฉัน เดี๋ยวจะจับหักขาไม่ให้เตะบอลเสียนี่ เอาล่ะพอกันที ฉันจะไปฝึกต่อละ เดี๋ยวถ้าเจอเหล่าร้ายมาทำลายโลกแล้วสู้ไม่ได้ โลกถูกทำลายไป นายจะอดเตะบอลเสียเปล่าๆ

A: ขอบคุณๆ ไปเถอะ ฉันก็จะไปซ้อมบอลแล้ว แล้วว่างๆมาเตะบอลกันบ้างนะ อ่อ แล้วคราวนี้ถ้าลงแข่ง ฉันจะยิงท่าไม้ตายตั้งแต่เขี่ยเลย ดูสิคนอ่านมันจะสนุกกันไหม ฮา ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ แล้วว่างเจอกันละกัน
B: ตกลง แล้วเจอกัน เอานี่ เอาถั่วไปกิน เก็บไว้กินเวลาเตะบอลเหนื่อยๆ แล้วอย่าลืมหาเวลาให้แฟนบ้างล่ะ เตะบอลอย่างเดียวระวังแฟนทิ้งนะนาย

A: โอโซระ ซึบาสะ จากเจ้าหนูสิงห์นักเตะ B:ซุน โกคู จากดราก้อนบอล

วิศวกรสอนรัก ตอนที่ 2 "พรหมลิขิตบันดาลชักพา"

เป็นอย่างไรกันบ้างครับหนุ่มสาวร้อนรักทั้งหลาย วันเวลาผ่านไปทำให้ความรักคุณเปลี่ยนแปลงไปบ้างหรือเปล่าครับ หลังจากเราได้พบกันไปแล้วในครั้งก่อน หวังว่าคุณๆคงเข้าใจความรักกันมากขึ้นแล้วนะครับ แต่เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาและเสียหน้ากระดาษไปโดยใช่เหตุ ไปว่ากันถึงคำถามวันนี้กันดีกว่าครับ

ถึง พี่วิศวกรผู้เข้าใจในความรัก

เข้าเรื่องเลยนะครับพี่ ตัวผมเองพอจะเข้าใจในความรักที่พี่อธิบายแล้ว แต่ว่าผมรอแล้วรอเล่า ความรักก็ไม่เคยเข้ามาหาผมสักที ผมเข้าใจครับว่าผมไม่ได้หล่อเหลาอย่างพี่โดมหรือพี่เคน อย่างไรแล้วสาวๆคงไม่เข้ามาจีบผมแน่ๆ แต่เห็นใครต่อใครบอกว่าพรหมลิขิตมักจะบันดาลชักพา ดลให้มาพบกันทันใด แต่ทำไมกามเทพไม่เห็นเคยเหลียวแลผมสักทีเลยล่ะครับ ผมควรจะทำอย่างไรดีครับพี่

กามเทพไม่รักผม

กรณีของน้องกามเทพไม่รักไม่ใช่เรื่องยากเลยครับ ผมมีเพื่อนๆมากมายที่พบปัญหาในลักษณะเดียวกันนี้คำถามของผมก็คือใครบอกพวกคุณกันครับว่ากามเทพมีจริง? (ฮา) ก่อนอื่นเลยผมอยากจะเปลี่ยนความคิดของทุกคนที่ต้องการจะได้ลิ้มรสกับความรักก่อนเลยนะครับว่า ให้ลืมคำว่ากามเทพและพรหมลิขิตไปได้เลยครับ ลืมให้สนิท เพราะเรื่องราวเหล่านี้มันจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเราพบกับความรักแล้วเท่านั้นครับ งงไหมครับ คิดกันง่ายๆครับ เราจะได้ยินเรื่องของกามเทพหรือพรหมลิขิตทำงานก็ต่อเมื่อเราได้ยินเรื่องของคนสองคนที่เขารักกันเรียบร้อยแล้ว ส่วนใครที่คอยบอกคุณว่าให้รอพรหมลิขิต ผมขอบอกเลยครับว่าคนเหล่านั้นเค้ากลัวคุณจะเสียใจถ้าจะต้องอยู่คนเดียวเหี่ยวแห้งไปตลอดชีวิต ก็เลยหาอะไรมาทำให้คุณชุ่มช่ำใจโดยการอ้างถึงอะไรที่มองไม่เห็น เช่นพรหมลิขิตยังไงล่ะครับ ก็ถ้ามันมีจริงแล้วเว็บไซต์หาคู่มันจะเกิดขึ้นมาทุกหย่อมหญ้าได้อย่างไรละครับ หรือถ้ากามเทพมีจริง ลุงหนวดแห่งมาลัยเสี่ยงรักคงไม่อยู่คู่เมืองไทย ถูกต้องหรือเปล่าครับ

ถ้าน้องกามเทพไม่รักเริ่มเชื่อแล้วว่าพรหมลิขิตไม่มีจริง ผมก็จะแนะนำให้ว่าทำอย่างไรน้องจะได้รู้จักกับความรักบ้าง แต่ถ้าน้องยังเชื่อในกามเทพมากกว่าพี่ เลิกอ่านครับ (ฮา) ประเด็นคืออย่างนี้ครับ เราจะเปรียบเทียบให้เข้าใจง่ายๆโดยเปรียบการเกิดความรักกับการเกิดอำนาจทางไฟฟ้าครับ ชื่ออาจจะฟังดูยากแต่รับรองว่าเข้าใจง่ายครับ ลองดูนะครับโดยปกติวัตถุจะมีสองชนิดครับคือที่เป็นกลางกับพวกที่มีอำนาจทางไฟฟ้าก็คือพวกที่มีประจุเป็นบวกหรือเป็นลบนั่นเองครับ เปรียบกับคนเราก็คือคนที่เฉยๆ กับคนที่กำลังมีความรัก ตามทันนะครับ ถ้าไม่ทันก็วิ่งมา (ฮา) คราวนี้ปัญหาก็คือ เราจะทำอย่างไรให้คนที่เฉยๆ กลายเป็นคนที่มีความรักครับ คำตอบก็คือ ทำเช่นเดียวกับการทำวัตถุที่เป็นกลางให้มันมีอำนาจทางไฟฟ้าขึ้นมา น้องๆอาจจะถามว่า แล้วมันทำอย่างไร ใจเย็นๆครับ ผมกำลังจะบอกเดี๋ยวนี้แล้ว

วิธีแรกครับ นำวัตถุที่เป็นกลางสองอันมาขัด ถู สี กันครับ เมื่อทำแบบนั้นมันจะเกิดการถ่ายเทประจุกันทำให้ชิ้นหนึ่งจะเป็นลบ อีกชิ้นจะเป็นบวก พอเข้าใจนะครับ เพราะฉะนั้นถ้าน้องกามเทพไม่รัก อยากให้ชีวิตที่เป็นกลางของน้องได้รู้จักกับความรักบ้าง คำตอบข้อแรกก็คือ ลองไปสีกับสาวๆที่ไม่รู้จักความรักคนอื่นดูครับ ไม่ยากใช่ไหมล่ะครับ เปรียบไปก็คงคล้ายๆกับเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่ออะไรอย่างนั้นล่ะครับ คบเป็นเพื่อนไปก่อน พอประจุมันวิ่งปรู๊ดปร๊าดก็ค่อยรักกัน ทำนองนี้ล่ะครับ คราวนี้ผมยังมีอีกวิธีที่ง่ายกว่านั้น โดยในทางวิศวกรรมเรียกวิธีนี้ว่าการเหนี่ยวนำ นั่นคือเราเอาวัตถุที่เป็นบวกหรือลบอยู่แล้ว ไปแตะ สัมผัส หรือวางไว้ใกล้ๆกับวัตถุที่เป็นกลางครับ มันก็จะส่งผลให้วัตถุที่เป็นกลางนั้นเปลี่ยนไปเป็นบวกหรือลบได้เช่นกันครับ ถ้าเปลี่ยนเป็นมนุษย์เราก็น่าจะเรียกวิธีนี้ว่า “จีบ”นั่นเองครับ คือน้องทำตัวน้องให้มีความรักเสียก่อน จากนั้นก็เข้าไป แตะ สัมผัส วางไว้ใกล้ๆสาวๆที่เราหลงรัก ทีนี้ถ้าการจีบนั้นถูกวิธี สาวๆเค้าก็จะเลิกเป็นกลางเองล่ะครับ ฟังดูไม่ยากใช่ไหมละครับ แต่ทั้งสองข้อนี้ สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือ ออกตามหาเป้าหมายครับ เพราะถ้าน้องยังคงนั่งรออยู่ที่บ้าน พี่รับรองได้ว่าชาตินี้คงไม่ได้สีกับใครให้ประจุมันวิ่งแน่ๆครับ (ฮา) สมัยนี้มันต้องสร้างโอกาสกันแล้วครับไม่ใช่นั่งรอโอกาสอย่างเดียว ทำตัวเองให้พร้อมที่จะมีความรักตลอดเวลา จากนั้นก็ตามหาความรักอย่างสนุกสนาน พอเจอเป้าหมายก็ใช้เวลากับมันอย่างมีความสุข และเมื่อสำเร็จแล้ว คราวนี้จะอ้างเรื่องพรหมลิขิตอะไรให้ใครๆฟังเขาก็เชื่อทั้งนั้นล่ะครับ เพราะเราได้ความรักนั้นมาแล้ว น้องว่าจริงหรือเปล่าครับ

ผมลืมบอกอะไรไปอย่าง ถ้าลืมตรงนี้ไปน้องกามเทพไม่รักคงกลับมาฆ่าผมแน่ๆเลยทีเดียว คืออย่างนี้ครับ เตือนไว้สักนิดนะครับ วัตถุมันจะมีสองประเภทนะครับ คือพวกตัวนำกับพวกฉนวน ตัวนำก็คือประจุจะสามารถผ่านได้ครับ แต่ถ้าเป็นฉนวนนี่ หมายถึงวัตถุที่ไม่ยินยอมให้ประจุไฟฟ้าเคลื่อนที่ผ่านได้ ถ้าเราให้ประจุแก่ฉนวนประจุนั้นจะอยู่นิ่งไม่เคลื่อนที่ไปไหน สาวๆก็เช่นกันนะครับ ก่อนจะเข้าไปจีบก็ดูซะก่อนว่าเจ้าหล่อนเป็นฉนวนหรือเปล่านะครับ ไม่เช่นนั้นแล้วมันจะเสียแรง เสียใจ เสียเวลา และอาจจะเสียเงินด้วยนะครับ เดี๋ยวจะหาว่าวิศวกรไม่เตือน

ความรักนี่ก็แปลกนะครับ คนบางคนไม่อยากได้แต่พระเจ้ากลับแจกมาให้แบบไม่ทันรู้ตัว แต่คนบางคนรอมาทั้งชีวิตแต่ไม่เคยได้รู้ว่ามันเป็นยังไง สำหรับกรณีแบบนี้ผมมีคำแนะนำอย่างนี้ครับ ทำตัวให้พร้อมสำหรับความรักอยู่ตลอดเวลาครับ พระเจ้าท่านไม่แจกก็หาเองได้ หรือพระเจ้าแจกมาเมื่อไรก็พร้อมจะดูแลมันเป็นอย่างดี แค่นี้ก็ไม่ต้องกลัวอะไรแล้วล่ะครับ อย่าลืมนะครับ สงสัยอะไรเกี่ยวกับความรักกันบ้างหรือเปล่า วิศวกรจะสอนให้นะ

วิศวกรสอนรัก ตอนที่ 1 "รักคืออะไร"

สวัสดีวัยรุ่นผู้เจนจัดในความอกหักทุกท่านครับ ครั้งนี้น่าจะเป็นครั้งแรกที่เราได้พบกันอย่างเป็นทางการ เพราะฉะนั้นผมจะถือโอกาสแนะนำตัวสักนิดหวังว่าคงไม่เสียเวลามากจนเกินไป ตัวผมเองร่ำเรียนปริญญาตรีมาทางสายวิศวกรรมแขนงหนึ่ง จากนั้นมุ่งหน้าออกจากมหาวิทยาลัยเพื่อศึกษาต่อในอีกสาขาที่คนทั่วโลกอยากที่จะเรียนรู้ให้เจนจัด แต่ผมขอบอกเลยว่ามีไม่กี่คนที่ทำสำเร็จเช่นผม

วิศวกรรมความรักคือศาสตร์ที่ผมร่ำเรียนมาเป็นเวลานานหลังจากวันที่ก้าวออกมาจากมหาวิทยาลัย ผมไม่จำเป็นต้องแจกแจงสรรพคุณมากมายว่าอะไรบ้างที่ผมได้มาจากการทุ่มเทค้นคว้าและศึกษาศาสตร์แขนงนี้ คุณเองอาจจะรู้จักกับคอลัมน์ตอบปัญหาความรักมาบ้างไม่มากก็น้อย แต่ผมรับรองด้วยเกียรติของวิศวกรได้เลยว่าไม่มีคอลัมน์ไหนในโลกเหมือนคอลัมน์ของผม และถ้าคุณอยากรู้ว่าผมมีดีอะไรถึงกล้าที่จะบอกทุกคนแบบนั้น ผมขอเชิญมาพบกันทุกเดือนที่นี่ แล้วคุณจะรู้ว่าความรักไม่ใช่เรื่องยากและเราสามารถจัดการมันอยู่ได้ง่ายๆด้วยศาสตร์ของวิศวกรรม ส่งคำถามของคุณเข้ามาครับวิศวกรความรักอย่างผมจะแก้ปัญหาให้คุณเอง

คำถาม พี่วิศวกรขา ความรักคืออะไรคะเคยได้ยินผู้ใหญ่เขาพูดกัน หรือบางทีเพื่อนผู้ชายก็มาขอความรักจากหนู หนูไม่ให้ก็โกรธกระฟัดกระเฟียด ก็หนูยังไม่รู้เลยว่ามันคืออะไร จะให้ไปง่ายๆได้อย่างไรล่ะคะ จาก น้องหนูอยากรู้รัก

สวัสดีครับน้อง ก่อนอื่นขอบอกว่าชื่อน้องส่อไปในทางหนังสือเพลย์บอยยังไงไม่รู้นะครับ (ฮา) ที่พี่เลือกคำถามของน้องมาก็เพราะว่านี่น่าจะเป็นคำถามของเด็กวัยริรักทุกคนและคำถามนี้ก็ไม่เหมาะจะไปถามผู้ใหญ่ที่ไหนเพราะเขาจะหาว่าเราเป็นเด็กที่ตากแดดนานไป (แก่แดด) ได้นะครับ เพราะฉะนั้น น้องมาถูกทางแล้วครับ

ลองฟังคำตอบของคนส่วนใหญ่ที่ไม่ได้ศึกษาเรื่องความรักมาโดยตรงก่อนนะครับ ความรักก็คือการมีใจผูกพันหรือมีความรู้สึกดีๆต่อคนหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่ง อะไรจำพวกนี้ล่ะครับ ถ้าคุณน้องหนูอยากรู้รักไปถามที่ไหนก็คงไม่ต่างจากนี้นะครับ แต่ถ้าผมจะตอบแบบนี้ก็คงจะเป็นการดูถูกคอลัมน์ของตัวเองเกินไป ร่ำเรียนมาก็ตั้งหลายปีจะให้ตอบธรรมดาก็จะอายเขาเปล่าๆ เอาเป็นอย่างนี้ดีกว่าครับ ความรักคือ “แรงชนิดหนึ่งที่สามารถดึงดูดทุกสิ่งทุกอย่างให้เข้าหากันได้ ไม่ว่าจะเป็น คน สัตว์ หรือสิ่งของ” พอเข้าใจหรือเปล่าครับ อาจจะยากไปนิดแต่ไม่ต้องกลัวครับ ถ้าอ่านคอลัมน์ผมแล้วไม่รู้เรื่อง มาด่าผมได้ตลอดครับ แต่หาผมให้เจอแล้วกัน (ฮา) เลิกเล่นๆ ผมจะอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับความรัก โดยอ้างอิงจากกฎที่เกี่ยวกับ “แรง” ทั้งสามข้อที่คุณไอแซก นิวตัน อธิบายกันไว้ละกันนะครับ เพราะไหนๆก็บอกว่ารักเป็น “แรง” ชนิดหนึ่งแล้ว มันก็น่าจะอธิบายได้เช่นเดียวกับแรงอื่นๆ น้องหนูว่าอย่างนั้นไหมครับ แต่จะว่าอย่างไร ผมก็จะอธิบายครับ (แล้วจะถามทำไม)

กฎของรักข้อแรกครับเขาบอกว่า หากไม่มีรักมากระทำต่อชีวิตหนึ่ง ชีวิตนั้นจะอยู่นิ่งอย่างซังกะตาย จนกว่าจะมีความรักมากระทำต่อชีวิตนั้น ตัวอย่างก็เช่น หากน้องหนูใช้ชีวิตไปทุกวันๆ โดยไม่มีความรักมากระทำ ชีวิตน้องหนูก็จะคงสภาพอยู่นิ่ง เอื่อยเฉื่อย น่าเบื่อหน่าย แก่ง่าย ตายช้า หน้าไม่อายอยู่อย่างนั้น (แซวเล่นนะครับ) จะว่าไปก็คงเหมือนสาวๆที่ไม่รู้จักกับความรัก เธอจะตื่นเช้าเพื่อทำงานไปวันๆ เลิกงานก็รีบกลับบ้านมาดูละครน้ำเน่า ใช้ชีวิตเป็นหุ่นยนตร์ออฟฟิศรอว่าเมื่อไรจะมีความรักตกถึงท้องครับ น้องหนูเห็นภาพใช่ไหมครับ แต่วันใดที่น้องหนูได้พบรักกับหนุ่มวิศวกรดีๆสักคน ย้ำ วิศวกรดีๆสักคน (ฮา) ชีวิตน้องหนูก็จะชุ่มช่ำ จากที่จะกลับบ้านมาดูละครน้ำเน่าคนเดียวก็อาจจะกลายเป็นนัดกันไปจิ๊จ๊ะ บะบะโอ้บะบะ อะไรอย่างนี้ แจ่มไปเลยครับ

มากันที่ข้อสองนะครับเขาว่าไว้อย่างนี้ครับ เมื่อมีรักมากระทำต่อชีวิตหนึ่ง รักนั้นจะเปลี่ยนแปลงโมเมนตัมของชีวิตและทำให้ชีวิตเคลื่อนที่ไปตามแนวทางของความรัก โดยชีวิตจะเปลี่ยนแปลงเร็วเท่าไรก็ขึ้นอยู่กับว่าความรักมันโจมตีหัวใจเราหนักเท่าไรนะครับ พอเข้าใจใช่ไหมครับ ว่าแต่โมเมนตัมคืออะไรครับ ในทางวิศวกรรมให้คำตอบว่า โมเมนตัมคือความสามารถในการเคลื่อนที่ครับ นั่นหมายความว่า ถ้าหนูมีความรักเข้ามาในชีวิตความสามารถในการทำสิ่งต่างๆในชีวิตหนูจะเปลี่ยนไปครับ ตัวอย่างเช่น ความสามารถในการมองเห็นของหนูก็อาจจะแย่ลง (ความรักทำให้คนตาบอด ฮา) สรุปว่ามันขึ้นอยู่กับว่าความรักนั้นจะดีหรือไม่ดีน่ะครับ เช่นถ้าหนูมารักกับพี่ ชีวิตหนูก็จะดีขึ้นมากๆ อย่างนี้เป็นต้นครับ ฮาฮา (มีหยอดตลอด)

มาที่ข้อสุดท้ายครับเขาบอกว่าเมื่อชีวิตหนึ่งส่งมอบความรักไปกระทำกับอีกชีวิตหนึ่ง ชีวิตที่ถูกกระทำจะออกแรงกระทำกลับในขนาดที่เท่ากัน ข้อนี้ทำให้นักรักตายมานักต่อนักแล้วครับ ผมจะอธิบายให้น้องหนูเข้าใจง่ายๆนะ ถ้าน้องหนูไปรักใครคนหนึ่ง ยิ่งน้องหนูใช้แรงแห่งรักกระทำและแสดงออกต่อเขามากเท่าไร เขาก็จะกระทำและแสดงออกต่อหนูมากเท่านั้น อันนี้จริงครับผมยืนยัน แต่แรงที่เขาใช้กระทำต่อหนูนั้นมันไม่ใช่รักอย่างเดียวสิครับ มันอาจจะมีแรงเกลียด แรงแค้น หรือแรงอื่นๆ ด้วยก็ได้ และน้องหนูก็จะรับไปหนักเท่าๆกับที่เราแสดงออกต่อเขาไปนั่นล่ะครับผม เพราะฉะนั้นจะรักใครง่ายๆก็ระวังไว้หน่อยนะครับ ถ้าดูไม่ดีอาจจะเจ็บฟรีได้
อ่านมาจนจะจบ พอจะเข้าใจบ้างหรือเปล่าครับน้องหนู พี่ขอสรุปว่า ความรักก็คือแรงชนิดหนึ่งที่จะทำให้ชีวิตของน้องเปลี่ยนแปลงไปได้ ทั้งในทางที่ดีและไม่ดี และมันก็เป็นแรงที่น้องเองก็สามารถหยิบยื่นให้กับสิ่งต่างๆได้เช่นกัน การที่มีเพื่อนผู้ชายมาขอความรักจากน้อง ก็เพราะเขารู้ว่ามันจะขับเคลื่อนชีวิตเขาได้ คราวนี้น้องต้องระวังหน่อยนะครับที่จะให้ความรักกับใคร เพราะมันมีพลังมากกว่าที่น้องหนูจะจินตนาการได้อีกนะครับ ก็ลองคิดดูว่า แรงชนิดนี้นี่ล่ะที่ดึงดูดคนที่ไม่รู้จักกันให้อยู่ด้วยกันนานเป็น 30 – 40 ปี น่าทึ่งไหมละครับ
วันนี้น้องหนูอยากรู้รักก็น่าจะทราบคำตอบแล้วนะครับว่าความรักคืออะไร แต่ถ้าอยากรู้อะไรอีกก็ถามมาได้นะครับ พี่ไม่เคยรังเกียจน้องๆสาวๆอยู่แล้ว ว่าแต่วัยรุ่นทั้งหลายเอ๋ย สงสัยอะไรเกี่ยวกับความรักกันบ้างหรือเปล่า วิศวกรจะสอนให้นะ

คิดถึง

ผมไม่เข้าใจเลยว่าคนแก่สมัยนี้เขาพยายามพูดถึงอะไรกัน มันไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมคิดอะไรแบบนี้หรอกนะ หลายครั้งหลายหนที่ผมได้นั่งคุยหรือเพียงแค่แอบฟังคนแก่ๆเค้าพูดถึงสิ่งนี้ ผมเกิดความสงสัยขึ้นทุกครั้งว่ามันคืออะไรกันแน่ และถ้าไอ้สิ่งนี้มันเคยมีอยู่จริงๆ เหตุใดช่วงเวลาเพียงไม่กี่ปี มันจึงหายจากโลกนี้ไปราวกับว่ามันไม่เคยมีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้เลยแม้สักวินาทีเดียว

แสงแดดในยุคสมัยปัจจุบันยังคงทำหน้าที่ของมันอย่างไม่เคยเหน็ดเหนื่อย ผมเองไม่รู้ว่าเส้นแสงที่มุดเข้ามาปลุกผมในคอนโดหรูใจกลางเมืองเส้นนี้เป็นแสงแรกของรุ่งอรุณนี้หรือไม่ แต่เมื่อเหลือบตาไปดูนาฬิกาผมก็พบว่ามันไม่ใกล้กับคำว่าแสงแรกเลยสักนิด เพราะว่าขณะนี้เข็มนาฬิกาทั้งสองของผมมันไปรวมกันอยู่ที่เลข 12 ทั้งสองเข็ม ทั้งๆที่พื้นที่ในหน้าปัดก็ตั้งมากมาย ผมไม่เข้าใจเลยว่ามันทำอย่างนั้นทำไมในเมื่อชั่วโมงที่แล้วมันทั้งสองก็เจอกัน แต่จะอย่างไรก็ช่างเถอะ ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดถึงอะไรแบบนั้น วันพักผ่อนอย่างนี้ ผมควรจะรีบไปอาบน้ำและมาเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อดูว่าเพื่อนๆในสังคมออนไลน์ของผมมีอะไรเคลื่อนไหวกันบ้าง

ระหว่างที่หยดน้ำจากฝักบัวตกกระทบร่างกายของผมอยู่นั้น มวลความคิดของผมก็ฟุ้งไปทั่ว แต่ยังโชคดีที่มีขอบเขตของห้องน้ำคอยขังมันไว้ไม่ให้กระจาย แต่ประเด็นหลักๆของเรื่องที่ผมฟุ้งอยู่ในขณะนี้ก็มีแค่เรื่องเดียว นั่นก็คือ การที่ผมไม่ได้กลับบ้านมาเป็นเวลาร่วมปีมันถือเป็นความผิดปกติหรือไม่ ผมพยายามขบคิดหาคำตอบมานานแต่ก็ไม่เคยสำเร็จสักที ระยะเวลาหรือความรู้สึกกันแน่ที่ควรจะเป็นตัวตัดสินว่านานเท่าไรที่ใครคนนึงควรจะกลับบ้านไปเจอหน้าพ่อแม่เสียบ้าง คิดไปคิดมามันช่างน่าปวดหัวจริงๆ
ผมไม่คิดว่าจะมีอะไรที่แย่ไปกว่านี้อีกแล้วนะ ไอ้การที่ผมยังอาบน้ำไม่ทันเสร็จแต่ก็ดันมีเสียงที่จัดได้ว่าน่ารำคาญเรียกมาจากคอมพิวเตอร์นี่มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยเลยจริงๆ ไม่รู้ว่าใครเรียกมากันอีก ผมอยากจะด่าไอ้โปรแกรมตัวนี้เสียเหลือเกิน ถึงแม้มันจะมีภาพที่ชัดกว่าตัวอื่นๆ แต่มันก็เสียตรงที่ว่าเมื่อใดที่คุณเข้าสู่ระบบอินเตอร์เน็ต ตัวมันเองก็จะเข้าสู่ระบบโดยอัตโนมัติเช่นกัน และเมื่อนั้นทุกคนที่เป็นเพื่อนกับคุณบนไอ้โปรแกรมนี้ เขาก็จะเห็นว่าคุณออนไลน์และถ้าคนเหล่านั้นอยากจะคุยกับคุณ เขาก็จะเรียกหาคุณด้วยเสียงอันดังน่ารำคาญที่มันถูกเปล่งออกมาจากคอมพิวเตอร์อย่างที่ผมได้ยินนี่ล่ะ ไม่รู้มันเคยสนใจบ้างหรือเปล่านะ ว่าใครเค้าทำอะไรกันอยู่บ้าง

สุดท้ายผมก็นึกไว้ไม่มีผิด เจ้าของเสียงดังที่แย่งเวลาอาบน้ำของผมไปก็คือแฟนสาวของผมนั่นเอง ราวๆสองปีได้แล้วนะที่แฟนผมไปเรียนต่อที่อเมริกา นั่นทำให้เราเป็นคู่รักที่ไม่ได้จับมือกันมาเกือบจะสองปีแล้ว แต่ถึงแม้เราจะไม่ได้จับมือกันแต่ผมก็เห็นหน้าเธอทุกวัน อุปสรรคคงจะมีแค่เวลาที่ต่างกันครึ่งค่อนวัน แต่ว่าก็ว่าเถอะ ผมเห็นหน้าเธอมากกว่าตอนเธออยู่เมืองไทยเสียอีก ต่างจากพ่อกับแม่ของผมที่อยู่ประเทศเดียวกันเสียด้วยซ้ำแต่ผมกลับไม่ค่อยได้เห็นหน้าท่านเท่าไร คิดไปคิดมามันก็แปลกดี เพราะนอกจากผมกับแฟนจะเห็นหน้ากันทุกวันแล้ว ถ้าเราคนใดคนหนึ่งนอนหลับไป อีกคนหนึ่งก็ยังสามารถที่จะส่งจดหมายผ่านอินเตอร์เน็ตเข้าไปที่กล่องจดหมายของอีกคนได้โดยไม่ต้องติด ติดอะไรนะ ไอ้ที่ดวงละ 2 -3 บาท ผมเองก็จำชื่อมันไม่ได้ เอาเป็นว่าผมก็สามารถส่งจดหมายไปหาเธอได้โดยไม่ต้องให้ใครขี่มอเตอร์ไซต์ไปส่งมัน แล้วทันทีที่เธอตื่น เธอก็จะสามารถอ่านจดหมายของผมได้ทันที โดยไม่ต้องรอหลายวันเหมือนเมื่อสมัยก่อน

หลังจากร่ำลากับแฟนได้สักพัก ผมก็รู้สึกแปลกๆบางอย่างขึ้นมา ผมสงสัยว่าจะดีหรือเปล่าถ้าผมจะลองเขียนจดหมายส่งหาที่บ้านบ้าง แต่ไม่เกิน 30 วินาที ความคิดนี้ก็หายไปจากหัวผมทันที เพราะผมคิดว่ามันล่าช้าและค่อนข้างจะเชยมากๆ เอาเป็นว่าถ้ามีคนรู้จักมาเห็นผมเอาจดหมายไปหยอดลงตู้ไปรษณีย์ ผมคงจะอายไม่กล้าพบหน้าใครไปอีกนานเลยทีเดียว

นอกจากที่ผมคิดเรื่องส่งจดหมายไปหาคนที่บ้านแล้ว อยู่ดีๆผมก็รู้สึกเหมือนว่าอยากจะส่งไปหาเพื่อนคนหนึ่งที่เคยสนิทกันสมัยประถมซึ่งมันหายไปจากชีวิตผมมานานพอสมควร ความรู้สึกนี้มันติดใจผมมาตั้งแต่เมื่อคืนก่อน ผมไม่รู้ว่าจะเรียกความรู้สึกนี้ว่าอะไร แต่เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมไปพิมพ์ความรู้สึกนี้ไว้บนชื่อบัญชีส่วนตัวของผมที่มีอยู่บนอินเตอร์เน็ตดีกว่า เผื่อวันนี้จะมีใครที่รู้สึกเหมือนผมบ้าง หรือว่าคนอื่นๆจะได้ไม่ต้องมาถามว่าผมรู้สึกอะไรในวันนี้ และเดี๋ยวถ้านึกคำอะไรคมๆออก ผมจะไปเขียนลงในหน้าหนังสือรุ่นออนไลน์บนอินเตอร์เน็ตด้วย เผื่อว่าจะมีใครมาชอบคำคมของผมบ้างมันก็คงจะดีไม่น้อย

กินข้าวก็แล้ว คุยกับแฟนก็แล้ว ส่งจดหมายออนไลน์ให้เธอก็ทำตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว สถานะใหม่ๆก็เขียนไว้แทบจะทุกบัญชีออนไลน์บนอินเตอร์เน็ตแล้ว แล้ววันนี้ผมจะทำอะไรต่อไปดีนะ อ่อ ลืมไปสนิทเลยทีเดียว ผมลองไปค้นหาเพื่อนเก่าในหนังสือรุ่นออนไลน์ก่อนดีกว่า ผมรู้ว่ามันเรียนมัธยมที่ไหน และรู้จักเพื่อนๆของมันสองสามคน ไม่นานผมก็คงเจอมัน จะได้คุยกับมันหน่อย ไม่ได้คุณกันมาหลายปีแล้ว เดี๋ยวมันจะหาว่าผมไม่รักมันเสียอีก และอีกอย่าง มันคงจะง่ายกว่าให้ผมไปพยายามหาที่อยู่เพื่อส่งจดหมายไปหามันแน่ๆ

จากที่ผมเล่าให้ฟัง พวกคุณคงคิดว่าวันๆผมคงเอาแต่อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์สินะ จริงๆแล้วมันก็ไม่อย่างนั้นเสียทีเดียว ผมยังมีมือถือเครื่องใหม่เป็นของเล่นอีกอย่างที่ผมภูมิใจ มือถือของผมนี่มันดีจริงๆ มิน่าทำไมก่อนหน้าที่ผมจะซื้อ ผมเห็นใครๆก็ใช้มันกันทั้งบ้านทั้งเมือง ไอ้เจ้าเครื่องนี้มันทำให้ผมสามารถคุยกับเพื่อนๆทุกคนที่ถือเครื่องยี่ห้อเดียวกับผมอยู่ได้ โดยที่พวกนั้นไม่ต้องมานั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ อีกทั้งผมกับเพื่อนก็ไม่ต้องโทรหากันให้มันเปลืองเงินและเสียเวลาอีกด้วย คิดไปแล้วก็ขำ เพื่อนเก่าผมสมัยประถมหรือมัธยม ผมจะจำลายมือมันได้ทุกคน แต่เพื่อนปัจจุบันผมจำลายมือมันไม่ได้สักคน เพราะเราได้แต่เห็นข้อความที่มันพิมพ์ และคุณลองคิดดูว่าถ้าต่อไปผมไม่โทรหาเพื่อนเลย แต่ใช้วิธีพิมพ์คุยกันผ่านมือถือ ผมจะลืมเสียงพวกมันหรือเปล่านะ

มันง่ายอย่างนี้นี่เองวิธีค้นหาเพื่อนเก่าบนหนังสือรุ่นออนไลน์เล่มนี้ ใช้เวลาไม่กี่นาทีผมก็เจอแล้วว่ามันไปทำอะไรอยู่ที่ไหนบนโลกใบนี้ คราวนี้ต่อไปผมคงได้คุยกับมันแทบทุกวัน (ถ้ามันว่าง) เพราะผมได้ส่งไปขอเป็นเพื่อนมันอีกครั้งบนอินเตอร์เน็ตไปแล้ว ผมหวังว่ามันคงรับผมเป็นเพื่อนนะถ้ามันยังไม่ลืมผม ว่าแต่ตอนที่ผมได้เจอมันครั้งแรกในตอนเด็ก ผมได้ขอเป็นเพื่อนกับมันอย่างเป็นทางการอย่างครั้งนี้หรือเปล่านะ ผมเองก็จำไม่ได้

มีคนมาชอบข้อความรวมทั้งสถานะที่ผมเขียนไว้ในบัญชีส่วนตัวของผมเต็มเลยล่ะ อย่างนี้ผมคงต้องใช้เวลาคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนๆผมเหล่านี้เสียหน่อยแล้ว ว่าแต่นี่ก็ใกล้จะเย็นแล้วนะ ผมจะกินอะไรดี เดี๋ยวผมสั่งอะไรมากินดีกว่า สั่งผ่านอินเตอร์เน็ต สักครู่เดี๋ยวเขาก็คงมาส่ง และอีกสักพักก็คงได้เวลาที่แฟนผมจะเรียกมาหาผมแล้วล่ะ กินข้าวเย็นแบบเห็นหน้าค่าตากันบ้างคงจะดีไม่น้อยนะ ผมว่า เพราะจะว่าไปผมเองก็กินข้าวคนเดียว (แต่ก็พิมพ์คุยกับเพื่อนไปด้วย) มาหลายวันแล้วเหมือนกันนะ

ผมพยายามหลายครั้งแล้วนะที่จะสอนให้ญาติผู้ใหญ่ของผมรวมทั้งพ่อกับแม่ได้รู้จักกับการออนไลน์เข้ามาทางคอมพิวเตอร์ แต่เขาก็ปฏิเสธผมทุกครั้งและพยายามอธิบายให้ผมรู้คุณค่าของอะไรบางอย่างที่ผมไม่เคยรู้จัก ผมไม่เข้าใจว่าทำไมผู้ใหญ่ถึงยึดติดกับมันนัก พวกเขาบอกผมว่าถ้าผมไม่พยายามเรียกให้มันกลับมา หรือไม่พยายามทำความรู้จักมัน ผมจะไม่รู้จักคำว่า “ความสัมพันธ์” ผมเองก็งงว่าผมจะไม่รู้จักมันได้อย่างไรในเมื่อทุกวันนี้ผมก็มีคนขอเป็นเพื่อนมากมาย อีกทั้งยังมีคนตามมาอ่านสถานะของผมในอินเตอร์เน็ตตั้งมากมาย และที่สำคัญ ในหนังสือรุ่นผมก็บอกสถานะอยู่ว่าผมกำลังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับแฟนผม ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพวกผู้ใหญ่ไม่พยายามปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยบ้าง แต่ก็เอาเถอะ เขาคงไม่อยากที่จะมีเพื่อนเป็นพันๆหมื่นๆคนอย่างผม เพราะเห็นพ่อกับแม่ผมก็คบเพื่อนอยู่ไม่กี่คน ไม่รู้ว่าท่านทนอยู่อย่างนั้นได้อย่างไร

วันเวลาผ่านไปหลายเดือนนับจากวันที่ผมตามหาเพื่อนเก่าเจอ แต่ชีวิตผมก็ยังไม่เปลี่ยนไปไหน ผมยังสนุกกับการคุยกับแฟนข้ามโลก พิมพ์คุยกับเพื่อนด้วยมือถือของผม หรือเปลี่ยนแปลงสถานะในบัญชีส่วนตัวไปเรื่อยๆ พอว่างจากนั้นก็มานั่งเขียนจดหมายหาแฟนเล่นบ้าง หรือวันดีคืนดีก็ไปเขียนข้อความกวนๆในหน้าของเพื่อนๆบนหนังสือรุ่นออนไลน์ที่ผมชอบที่จะเข้าไปดูมันอย่างมาก สองสามปีหลังมานี้อวัยวะที่ผมใช้มากที่สุดน่าจะเป็นนิ้ว และผมคิดว่าต่อไปจากนี้หลายๆปี นิ้วของผมคงเป็นอวัยวะที่แข็งแรงที่สุดเป็นแน่ถ้ามันยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากนี้

ผมกำลังตกใจกับเสียงที่ดังขึ้น นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายๆเดือนที่โทรศัพท์ผมดัง ใครนะที่ยอมสละเวลาและยอมเสียเงินโทรมาหาผม ทำไมเขาไม่ทักผมบนโลกออนไลน์ ทำไมไม่ส่งจดหมายออนไลน์มา ทำไมไม่ทักผมบนมือถือ ทำไม ทำไม ทำไมเขาถึงโทรมาหาผม ผมตั้งสติเล็กน้อยก่อนรับโทรศัพท์อย่างช้าๆ

“กลับมาบ้านบ้างสิลูก แม่คิดถึง” ปลายสายส่งเสียงเรียบง่ายเกินกว่าที่ผมจะจินตนาการได้ แต่เสียงเรียบง่ายนั้นก็ดังกังวานอยู่ในสมองผมอีกไปอีกหลายนาที นานแล้วสินะที่ผมไม่ได้ยินคำคำนี้ คำว่า“คิดถึง” แต่จนถึงวันนี้ผมก็ยังไม่เข้าใจมันอยู่ดี อย่างไรผมก็จะพยายามเชื่อว่ามันมีอยู่จริงเพราะแม่ผมไม่เคยโกหกใคร ผมไม่เข้าใจความรู้สึกแบบนั้นว่ามันคืออะไร ผมสามารถติดต่อเพื่อน แฟน และคนทุกคนได้ในทุกนาทีที่ผมอยากจะติดต่อ และผมยังมีทางเลือกมากมายที่จะสื่อสารกับคนเหล่านั้น นั่นทำให้ผมไม่เข้าใจว่า “คิดถึง” มันคืออะไร ผมย้อนนึกไปถึงคำที่ญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งเคยบอกผมว่า ถ้าผมไม่รู้จักคำว่า “คิดถึง” ผมก็จะไม่รู้คุณค่าของคำว่า “ความสัมพันธ์” ก็แล้วผมจะทำอย่างไรให้รู้จักกับมันได้ล่ะ หรือผมจะต้องทำเรื่องเชยๆอย่างเขียนจดหมาย หรือทำอะไรที่หนักหนากว่านั้นนั่นคือ “การกลับบ้าน”

“ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ผอมไปเยอะเลยนะลูก” แม่ผมทักผมเหมือนที่ใครหลายๆคนทักเวลาที่ไม่ได้เจอผมนานๆ แม่เองก็แก่ไปมากจากที่ผมเจอแม่ครั้งสุดท้ายเมื่อนานมาแล้ว พ่อเองก็เปลี่ยนแปลงไม่ต่างจากแม่เท่าไรนัก เมื่อผมเห็นสายตาที่ท่านทั้งสองมองมาหาผม ผมสงสารท่านทั้งสองจับใจ แววตาของท่านทั้งสองบอกผมว่า การที่มีคนมาชอบข้อความที่ผมเขียนลงในอินเตอร์เน็ตหรือการที่ผมมีเพื่อนๆมากมายในโลกออนไลน์ มันไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าภูมิใจอะไรเลยถ้าผมไม่ได้ตระหนักถึงคุณค่าของความสัมพันธ์ แววตาของท่านยังบอกผมอีกว่าผมทำอะไรหล่นหายไปบ้างในช่วงชีวิตที่ผ่านมา ผมไม่เดินทางไปหาใครถ้าไม่จำเป็นมากจริงๆ ผมไม่โทรไปฟังเสียงใครถ้าไม่อยากได้ยินมากจริงๆ และผมไม่ติดต่อใครถ้าคนเหล่านั้นไม่ออนไลน์ และผมไม่ได้สบตากับมนุษย์จริงๆต่อหน้ามานานแสนนาน และทั้งหมดนั้นมันก็เกิดขึ้นกับคนที่ผมเรียกพวกเขาว่า พ่อกับแม่ ด้วยเช่นกัน

ก่อนหน้านี้ผมพยายามแล้วที่จะติดต่อกับท่าน สิ่งที่ผมคิดก็คือ ผมพิมพ์คุยกับพ่อและแม่ทางโทรศัพท์ไม่ได้เพราะท่านไม่ได้ใช้โทรศัพท์รุ่นแพงๆเหมือนผม ผมส่งจดหมายออนไลน์หาท่านไม่ได้เพราะท่านไม่มีกล่องจดหมายที่จะรับจดหมายจากผม ผมเขียนข้อความลงไปในหน้ากระดาษของพวกท่านในหนังสือรุ่นออนไลน์ก็ไม่ได้เพราะพวกท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ผมคุยกับท่านผ่านกล้องที่คอมพิวเตอร์ก็ไม่ได้เพราะพวกท่านไม่มีคอมพิวเตอร์ แต่ทั้งหมดนี้มันจะไม่เป็นปัญหาเลยถ้าผมคิดง่ายๆเพียงแค่เดินทางมาหาพวกท่าน ผมเงยหน้ามองพวกท่านอีกครั้งเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างในความคิดของผมสิ้นสุดลงและในวินาทีนี้ผมรู้สึกได้ถึงหยดน้ำอุ่นๆที่ไหลลงอาบแก้มผมอย่างไม่ได้ตั้งใจ

ผมรู้แล้วว่ามันมีอยู่จริง ผมเชื่อแล้วว่ามันคือพื้นฐานของความสัมพันธ์ที่แท้จริง ช่วงชีวิตที่ผ่านมาผมเข้าใจว่า 2 – 3 ชั่วโมงก็ถือว่านานมากแล้วสำหรับผมที่ไม่สามารถจะติดต่อใครคนหนึ่งได้ แต่มาวันนี้ผมรู้แล้วว่ามันไม่ใช่ ในโลกที่ผมอยู่การไม่ได้ติดต่อกันเป็นเดือนๆ เป็นปีๆ มันไม่มีอยู่จริง แต่พ่อกับแม่ผมท่านได้รับสิ่งนั้นจากผม และในวันนี้ที่ผมกำลังยืนสบตาท่านทั้งสองอยู่นี้ ผมตัดสินใจทำมากกว่านั้น มากกว่าแค่สบตา ผมเดินเข้า

ไปกอดท่านทั้งสอง น้ำตาผมไหลพรากออกมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด นาทีนี้ถ้าผมยังคงอยู่หน้าจอ ผมเชื่อว่าสถานะในทุกๆบัญชีที่ผมมีมันน่าจะเป็นความรู้สึกเดียวกันทั้งหมด “พ่อกับแม่ครับ ผมคิดถึง”