วันจันทร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2554

มรกตอันดามันในวันฝนปรอย (จบ)

"ไหนๆก็มาแล้ว" ประโยคไม่กี่พยางค์นี้ทำให้เรามักจะเหนื่อยเพิ่ม เสียเงินเพิ่ม แต่บางครั้งก็ได้ประสบการณ์เพิ่มในแบบที่คาดไม่ถึงด้วยเช่นกัน และด้วยประโยคนี้ที่เราสองคนบอกแก่กัน มันทำให้ขณะนี้เราอยู่ในเส้นทางสู่สระมรกตซึ่งถ้านับจากที่พักของเรา ระยะการเดินทางไปถึงสระมรกตไม่ต่ำกว่า 50 กิโลเมตร แต่ก็เอาเถอะ ใครๆก็ว่าถ้าเราตัดสินใจไม่ไป มันดูเหมือนเราจะมาไม่ถึงกระบี่ เพราะฉะนั้นจะกี่กิโลเมตรก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป ขอเพียงแค่ใจเราต้องการ

ระหว่างเส้นทางที่ไปสู่เกาะมรกต เราพบเจอบ่อน้ำพุร้อนอยู่ 2 - 3 ที่ และเราเลือกที่จะเข้าไปเยี่ยมชมที่ที่ถูกที่สุด ซึ่งเมื่อเยี่ยมชมแล้วเสร็จ ผมก็คิดว่ามันน่าจะเป็นที่ที่สวยงามน้อยที่สุดด้วยเช่นกัน คำอธิบายง่ายๆก็คือมันบริหารโดยรัฐบาลไม่ใช่เอกชน และหลายๆสถานที่ในประเทศไทยก็เข้าข่ายนี้เช่นเดียวกัน ประเทศอื่นจะเป็นอย่างนี้หรือเปล่านะ ไม่อยากจะรู้เลยจริงๆ

หลังจากที่ผมเดินทางออกจากบ่อน้ำพุร้อนมาสักพักเราก็เริ่มสังเกตเห็นป้ายบอกทางสู่สระมรกต สาบานว่าผมเชื่อสนิทใจถึงระยะทางที่ป้ายบรรจงบอกแก่นักท่องเที่ยวไร้เดียงสาอย่างผม แต่ทุกครั้งที่เราขับรถเลยป้ายไปสักพัก ป้ายใหม่ที่เราพบกลับมีระยะทางไม่สัมพันธ์กับระยะทางที่เราขับผ่านมาสักนิด จาก 25 กิโลเมตร ผมขับเลยมาเพียง 2 - 3 กิโลเมตร ป้ายใหม่ก็แจ้งว่า "อีก 15 กิโลเมตร" ผมไม่เข้าใจจริงๆว่ามันเกิดขึ้นจากอะไร แต่ในช่วงเวลานั้นผมไม่รู้จริงๆว่าสระมรกตอยู่ไกลเพียงไหนกันแน่

ไม่ว่าจะอย่างไร ขณะนี้สระมรกตก็มาอยู่ตรงหน้าผมแล้ว ความสวยงามยังคงอยู่ในระดับน่าพอใจแต่สิ่งที่ผมรู้สึกกลับกลายเป็นว่า การที่โลกแคบลงด้วยการสื่อสารนานาชนิด มันทำให้ผมไม่ตื่นเต้นใดๆกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเลยเพราะผมเคยเห็นผ่านโทรทัศน์ เว็บไซต์ หรือสื่อต่างๆมาหลายต่อหลายหน ทั้งที่จริงๆนี่คือการมาเหยียบสระมรกตเป็นครั้งแรกของผม แต่ในขณะที่ผมไม่ตื่นเต้น กลับมีสิ่งมีชีวิตต่างเพศอีก 4 - 5 คน กำลังส่งเสียงตื่นเต้น และเมื่อผมหันหน้าไปมอง เด็กสาวเหล่านั้นต่างส่งยิ้มให้ผมและทักทายผมเป็นภาษาอังกฤษ "welcome to thailand" ในหัวใจผมขณะนั้น เสียงเพลง มาเลเซีย ของเป้ เสลอ ดังก้องขึ้นอีกครั้ง

ผมไม่แปลกใจอีกแล้วว่าทำไมการเดินทางมาครั้งนี้ของผมได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากสาวน้อย สาวใหญ่ ทั่วทั้งกระบี่ ทุกที่ที่ผมเดินทางไปมักจะได้รับรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ของแถม รวมทั้งการลดราคาต่างๆ มันคงเป็นเพราะหน้าตาของผม "เข้าทาง" กับพื้นที่นี้จริงๆ และอีกอย่างที่ผมได้ทราบจากตลาดที่นี่นอกเหนือไปจากเรื่องหน้าตาแล้วก็คือ ถึงแม้จะเคยได้ยินแต่ไก่ทอดหาดใหญ่และไม่เคยได้ยินชื่อไก่ทอดกระบี่ แต่ไก่ทอดของที่นี่ก็ไม่ธรรมดาจริงๆ ไม่ต้องมีน้ำจิ้ม แถมรับประทานร่วมกับขนมจีนแกงเขียวหวานก็อร่อยล้ำ ถ้าคุณไม่รังเกียจ มากระบี่เมื่อไรอย่าลืมลิ้มลองและถ้าไม่เป็นการโฆษณาจนเกินไป "โกจ้อย" คือร้านที่ผมไปพิสูจน์มาแล้วว่าไร้เทียมทานจริงๆ

ผมกำลังจะพบกับค่ำคืนสุดท้ายในกระบี่เสียแล้ว หมู่เกาะ ท้องทะเล หาดทรายและผู้คน ทุกอย่างสวยงามเหลือเกิน เกินที่จะตัดใจทิ้งที่นี่ไปง่ายๆ เมื่อได้มาสัมผัสด้วยตัวเอง ผมไม่แปลกใจว่าทำไมผู้คนมากมายจึงได้ข้ามน้ำข้ามทะเลมาที่นี่ และจนกระทั่งในวันนี้ วันสุดท้ายที่ผมจะใช้เวลากับกระบี่ พระอาทิตย์ตกก็ยังคงสวยงามไม่ต่างจากเดิม ดาวบนฟ้ายังคงส่องแสงระยิบระยับไม่น้อยลงแต่อย่างใด ดวงจันทร์เหลืองอร่ามก็ยังคงทำหน้าที่ นั่นหมายถึงว่าทุกสิ่งจะยังคงเหมือนเดิม ต่างเพียงแต่ว่าเมื่อไร เราจะพาตัวเองมายืนอยู่ตรงนี้ได้อีก เพราะเราเองเป็นเพียงอย่างเดียวที่เปลี่ยนแปลงและยังคงเปลี่ยนแปลงไปอยู่ตลอดเวลา