วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2554

รวมเรื่องสั้น 1.เราทุกคนต่างมีทะเลเป็นของตัวเอง

เราทุกคนต่างมีทะเลเป็นของตัวเอง

"เราทุกคนต่างมีทะเลเป็นของตัวเอง” คุณเชื่อผมไหม

บอยไม่ใช่เจ้าสัวที่สามารถจะใช้เงินจับจองทะเลทั้งผืนมาเป็นของตัวเขาเองได้ และเช่นกันเด็กหนุ่มที่กำลังใช้ชีวิตอยู่ในช่วงวัยรุ่นตอนปลายคนนี้ก็ไม่ใช่ไฮโซที่จะเนรมิตทะเลขึ้นมาที่สวนหลังบ้านของเขาได้ แต่วันหนึ่งถ้าคุณมีโอกาสไปทะเลด้วยกันกับเขา คุณอาจจะเบื่อที่นายบอยเขานั่งๆนอนๆมองทะเลทั้งวัน "มาทะเลทำไมถ้าไม่เล่นน้ำทะเล" นั่นเป็นตัวอย่างประโยคที่มันอาจจะออกมาจากคุณด้วยความเบื่อหน่าย แต่ถ้าบอยนั่งมองทะเลคนเดียวได้ คุณเองก็ควรจะเล่นน้ำทะเลคนเดียวได้มิใช่หรือ "ก็ในเมื่อนั่นมันคือทะเลของคุณ ทะเลซึ่งมีไว้สำหรับลงเล่นน้ำ" บอยคงจะตอบคุณแบบนั้น แต่คำตอบนั้นคงจะออกมาจากสายตาไม่ได้ออกมาเป็นก้อนคำพูดแต่อย่างใด เพราะบอยไม่ใช่คนที่จะพูดอะไรกับใครแบบนั้น

ใครบางคนชอบปีนเขา แต่จะมีความสุขที่สุดถ้าระหว่างปีนนั้นหันหน้ามองออกมาแล้วเห็นทะเลกว้างใหญ่ ใครบางคนชอบนอนให้คนอื่นนวดตัว แต่จะสุขเป็นสองเท่าถ้าระหว่างที่นอนคว่ำนั้นเงยหน้ามองไปแล้วเห็นผืนน้ำเค็มกว้างใหญ่อยู่ตรงหน้า บางคนชอบกินไก่ย่างส้มตำ ซึ่งในความเป็นจริงน่าจะเป็นอาหารอีสาน และอย่างที่ทุกคนรู้ ภาคอีสานไม่มีทะเล แต่ก็อย่างที่พวกคุณก็รู้เช่นกัน ทะเลทุกที่มีส้มตำไก่ย่าง และพวกคุณบางคนก็ชอบกินส้มตำริมทะเล ส่วนบอยเขาไม่ชอบปีนเขา ไม่ชอบนอนให้ใครนวดตัว ไก่ย่างส้มตำนั้นอาจจะมีบ้างแต่ไม่ควรถูกจัดอยู่ในประเภทของอาหารที่เขาโปรดปราน นอกจากที่กล่าวไป ยังมีทะเลในอีกหลากหลายรูปแบบที่ผู้คนต่างหลงใหล จะเป็น ดำน้ำ ถ่ายรูป กินเหล้า เมารัก อะไรก็แล้วแต่ล้วนใช้ทะเลเป็นส่วนผสมได้แทบทั้งนั้น แต่นั่นก็ไม่ใช่ทะเลของบอยอีกตามเคย สิ่งที่เขาทำมีเพียงหนังสือดีๆสักเล่ม และนั่งละเลียดมันริมชายหาดรวมถึงแบ่งเวลาฟังเสียงคลื่นและมองออกไปไกลที่เส้นขอบฟ้า เส้นขอบที่ถือวิสาสะแบ่งฟ้าและทะเลออกจากกันโดยไม่รู้ว่าได้รับอนุญาตจากใครหน้าไหนกันแน่

ถ้าเปรียบชีวิตเป็นอาหารมื้อใหญ่ ทะเลก็ไม่ต่างจากผงชูรสหรือน้ำปลาพริก ที่ช่วยเติมรสชาติให้กับชีวิต
ผิดกันแต่ว่าใครก็รู้ว่าผงชูรสนั้น ถ้าร่างกายได้รับมาเยอะจนเกินไปมันอาจจะส่งผลเสียมากกว่าผลดี และอีกทางถ้าเป็นน้ำปลาพริกตักราดมากไปอาจจะเผ็ดหรือเค็มจนทนกินต่อไม่ได้ แต่ถ้าเป็นทะเล มันไม่มีผลเสียต่อร่างกายแต่อย่างใด และถึงแม้จะเค็ม แต่บอยก็ไม่เคยลังเลที่จะละเลงมันลงบนจานอาหารแห่งชีวิตของเขาเลยสักครั้ง

และด้วยความที่เขาไม่เคยลังเล นั่นเป็นสาเหตุที่บอยต้องมาที่คลินิกจิตเวชแห่งนี้ เขามาหาจิตแพทย์เพราะคิดว่าตัวเองเป็นโรคทางจิตบางอย่าง “โรคติดทะเล” จริงๆมันอาจจะมีชื่อทางการแพทย์ที่ดูดีกว่านี้แต่เขาก็ไม่รู้จัก เขาคิดว่าเขาเสพติดมันเหมือนผู้คนมากมายเสพย์ยาเสพติด เขากลัวว่าวันนึงมันจะเป็นอันตรายต่อร่างกาย ไม่สิ น่าจะเป็นจิตใจต่างหาก เขาตอบไม่ได้ว่าเขาคิดไปเองหรือไม่ แต่เขาเริ่มรู้สึกว่าขาดมันไม่ได้ เขาขาดทะเลไม่ได้ ไม่ได้จริงๆ

“เล่าอาการของคุณให้หมอฟังหน่อยสิ” คุณหมอมองเขาผ่านเลนส์ เลนส์ที่ทำหน้าที่วินิจฉัยผู้คนมานับร้อยนับพัน อะไรกันนะที่ทำให้เขามีความสุขกับวิชาชีพที่จะคอยตัดสิน ว่าคนไหนบ้า คนไหนดี
“ผมชอบไปทะเล” บอยตอบสั้นๆ พร้อมทั้งมองตาหมอ แววตาของบอยในตอนนี้ ถ้าคุณได้เห็น คุณอาจจะเชื่อในทันทีว่าเขากำลังเป็นโรคจิตแล้วจริงๆ
“ขยายความหน่อยสิครับ ขอรายละเอียดเพิ่มเติมหน่อย ชอบอย่างไร ชอบไปทำอะไร”
“ผมทำงานที่ค่อนข้างจะใช้ความคิด ในช่วงเลิกงานบางครั้งหรือเรียกได้ว่าส่วนใหญ่ ผมไม่สามารถตัดก้อนความคิดเรื่องงานที่วนเวียนอยู่ในหัวผมออกไปได้ บางครั้งเสาร์อาทิตย์ที่ต้องเอางานกลับมาทำบ้าน สมองผมยิ่งถูกใช้งานหนักไปกันใหญ่ และทะเลเป็นที่เดียวที่จะทำให้ผมลืม ลืมทุกอย่าง” บอยพรั่งพรูหลายสิ่งหลายอย่างออกมาด้วยแววตาที่ยังคงนิ่งและไม่สบตาหมอ เขาไม่ค่อยได้เล่าอะไรให้ใครฟัง จนบางครั้งคนภายนอกมองว่าเขาเก็บกด บางทีเขาเองก็ไม่เข้าใจว่าคนสมัยนี้จะยินดีอะไรกันหนักหนาในการเปิดเผยทุกอย่างของตัวเองให้ทุกคนรู้ ไม่รู้สิ นั่นไม่ใช่เขาแน่ๆ
“คุณมีแฟนไหม” คุณหมอถามคำถามที่ดูจะนอกเรื่องไปสักนิด
บอยยังคงทำหน้านิ่งและมองไปที่หน้าต่าง ด้านนอกของคลินิกมีผู้คนมากมายเดินสวนกันไปมา คลินิกนี้ตั้งอยู่ชานเมืองนนทบุรี แต่ด้วยความที่ถัดจากคลินิกไปไม่ถึง 500 เมตร มีตลาดขนาดใหญ่วางตัวอยู่ที่นั่น เหตุนี้จึงทำให้ผู้คนมากมายเดินผ่านหน้าคลินิก บอยเฝ้าแต่สงสัย ท่ามกลางผู้คนมากมาย มีเพียงเขาหรือที่เป็นโรคบ้าๆนี้ เขาใช้เวลาเหม่อมองปล่อยให้สมองลอยออกไปนอกหน้าต่างอยู่สักพัก บางอย่างก็ออกมาจากปากของเขา และสิ่งเหล่านั้นส่งตรงมาจากจิตใจโดยไม่มีอะไรกรอง
“ผมเคยมี”
“ถ้าไม่รังเกียจ เล่าให้ผมฟังบ้างสิ”
ใครจะไปรังเกียจคุณกันเล่า ผมเป็นคนมาหาคุณเองนี่ บอยคิดและส่งข้อความนี้ออกไปทางแววตา และจึงเริ่มเล่าบางสิ่งที่คุณหมออยากรู้ “เธอชื่อน้ำ เราคบกันตั้งแต่ผมเริ่มทำงานใหม่ๆ เธอเป็นเด็กสาวช่างฝัน แววตาของเธอเติมพลังชีวิตให้ผมตลอดมา เราคบกันด้วยความบริสุทธิ์ใจ ผมไม่เคยทะเลาะกับเธอเลยก็ว่าได้ แต่
วันนึงเรื่องราวที่ดีๆ มันก็เปลี่ยนไป”
“ทำไม” หมอถามขึ้นเมื่อเห็นเขาเว้นวรรค
เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนที่จะเล่าต่อ นี่อาจจะเป็นช่วงเวลาที่น่าสนใจสำหรับตัวเขาเอง เพราะบอยไม่เคยเล่าหรือแม้แต่นึกถึงเรื่องนี้อีกเลยตั้งแต่เรื่องราวมันจบลง
“ตลอดเวลาที่คบกัน เธอมักชวนผมไปเที่ยวทะเลเสมอๆ แต่ผมก็ไม่ค่อยว่างที่จะพาเธอไป เราเริ่มมีความเห็นไม่ตรงกันในเรื่องนี้ ผมอยากที่จะใช้เวลากับการทำงาน แต่เธออยากให้ผมพาเธอไปเที่ยว” บอยหยุดเล่า พร้อมทั้งถอนหายใจอีกครั้ง และหันหน้ามาสบตาหมอ นาทีนี้เขาเริ่มรู้สึกครึ่งๆกลางๆ เขารู้สึกแปลกแยกกับตัวเองที่จะต้องมาเล่าเรื่องราวส่วนตัวบางอย่างให้คนอื่นฟัง ถึงแม้จะเป็นคนที่เขาตั้งใจจะมาหาเองก็ตาม
“แล้วสุดท้ายได้ไปเที่ยวกันหรือเปล่า” คุณหมอถามต่อไป เขารู้ว่าเรื่องราวกำลังจะเข้าสู่จุดที่สำคัญเกี่ยวกับอาการเสพติดทะเลของบอย
“ไป เราตัดสินใจไปทะเลด้วยกัน เธอชวนผมไปหัวหินแต่ผมเลือกที่จะขับรถเลยไปปราณบุรี ชายหาดที่นั่นเงียบและเหมาะกับผมมากกว่า” บอยหยุดพักอีกครั้ง เขาเริ่มสบตาหมอบ่อยขึ้น เขาสัมผัสอะไรบางอย่างในแววตาหมอได้ แววตาที่มีอะไรบางอย่างเหมือนตัวเขาเอง
“ผมเคยไปที่นั่น และมันน่าจะเหมาะกับคุณ เท่าที่ผมสังเกต” หมอแสดงความเห็นถึงปราณบุรี และมันก็ได้รับผลตอบรับเป็นการ พยักหน้าน้อยๆจากบอย
“นั่นคือการไปทะเลครั้งแรกและครั้งเดียวของเราสองคน” บอยก้มหน้าลงพร้อมทั้งพูดประโยคสั้นๆที่ดูราวกับว่ามันใช้เวลาออกเสียงยาวนานชั่วชีวิต

“บอย ลงมาเล่นน้ำด้วยกันสิ น้ำเย็นดีออก แดดก็ไม่ร้อนมากนะ มาสนุกกันเร็ว” เม็ดแสงอาทิตย์ที่สะท้อนกับส่วนปลายสุดของคลื่นทำให้เด็กสาวที่เต็มไปด้วยความสดใสอยู่แล้วยิ่งเปล่งประกายสดใสมากยิ่งขึ้น แสงแดดและพราวน้ำทะเลที่ติดตัวเธอทำให้เธอดูน่าหลงใหลขึ้นมาอย่างง่ายดายทั้งที่เครื่องแต่งกายไม่ใช่บิกินี่สองชิ้นอย่างที่หนุ่มๆมากมายหลงใหล แต่ความสดใสนั้นช่วยอะไรน้ำไม่ได้เลย เธอไม่สามารถเปลี่ยนใจบอยให้ลุกจากเก้าอี้ผ้าใบริมชายหาดตัวนั้นได้ บางคราเธอสงสัย บอยกับเก้าอี้มีอะไรยึดติดกันอยู่หรือเปล่า
“ไม่เอาหรอก เล่นน้ำเถอะ เดี๋ยวผมอ่านหนังสือรออยู่ตรงนี้” บอยส่งยิ้มให้กับน้ำพร้อมทั้งตอบคำถามของเธอด้วยคำตอบเดิมโดยไม่ต้องคิดทบทวน เพราะไม่ว่าน้ำจะถามหรือชวนบอยทำอะไร บอยก็ไม่เคยจะตอบอะไรมากไปกว่านี้
“บอยไม่รักน้ำเหรอ น้ำชวนบอยทำอะไรบอยก็ไม่ทำ แล้วอย่างนี้เราจะมาทะเลกันทำไม” น้ำเริ่มไม่สามารถที่จะคุมสีหน้าให้ออกมาปกติได้อีกต่อไปแล้ว แววตาเธอบอกชัดเจนว่าขณะนี้ เรื่องราวของเธอและบอยกำลังมาถึงจุดเปลี่ยน

“แล้วคุณรักเธอไหม” คุณหมอถามขึ้นมาอีกครั้งหลังจากพอจะเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้น
“หมอคิดว่าการที่ผมพาเธอไปทะเลไม่ใช่เพราะผมรักเธอหรือ” บอยมองหน้าหมอด้วยแววตาขอความเห็นแกมบังคับ เขาคิดว่าการที่พาเธอไปเที่ยวทะเลเป็นวิธีแสดงออกของเขาถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่ทะเลที่เธออยากไปก็ตาม
“คุณอาจจะรักเธอ คุณบอย แต่มันไม่มากไปกว่าที่คุณรักตัวเอง” หมอพยักหน้าหลังจากพูดจบพลางมองตรงมาที่บอย แต่ไม่ทันได้สบตา บอยก็หันหน้าหนีไปมองนอกหน้าต่างอีกครั้ง เด็กหญิงตัวน้อยๆจูงมือแม่ซึ่งถือตะกร้าสานจากพลาสติกและพากันเดินไปตลาดเป็นภาพที่ทำให้บอยรู้สึกดีขึ้น
“แล้วหมอไม่อยากรู้เหรอ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น”

“ผมรักคุณไงน้ำ ผมรักคุณถึงได้พาคุณมาเที่ยวทะเล” บอยพยายามอธิบาย สีหน้าเขาเคร่งเครียดอย่างที่ไม่มีใครเคยเห็น
“แต่น้ำไม่ได้อยากมาที่นี่ น้ำอยากไปหัวหิน” น้ำพยายามชี้แจงความต้องการให้บอยเข้าใจ เช่นเดียวกัน สีหน้าของเธอเคร่งเครียดเป็นทวีคูณ
“ทะเลที่ไหนก็เหมือนกัน จะหัวหิน จะชะอำ จะปราณบุรี มันก็ไม่ต่างกันหรอกน่า” บอยยังคงพยายาม
“ก็ถ้ามันเหมือนกันแล้วทำไมไม่ไปหัวหิน บอยอย่ามาพูดดีกว่า บอยไม่เคยสนใจน้ำหรอก กว่าจะมาเที่ยวกันได้ ชวนตั้งไม่รู้กี่เที่ยว พอมาก็พามาที่เงียบๆ ชวนทำอะไรก็ไม่ทำ ถ้าอย่างนี้น้ำมาคนเดียวมันจะต่างอะไรกัน มาด้วยกันทั้งที แทนที่จะมาสนุกด้วยกัน วันๆก็เอาแต่นั่งเฉยๆ ทะเลมันมีอะไรให้มองมากนักหรือไงก็ไม่รู้” น้ำระบายออกมาอย่างพรั่งพรู และมันทำให้บอยเข้าใจและตกผลึกอะไรบางอย่าง
“ผมคงจะทำให้น้ำมีความสุขมากกว่านี้ไม่ได้แล้วล่ะ ทะเลของผมมีเพียงเท่านี้ ผมไม่สามารถทำกิจกรรมอื่นๆกับมันได้อีกแล้ว ผมเคยมาทะเลคนเดียวหลายต่อหลายครั้ง นี่เป็นครั้งแรกที่ผมมากับคนอื่น ผมรู้อยู่แล้วว่าเรื่องราวแบบนี้มันจะเกิดขึ้น ผมจึงไม่พาคุณมา ผมไม่อยากเสียคุณไป น้ำ ผมเสียใจ ผมไม่สามารถทำอะไรได้ดีกว่านี้แล้วจริงๆ” น้ำตาของบอยค่อยๆไหลออกมาจากดวงตาที่แดงกล่ำ บอยเสียใจที่ไม่สามารถรักษาความรักไว้ได้ และมันไม่ได้เกิดขึ้นจากสิ่งอื่น มันเกิดขึ้นจากตัวตนของเขา และที่สำคัญ ทะเลของเขา
“ถ้าอย่างนั้นบอยก็อยู่กับทะเลไปละกัน ทะเลที่บอยรักนักรักหนา ทะเลที่เป็นแบบของบอย แต่มันจะไม่มีน้ำอยู่ในนั้นอีกแล้ว” น้ำยืนคำขาด คำเพียงสั้นๆที่คมพอที่จะตัดสายสัมพันธ์ระหว่างเธอกับบอย
“น้ำอย่าเกลียดทะเลนะ มันไม่มีส่วนอะไรที่ทำให้เราต้องยุติความสัมพันธ์ มันเป็นเพียงแค่เรามีทะเลคนละผืน” บอยยังคงปกป้องทะเลของเขาจนนาทีสุดท้าย

“หลังจากนั้นคุณก็เลิกกัน” คุณหมอพยายามเดาเรื่องราว
“อืม” บอยส่งเสียงออกมาเพียงเล็กน้อย แววตาเขาเหม่อลอย บอยมองข้ามไหล่ของจิตแพทย์ไปที่โต๊ะทำงานของเขา ห้องทำงานของเขาค่อนข้างโปร่งและมีเฟอร์นิเจอร์อยู่น้อยชิ้น บนตู้สีน้ำตาลที่เขาเอาไว้เก็บเอกสารมีรูปคู่ของเขากับผู้หญิงคนนึงอยู่ บอยเพ่งมองไปที่กรอบรูปบนหลังตู้นั้น ถึงแม้วันเวลาจะทำให้เธอเปลี่ยนไปบ้างแต่บอยก็ยังจำได้ว่าผู้หญิงในรูปเป็นคนที่บอยรู้จักดี และฉากหลังในรูปใบนั้น มันคือทะเล
หมอหนุ่มหันหน้าไปตามสายตาของบอย เขายิ้มเมื่อเห็นสายตาของบอยจับจ้องอยู่ที่รูปนั้น
“คุณอยากรู้เรื่องราวของเธอหลังจากวันนั้นไหม ผมจะเล่าให้ฟัง” คุณหมอเอ่ยปากโดยที่ไม่ได้หันหน้ากลับมาจากรูปบนตู้ใบนั้น


ชายหาดที่นี่สวยกว่าที่เขาคิดไว้ เขาเพิ่งเคยมาหัวหินครั้งแรก และเนื่องจากชายหาดสาธารณะเป็นพื้นที่ส่วนน้อยของหัวหิน บอยจึงเลือกที่จะจองรีสอร์ทที่มีชายหาดส่วนตัวเพื่อที่เขาจะใช้เวลากับมันได้อย่างสันโดษ รอบนี้เขาเลือก “เราทุกคนต่างมีทะเลเป็นของตัวเอง” ติดมือมาอ่านที่หัวหิน นักเขียนหนุ่มคนนี้หลงใหลทะเลเช่นเดียวกับเขา นั่นทำให้เขารู้สึกถูกชะตากับหนังสือเล่มนี้อย่างบอกไม่ถูก ดวงอาทิตย์วงกลมโตยังคงส่องแสงสะท้อนกับปลายคลื่น ทะเลผืนงามยังคงเป็นเหมือนผืนกระดาษที่รองรับการแต่งแต้มสีสันจากศิลปินระดับโลก หลังจากกลับไปหาจิตแพทย์คราวนั้น บอยกลับยิ่งมาทะเลบ่อยกว่าเดิม เขาไม่คิดว่ามันจะเป็นอันตรายใดๆกับร่างกายและจิตใจของเขาอีกแล้ว ถ้าใครจะเถียง ใครคิดว่าการได้รับทะเลเข้าสู่ร่างกายมากเกินไปจะเป็นผลเสีย คุณไม่ต้องมาถกเถียงกับบอย บอยยินดีให้คุณใช้ทะเลในแบบที่คุณต้องการและในปริมาณที่คุณคิดว่าเหมาะสม เพราะไม่ว่าจะยังไง ทั้งคุณและบอยต่างก็มีทะเลเป็นของตัวเองกันทุกคนอยู่แล้ว หรือถ้าคุณยังไม่มี ลองเข้ามาคุยกันดูก่อน เผื่อบอยจะให้คุณยืมทะเลของเขา หวงหรือ ไม่หรอก เพราะวันหนึ่งคุณก็จะต้องมีทะเลเป็นของตัวเอง เชื่อผมสิ

“บอย ลงมาเล่นน้ำด้วยกันสิ น้ำเย็นดีออก แดดก็ไม่ร้อนมากนะ มาสนุกกันเร็ว” เสียงเรียกจากท้องทะเลปลุกบอยขึ้นจากภวังค์
.
.
.
.
.


“เดี๋ยวอ่านเรื่องนี้จบจะตามไปเล่นด้วยนะ รอผมก่อนนะ” บอยตะโกนตอบพลางอมยิ้มให้กับตัวเอง