วันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

มรกตอันดามันในวันฝนปรอย

หลังจากเปลี่ยนใจอยู่ 2 - 3 ครั้งเมื่อเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่นั่น สุดท้ายผมก็ตัดสินใจเชื่อกรมอุตุนิยมวิทยาและข้อมูลบางส่วนจากทางที่พักที่จองไว้ว่าเราสามารถไปเยือนที่นั่นได้ หลังจากขจัดความกลัวเล็กๆในจิตใจออกไปได้สำเร็จ เสียงเพลงเปิดตัวของทริปนี้ก็เริ่มบรรเลงขึ้นและผมเชื่อว่ามันจะยังคงดังอยู่อย่างนั้นจนกว่าทริปนี้จะจบสิ้นลง

ในขณะที่เราจะต้องออกเดินทางจากสุวรรณภูมิไปเยือนจังหวัดกระบี่ในช่วงสายๆ แต่ค่ำคืนก่อนออกเดินทางนั้นผมยังคงต้องทำงานตั้งแต่ห้าทุ่มจนกระทั่งเจ็ดโมงเช้า เพราะไม่สามารถหาใครมาแทนได้ในช่วงเวลานั้น และด้วยความที่ต้องทำงานทั้งคืน นอกจากความง่วงเหงาแล้ว ความหิวก็ยังเป็นอีกหนึ่งศัตรูที่เข้าจู่โจมผมในช่วงใกล้รุ่ง อย่างที่รู้กันว่าบางครั้งมนุษย์เราก็ไม่ได้ตัดสินใจถูกไปเสียทุกครั้ง เช่นกันในคราวนี้ นมรสช็อคโกแลตคือความผิดพลาดที่ส่งผลไปจนถึงช่วงเช้าของวันใหม่ การนั่งคุยกับชักโครกอยู่ตลอดเวลาไม่ใช่เรื่องน่ายินดีเอาเสียเลย พวกคุณคิดว่าอย่างนั้นไหม

ด้วยการอดนอนและพิษร้ายจากนมช็อคโกแลตทำให้การเดินทางสู่สนามบินนานาชาติของผมไม่ค่อยสดใสเท่าไร แต่ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่ส่งผลอะไรบางอย่างกับจิตใจของโชเฟอร์แท็กซี่คนนั้น มันทำให้เขาตัดสินใจทำตามสัญชาติญาณของเขาโดยไม่ปริปากถามอะไรผมสักนิด "ถึงแล้วครับ" โชเฟอร์หนุ่มพูดพลางส่งยิ้มให้ผม ผมส่งยิ้มกลับไปอย่างมิตรไมตรี พร้อมทั้งเอ่ยอะไรบางอย่างกลับไป "พี่ครับ ผมบินกับ low cost ครับ พี่พาผมมาจอดตรง TG ทำไม ผมเข้าใจว่าหน้าตาอย่างผมควรจะบินกับสายการบินระดับนี้ แต่ว่าบางครั้งทุกอย่างมันไม่ได้เป็นอย่างที่ตาเราเห็นนะครับ ...." ผมพูดบางอย่างในประโยคนี้ออกไป แต่บางส่วนผมทำได้แค่คิดในใจ ..

ถึงแม้ว่าจะเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังคงทำให้ผมผิดหวังด้วยการทิ้งครีมกันแดดของผมไป ด้วยเหตุผลว่าปริมาณสุทธิที่หน้ากระปุกมันเกินกว่าที่กำหนดไว้ ผมพยายามช่วยกันกับคนรักสอบถามว่าทำไมไม่ชั่งน้ำหนัก เพราะครีมในกระปุกมันเหลืออยู่แค่ 1 ใน 3 ยังไงน้ำหนักก็คงไม่เกินแน่ๆ แต่สุดท้ายคำตอบที่ให้เราได้ก็มีแค่ว่า "มันเป็นกฏครับ" ผมคิดในใจ เอาก็เอาวะ เค้าคงกลัวเราจะเอามันไปทำระเบิดแล้วปล้นเครื่องบิน เพื่อความสบายใจของเจ้าหน้าที่เราก็ยอมทำตามกฏ และแล้วเมื่อผ่านด่านการตรวจนั้นมาได้ เราก็มาเดินหาซื้อระเบิดกันตามอำเภอใจใน king power duty free นี่ล่ะหนา กฏก็ต้องเป็นกฏ ผมยืนหัวเราะให้กับข้อบังคับเหล่านี้และรอเวลาที่คนรักจะซื้อระเบิดเสร็จสิ้น

พิษร้ายจากนมช็อกโกแลตยังคงส่งผลจนกระทั่งไม่กี่นาทีจะขึ้นเครื่อง แต่บางครั้งวิกฤตก็กลายเป็นโอกาส การได้นั่งปลดทุกข์เคียงข้างกับฝรั่งต่างสัญชาติเป็นอีกนั่งประสบการณ์ที่ไม่เคยพบเจอ แต่สุดท้ายผมก็ได้รู้แจ้งว่าสำเนียงผายลมเปื้อนชีส เปื้อนเนย ก็ไม่ได้น่าฟังไปกว่าท่วงทำนองปลดทุกข์ของพวกเราหัวดำสักเท่าไรเลยจริงๆ

และแล้วเจ้าเครื่องบินสีแดงก็พาเรามาถึงสนามบินกระบี่โดยสวัสดิภาพ บรรยากาศอาจจะเสียไปนิดหน่อยเนื่องจากยังคงมีฝนตกประปรายในพื้นที่นั้น แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้แรงบันดาลใจในการเที่ยวของพวกเราหายไปอย่างใด เมื่อลงจากเครื่องบินผมติดต่อเข้าไปทางที่พักเพื่อสอบถามถึงเรื่องของรถที่จะไปส่งเราที่โรงแรม ซึ่งทางโรงแรมก็แจ้งว่าสักพักรถก็จะมาถึงที่สนามบินและให้เราไปรอทางด้านหน้าสนามบินได้เลย หลังจากวางสายไม่นาน เราก็ได้พบกับชายผิวคล้ำกรำแดดคนหนึ่ง ชูป้ายชื่อผมอยู่ สาบาน วินาทีนั้นผมคิดว่าผมเป็นพวกตาน้ำข้าวที่กำลังมาเยือนเมืองไทย

ในระหว่างที่นั่งรถจากสนามบินไปสู่ที่พักนั้น ทางคนขับก็ได้พาพวกเราผ่านหาดทรายขาวยาวสุดลูกหูลูกตาและได้แนะนำกับเราว่าบริเวณนี้มีชื่อเรียกว่า "อ่าวพระนาง" ซึ่งสิ่งทีแปลกตาแปลกใจและผมไม่คุ้นเคยก็คือ ถ้าเราข้ามถนนจากฝั่งชายหาดมาอีกฝากถนนหนึ่งนั้น ร้านค้าเล็กใหญ่ มีแบรนด์และไม่มีแบรนด์ ต่างปักหลักเรียกลูกค้าทั้งไทยและเทศจนผมแทบจะรู้สึกว่ามันคือส่วนหนึ่งของห้างสรรพสินค้ากลางเมืองใหญ่ หาใช่ตลาดริมชายหาดธรรมดาๆ อีกสิ่งที่แตกต่างของอ่าวพระนางก็คือ ที่นี่ไม่มีผับ เธค หรือธุรกิจประเภทนั้นอยู่เลย สอบถามจากโชเฟอร์ได้คำตอบว่าพื้นที่แถวนี้ส่วนใหญ่เป็นของคนมุสลิมซึ่งอาจจะทำธุรกิจเองหรือให้เช่าพื้นที่ทำธุรกิจ และด้วยข้อกำหนดทางศาสนาบางอย่างซึ่งทางมุสลิมในพื้นที่ให้ความเคารพและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดจึงทำให้ไม่มีธุรกิจประเภทนั้นที่อ่าวแห่งนี้ แต่จากที่ผมเข้าใจ และไม่น่าจะเข้าใจผิด ศาสนาพุทธของเราก็มีศีลห้าที่เป็นหลักบังคับขั้นต้นอยุ่ และ
1 ใน 5 นั้น ก็มีการห้ามดื่มสุราอยู่ด้วยเช่นกัน แต่อย่างที่เราเข้าใจกัน แค่ห้ามใจไม่ให้ดื่มในวันพระ ถ้าทำสำเร็จ ก็น่าจะเรียกได้ว่าเป็นคนพุทธที่น่ายกย่องในระดับหนึ่งแล้วจริงๆ

หลังจากได้เห็นอ่าวพระนางก่อนที่จะมาถึงที่พัก มันทำให้เราตัดสินใจว่าหลังจากนำกระเป๋าไปเก็บที่ที่พักแล้ว เราจะออกมาเดินทักทายกับร้านรวงริมทะเลเหล่านี้สักหน่อยแต่มันอาจจะมีอุปสรรคอยู่บ้างตรงที่ท้องฟ้ายังไม่ค่อยเป็นใจให้เราสักเท่าไร เพียงแต่ว่าบางครั้ง การเตรียมใจไว้ก่อนก็เป็นการป้องกันความผิดหวังได้ดีในระดับนึงทีเดียว

หลังจากเดินลุยฝนปรอยๆอยู่สักพักก็เริ่มมีเหตุการณ์อื่นๆดึงความสนใจผมไปจากเม็ดฝนน้อยๆที่คอยทิ่มตำเราสองคนอยู่ มันแปลกจนน่าสังเกตว่าทำไมพนักงานหน้าร้านหลายๆคน จนกระทั่งแม่ค้าในร้าน หรือกระทั่งเด็กคิดเงินใน supermarket ก็มักจะใช้ภาษาอังกฤษในการสนทนาพาทีกับผม ทั้งๆที่เขาเองก็เป็นคนไทยแท้ๆและไม่มีเค้าโครงว่าจะเป็นลูกครึ่งแต่อย่างใด แวบหนึ่งในใจ ผมคิดว่าคงเป็นเพราะผมหน้าเหมือนคนทางยุโรปใต้ แถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน จำพวก อิตาลี สเปน โปรตุเกส อะไรพวกนั้น ผมเดินยิ้มกริ่มอยู่กับความคิดนั้นพร้อมทั้ง speak english อย่างเพลิดเพลินใจ ช่วงเวลาสั้นๆนั้นทำให้ผมมีความสุขราวกับอยู่บนสรวงสวรรค์ และผมคิดว่ามันจะยาวนานไปอีก เมื่อได้ยินเด็กหน้าร้านเชิญผมเข้าร้านด้วยภาษาอังกฤษอีกครั้ง แต่แล้วสวรรค์ของผมก็ล่มลงตรงหน้าด้วยประโยคที่กินเวลาในการเปล่งเสียงแค่ไม่กี่วินาที แต่ทำร้ายหัวใจของผมจนไม่สามารถลืมมันลงได้เลยสักครั้ง "เขาเป็นคนไทย ไม่ใช่มาเลเซีย เรียกภาษาไทยก็ได้"

จากคำพูดนั้นผมก็ได้รู้ว่า สวรรค์ที่ผมอยู่นั้น ในวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ มีคนมาเลเซียมาเที่ยวค่อนข้างมาก และมันก็ยากทีเดียวในการจะแยกคนไทยกับคนมาเลยเซีย "อ้าวแล้ว อิตาลี สเปน อะไรแบบนี้ไม่มาเที่ยวกันเหรอวะ" ผมคิดในใจ ถอนหายใจพร้อมกับเฝ้ามองสวรรค์ที่ถูกทำลายลงตรงหน้าอย่างไม่มีความปราณี ด้วยคำสั้นๆที่พี่เป้ เสลอ เลือกมาเป็นชื่อเพลง.. "มาเลเซีย"

ผมพกพาความผิดหวังเรื่องเชื้อชาติกลับมาที่รีสอร์ทอย่างเศร้าสร้อย เหลือบมองนาฬิกาข้อมือเพื่อดูว่ายังจะสามารถทำอะไรที่จะทำให้จิตใจชุ่มชื้นขึ้นมาได้บ้าง สุดท้ายก็ตัดสินใจใช้ package ที่ซื้อมาพร้อมกับห้องพักในเย็นวันแรกนี้เลย เพื่อคลายความเศร้าที่พกมาจากอ่าวพระนางแห่งนั้น package ที่ว่านั้นคือ การนวดน้ำมันหรือเรียกแบบดูดีว่านวดอโรม่า (มันเหมือนกันหรือเปล่านะ)

"เข้าไปเปลี่ยนชุดเลยครับ" สิ่งมีชีวิตเพศผู้ที่มีหัวใจหลงใหลเพศเดียวกัน เชิญเราสองคนเข้าไปในห้องสปาที่มีไฟสลัวๆพร้อมทั้งยื่นชุดคลุมซึ่งดูไปก็เหมือนชุดคลุมอาบน้ำตามโรงแรมทั่วไปนั่นเอง ในสมองผมตอนนั้นสงสัยเหลือเกินว่า จะให้เราเปลี่ยนชุดอะไรเพราะไม่เห็นให้ชุดอะไรมา เมื่อความสงสัยเกิดขึ้นผมจึงพยายามที่จะหาคำตอบด้วยการเปิดตู้เสื้อผ้าในห้องออกเพื่อดูว่าอะไรคือสิ่งที่ผมสมควรจะสวมใส่ และตู้เสื้อผ้าอันแสนจะว่างเปล่าราวกับท้องฟ้าในคืนไร้ดาวนั้นคือคำตอบที่ชัดเจนกว่าสิ่งใด "ใส่กางเกงในตัวเดียวครับ" สิ่งมีชีวิตเดิมตอกย้ำกับผมอีกครั้ง

เราสองคนนอนคว่ำหน้าโดยมีเพียงอาภรณ์ชิ้นเดียวอยู่บนร่างกายพร้อมทั้งผ้าบางๆคลุมร่างกายไว้ หมอนวดเดินเข้ามาในห้องทั้งสองคนและทำท่าทางพร้อมที่จะลงมือคลายกล้ามเนื้อให้กับเราทั้งสองคนแล้ว หนึ่งหมอนวดนั้นคือหญิงวัยกลางคน อีกหนึ่งนั้นคือหนุ่มวัยกลางคนผู้ตัดสินใจเลือกเพศของตัวเองให้ตรงข้ามกับอวัยวะในร่างกาย และอย่างไม่คาดคิด เขาคนนั้นเลือกจู่โจมมาที่ร่างกายของผมแทนที่จะปล่อยให้หญิงวัยกลางคนเป็นผู้ดูแล หลังจากนั้นทุกสิ่งทุกอย่างรู้กันเพียงเราสองคน

หลังจากปล่อยให้ร่างกายทุกส่วนถูกลูบคลำไปได้สักพัก ผลจากการอดนอนและถ่ายท้องในคืนก่อนก็ทำให้ผมไม่สามารถต้านทานเปลือกตาของตัวเองได้อีกต่อไป รู้ตัวอีกทีกระบวนการนวดก็ใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว และที่สำคัญกางเกงชั้นในของผมก็ถูกดึงเข้าไปไว้ในร่องก้นทั้งหมด ดีที่ว่าคนข้างกายผมยังคงยืนยันว่าเสียงที่เขาได้ยินมีเพียงเสียงกรน ไม่มีเสียงครางอื่นใดเจือปน ไม่เช่นนั้นการไปกระบี่คงเป็นฝันร้ายที่ผมไม่อาจจะลืมเลือนได้ลง (หรือจะเป็นฝันดีกันนะ ?)

เมื่อเวลาอาหารเย็นมาถึง ทางที่พักได้แจ้งให้เราไปรอที่ห้องอาหารของทางรีสอร์ทได้เลย เพราะราคาที่เราจ่ายในครั้งจองที่พักนั้นได้แถมอาหารเย็นให้ด้วย และจากเมนูที่ได้เห็นราคาที่จ่ายไปก็ต้องถือว่าคุ้มค่าเลยทีเดียว แกงส้มกุ้งมะละกอ ต้มยำซีฟู๊ด ไข่เขียวกุ้ง ไก่(ควรจะเป็นปูแต่ช่วงนั้นออกทะเลไม่ได้)ผัดพริกไทยดำ ปอเปี๊ยะทอด นั่นคือรายชื่อเมนูที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้เพื่อรองรับความหิวจากแดนไกล และหลังจากจบเมนคอร์สเหล่านี้ ด้วยโปรโมชั่นซื้อ 1 แถม 1 ทำให้เราสั่ง บลูมาการิต้าสองแก้ว มาตบท้าย dinner ครั้งนี้เพื่อละเลงอารมณ์ที่คร่ำเครียดกับงานในเมืองหลวงให้ใกล้ชิดกับคำว่าผ่อนคลายมากเท่าที่จะทำได้ แต่คิดๆไปก็เสียดายเหมือนกันที่สั่งเพียงบลูมาการิต้า เพราะบนเมนูค็อกเทลที่เห็นนั้น sex on the beach หรือ Orgasm ดูจะเป็นชื่อที่น่าลิ้มลองกว่าไม่ใช่น้อย สาบาน ผมหมายถึงค็อกเทลจริงๆ

หลังจากมื้อเย็นจบสิ้นลง ผมพาร่างกายที่ยังอ่อนล้าขึ้นไปพักผ่อนในห้องพัก วิวของห้องพักมองเห็นหมู่ดาวที่พยายามอวดความงามอยู่เต็มท้องฟ้า ท้องฟ้าที่ผมและทุกคนที่นี่เคยหวาดกลัว แต่ในคืนนี้ท่ามกลางหมู่ดาวที่เห็นเราไม่เชื่อเลยสักนิดว่ามันจะเป็นท้องฟ้าเดียวกัน ท้องฟ้าที่แสดงความพิโรธออกมาเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้าที่เราจะมาถึงที่แ่ห่งนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น