วันอาทิตย์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2553

รวมเล่ม 24 จดหมายถึงน้องพี่ที่มีปีก



พี่รู้ตั้งแต่วันแรกว่าน้องเป็นคนมีปีก ทุกครั้งที่พี่มองเข้าไปในแววตา พี่เห็นปีกเล็กๆคู่นั้นกระพือน้อยๆอยู่ตลอดเวลา มันแสดงให้เห็นอยู่เสมอว่าหนูพร้อมที่จะบิน

ความกระตือรือร้นอยากบินของหนูมันทำให้คนไม่มีปีกอย่างพี่อยากที่จะบินได้ไปด้วย อยากเห็นเส้นขอบฟ้าอย่างที่น้องอยากเห็น

ตลอดเวลาที่น้องเงยหน้ามองไปบนท้องฟ้าและคิดถึงช่วงเวลาที่ได้บินอยู่บนนั้น แน่นอนว่าบางครั้งอาจจะต้องอดทนกับความอิจฉาของคนไม่มีปีกและบรรดาคนที่ไม่คิดว่ามนุษย์อย่างเราๆควรจะบินไปบนท้องฟ้า

แต่วันใดที่น้องตัดสินใจที่จะบิน อย่าบินให้ต่ำ เพราะมันจะไม่พ้นหอกแหลมที่คอยทิ่มแทงอยู่ข้างล่าง จากพวกคนไม่มีปีกทั้งหลาย

แต่พี่ก็ไม่ได้อยากให้น้องบินสูงเกินไป เพราะตัวน้องเองอาจจะทนความร้อนของดวงอาทิตย์ไม่ไหว และร่วงหล่นลงมาง่ายๆ

ในทุกช่วงเวลาที่บิน จดจำภาพท้องฟ้าสวยงามข้างตัวน้องไว้ บางครั้งทุกอย่างระหว่างทางมันสำคัญกว่าจุดหมายปลายทาง

ไม่วันใดวันหนึ่งน้องจะต้องไปถึงปลายทาง และถ้ามันไม่ได้สวยงามอย่างที่คาดหวังไว้ จำคำพี่ไว้ อย่าลืมระหว่างทาง อย่าลืมความรู้สึกอยากบินที่เรามีมาตั้งแต่เริ่มมีปีก

ไม่วันใดก็วันหนึ่ง วันเวลาจะขโมยกำลังวังชาจากน้องไป ถึงวันนั้นน้องอาจจะบินไม่ได้ แต่ไม่ว่าจะอย่างไร อย่าให้ความรู้สึกที่อยากบินและมโนภาพท้องฟ้ารอบกายในขณะที่บินมันหายไป

เพราะถึงวันนั้นน้องจะเป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจให้คนมีปีกรุ่นใหม่ๆบินไปพิสูจน์ความงามของเส้นขอบฟ้ากันต่อไป

สุดท้ายพี่อยากจะบอกว่า ถ้าเกิดมามีปีกก็อย่ากลัวที่จะบิน เพราะว่าท้องฟ้าไม่เคยมาหาเรา มีแต่เราเท่านั้นที่ต้องไปหา

*** ระหว่างบิน ถ้ามีเวลาพอที่จะก้มหน้าลงมา พี่จะยืนอยู่ตรงนั้นเสมอ

วันพฤหัสบดีที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เพลงของพ่อ 1. พร้อมรบเวียดนามใต้

อยากไปรบเวียดนามใต้ หัวใจมันคึกคะนอง
เรื่องรบหนึ่งไม่มีสอง เรื่องรักก็ไม่เป็นรอง
กลับมาจะหมั้นเนื้อทอง ไม่ต้องแอบมอง...
พี่ พ.ว.ต. รุ่นหนึ่ง ขอรับใช้ชาติก่อน
ตอนนี้มันนี่มันตึง รักชาติรักเธอซาบซึ้ง
นั่งนอนถอนใจรำพึง ครุ่นคิดคำนึง...
ถึงแต่น้องคนงาม เข้าเรียนรุ่น พ.ว.ต.
ตั้งใจจะไปเวียดนาม จะติดเหล่าใดก็ตาม
เหล่าไหนก็ไม่พ้นสงคราม ถ้าได้ไปเวียดนาม
คงสมในแท่น้อ พร้อมรบเวียดนามใต้
กระหยิ่มใจนั่งรอนอนรอ ฝึกมาแทบล้มแทบตาย
อดไปเพราะบุญไม่พอ ต้องแตกกิ่งแตกก้านแตกกอ
คุณแม่บ้าน พ.ว.ต. ได้เป็นคุณนายหลายคน

เพลงของพ่อ 2. กำเนิด พ.ว.ต.

พ.ว.ต. กำเนิดหนึ่งหนึ่งพอดี
ติดสิบตรีต้นปีสองห้าหนึ่งสอง
บั้งขอบดำด้านในเป็นไหมสีทอง
อยู่กันอย่างพี่อย่างน้องแซ่ซ้องไปทั่วเขตคาม
พ.ว.ต. รูปหล่อไม่เป็นรองใคร
แกร่งกล้าเกรียงไกรรบได้กึกก้องสยาม
กองทัพบกยกย่องเป็นสิงห์สงคราม
ต่อต้านติดตามสนามไหนไม่เคยกลัว
สี่สิบปีผ่านไปโถไวยิ่งนัก
แต่เรื่องความรักผูกพันไม่มีหมองมัว
เจอะกันที่ใดทักทายถามไถ่ครอบครัว
หยอกล้อเล่นหัวเหมือนคนครอบครัวเดียวกัน
พ.ว.ต. แตกหน่อแตกกอไปไกล
บ้างได้ดังใจก้าวไกลเกินกว่าใจฝัน
จากนายสิบมาถึงนายร้อยนายพัน
ไม่หยุดแค่นั้นบางท่านไปถึง....นายพล

เพลงของพ่อ 3. พ.ว.ต. แห่งความหลัง

วันเคลื่อนเดือนคล้อยลอยลับไม่กลับคืนหลัง
เย้ยเยาะเกาะกินใจจริงจัง
นั่งนอนนึกยังยากเยียวยา
หลอนหลอกยอกย้อนตามต้อนแตะต้องเต็มตา
ยากยิ่งหลีกเลี่ยงลืมเลือนลา
หนักแน่นหนักหนาพร้อมเพรียงเยี่ยมเยือน....


ถึงแม้จะฝึกกลางแดดกลางฝน หนุ่มน้อยหน้ามลไม่เคยขัดขืน
ลงน้ำลุยโคลนกระดอนกระเด็น ฝนฟ้ากระเซ็นครวญครางครืนครืน
ลำบากลำบนไม่บ่นสักคำ ฝึกเช้ายันค่ำปล้ำอยู่กับปืน
หนึ่งไปผ่านไปได้มาหนึ่งบั้ง จุ๋มจิ๋มไปบ้างแต่ดูยั่งยืน
เงินเดือนนิดน้อยหกร้อยกว่ากว่า แลกกับคุณค่าแผ่นดินทั้งผืน
มาอยู่เหล่าแพทย์งานเบาไม่หนัก มีแค่คนรักป่วยกันทั้งคืน
ได้อยู่เหล่าราบมีลาภลึกลึก เช้าสายบ่ายดึกฝึกนอนยั่งยืน
ใครได้ขนส่งก็ส่งกันไป ส่งหมูส่งไก่ส่งไฟส่งฟืน
ส่วนสรรพาวุธรู้ทุกรูปแบบ รู้กว้างรู้แคบรู้ลึกรู้ตื้น
ได้อยู่เหล่าม้าหน้าตาดูดี ม้าเห็นร้องฮี้ให้ขี่ทุกคืน
การเงิน เงินเดินเพลิดเพลินพร้อมพรัก เพื่อนพ้องทายทักคึกคักดึกดื่น
สื่อสารเสียงแจ๋วเจื้อยแจ้วจับใจ ราบรื่นเรียงรายสดใสกลมกลืน
ส่วนสารบัญอ่านเรียนเขียนเก่ง อ่านเองเออเองคลื้นเคลงคล้ายคลื่น
ปืนใหญ่ปึงปังเปรี้ยงปร้างกึกก้อง คึกคักคนองครวญครางครึกครื้น
ช่างแกะช่างเกลาช่างเก่าช่างแก่ ช่างซ่อมช่างแช่ช่างแหย่ปลายปืน
พลาธิการทำงานขึงขัง เย็บผ้าตัดหนังเป็นแผ่นเป็นผืน
สอหอหุ่นให้ยืนได้เหมือนหุ่น โดนดันโดนดุนก็ยังทนฝืน

ที่กล่าวมานี้ คือ พ.ว.ต............
ที่กล่าวมานี้ คือ พ.ว.ต. ชายไทยรูปหล่อน่ากินน่ากลืน
ถ้ามองกลางวันต้องฝันกลางคืน...
ถ้ามองตอนตื่น.... ก็ตัวใครตัวมัน.....

วันพฤหัสบดีที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2553

DREAM 2 บทที่ 12 ชิงชนะเลิศ



ผมเพิ่งเคยมาเอเธนส์เป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้ผมเคยได้ยินคำสรรเสริญเยินยอความสวยงามที่เต็มไปด้วยมนตร์ขลังแห่งประวัติศาสตร์ของดินแดนต้นกำเนิดแห่งเทพเจ้าแห่งนี้มาบ้าง ผมแอบหวังว่าถ้าท่านเหล่านั้นมีจริง ท่านคงไม่ใจร้ายกับผมนักในค่ำคืนแห่งการชิงชนะเลิศค่ำคืนนี้

โอลิมปิกส์ สเตเดี้ยม แห่งกรุงเอเธนส์คือสังเวียนฟาดแข้งนัดชิงชนะเลิศศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนลีกส์ฤดูกาล 2006/2007 ที่กำลังจะลงสนามในไม่กี่อึดใจนี้ ผมกับเทพตื่นเต้นจนแทบจะระงับอารมร์เอาไว้ไม่อยู่ เสียงของอันเชลอตติที่เผยรายชื่อตัวจริงให้พวกเราได้รู้ว่าใครกันบ้างที่จะเป็น 11 คนแรกที่จะลงไปร่วมรบในศึกแห่งเทพเจ้าครั้งนี้ดังก้องอยู่ในห้องแต่งตัว และด้วยความตื่นเต้นที่นัดชิงชนะเลิศครั้งแรกในชีวิตนักฟุตบอลอาชีพของพวกเรามาถึงอย่างรวดเร็วเกิดที่จะคาดคิดนั่นทำให้เราไม่ได้ยินแม้แต่สำเนียงอิตาลีที่พยายามบอกกับเราสองคนว่า เราได้ลงตัวจริงในเกมแห่งเกียรติยศครั้งนี้

ผมกับเทพกำลังยืนคุยกับไอ้นัทอยู่ในช่องทางเดินที่จะออกไปสู่สนาม เราสามคนกุมมือกันพร้อมทั้งยิ้มให้กับความสำเร็จในอาชีพที่พวกเราใฝ่ฝันกันมาตั้งแต่เด็ก และสิ่งที่พวกเรากำลังทำอยู่ก็สร้างความแปลกใจให้กับนักเตะคนอื่นๆบ้าง แต่นั่นก็เพราะเค้าคงไม่ได้มีอดีตร่วมกันมาเหมือนที่พวกเรามี

“สู้เต็มที่นะโว้ยไอ้นัท ในสนามไม่มีคำว่าเพื่อน แล้วหลังเกมค่อยว่ากัน” เทพพูด “เออ มึงไม่บอกกู กูก็สู้อยู่แล้ว โอกาสไม่ได้มีกันบ่อยๆโว้ย” นัทพูด “ไปโว้ย ไปลุยกัน สู้แทนไอ้พวกที่ตกรอบไปก่อนเราด้วย ไปโว้ย” ผมจบบทสนทนาพร้อมทั้งเดินตามกัปตันเปาโล มัลดินี่ลงสู่สนาม ผมเองเคยลงสนามในยุโรปมาก็ไม่ใช่เกมแรก แต่ไม่รู้ทำไมวันนี้บรรยากาศมันกดดันเหลือเกิน กดดันแต่ก็สวยงามอย่างที่แมตซ์อื่นๆไม่อาจเทียบได้ พวกคุณคงรู้ว่าการดูฟุตบอลในสนามจริงนั้นมันตื่นเต้นและยิ่งใหญ่กว่าการดูทีวีมากแค่ไหน แต่ถ้าคุณได้มายืนเข้าแถวกลางสนามอย่างผม คุณจะรู้ว่ามันตื่นเต้นกว่ากันอย่างเทียบไม่ได้

บทเพลงประจำของยูฟ่า แชมเปี้ยนลีกส์ ถูกบรรเลงด้วยท่วงทำนองที่ทุกคนคุ้นเคย รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีมถูกประกาศให้แฟนบอลได้ทราบกันก่อนที่เกมจะเริ่มขึ้น ฝั่งลิเวอร์พูลวันนี้เริ่มต้นด้วย 11 ตัวจริง นายทวาร โฆเซ่ เรน่า กองหลังประกอบไปด้วย สตีฟ ฟินแน่น, เจมี่ คาร์ราเกอร์, ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์, ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่ กองกลางห้าคนไล่จากซ้ายไปขวาก็จะมี ไอ้นัท,ชาบี อลอนโซ่, สตีเว่น เจอร์ราร์ด เป็นกัปตันทีม ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ และปีกขวา เจอร์เมน เพนแนนท์ สุดท้ายกองหน้าเป้า เดิร์ค เค้าท์ จากฮอลแลนด์

ฝั่งมิลานเอง อันเชลอตติเริ่มต้นด้วย ดีด้า - มัสซิโม่ อ็อดโด้, อเลสซานโดร เนสต้า, เปาโล มัลดินี่ (กัปตันทีม), มาเร็ค แยนคูลอฟสกี้ - เจนนาโร่ กัตตูโซ่, อันเดรีย ปีร์โล่, ผม, เทพ, กาก้า และ ฟิลิปโป้ อินซากี้ อันเชลอตติย้ำกับพวกเราว่านี่ไม่ใช่การแก้แค้น แต่เป็นโอกาสที่เราจะประสบความสำเร็จครั้งใหม่ แต่ผมเชื่อว่าในใจของเขาก็คงจะมีความแค้นอยู่เช่นกัน

การแข่งขันนัดนี้เป็นนัดที่ เปาโล มัลดินี่ กัปตันทีมของเราลงเล่นนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ครั้งที่ 8 ของเขาเทียบเท่ากับ ฟรานซิสโก้ เกนโต้ ของ เรอัล มาดริดที่ทำได้ในปี 1966 และ มัลดินี่ในวันนี้ซึ่งมีอายุ 38 ปี 331 วัน เขายังเป็นผู้เล่นที่อายุมากที่สุดในประวัติศาสตร์แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดชิงชนะเลิศอีกด้วย ผมกับเทพเห็นความทุ่มเทในการฝึกซ้อมรวมทั้งการดูแลร่างกายเพื่อให้สามารถลงสนามได้อย่างยาวนานนั่นทำให้เขาเป็นต้นแบบคนหนึ่งของเราสองคนในอาชีพที่พวกเรากำลังเดินอยู่นี้และวันนี้ผมก็หวังว่าเขาจะเป็นคนพาพวกเราขึ้นรับถ้วยแรกในชีวิตของพวกเราด้วย

ครึ่งแรกเปิดฉากขึ้น โดยพวกเราใส่ชุดสีขาวทั้งชุด ในขณะที่ทีมของไอ้นัทใส่ชุดเก่งซึ่งก็คือสีแดงทั้งชุดเช่นเดียวกัน เกมเริ่มขึ้นอย่างระมัดระวังและรัดกุม เพราะไม่มีใครอยากจะพลาดง่ายๆในนัดชิงชนะเลิศแห่งความกดดันนี้ แต่ผมเองซึ่งรับคำบัญชามาจากโค้ชให้หาโอกาสโจมตีในช่วงต้นจึงลองจ่ายบอลตัดหลังรีเซ่ให้กับอ็อดโด้โยนบอลจากกราบขวาเข้ามาในกรอบเขตโทษของลิเวอร์พูล แต่ก่อนที่อินซากี้จะเข้าถึง เจมี่ คาร์ราเกอร์ ก็แย่งโหม่งสกัดออกเส้นหลังได้ทันเวลา แต่แค่การลักไก่จังหวะนี้ก็ทำให้กองหลังของลิเวอร์พูลไม่สามารถประมาทเกมรุกของพวกเราได้อีกแล้ว เมื่อเกมผ่านช่วงเวลาแห่งความกดดันไป หงส์แดงก็กลับเป็นฝ่ายบุกกดดันได้ดีกว่า และนาทีที่ 10 เดิร์ค เค้าท์ก็ทำชิ่งฝากบอลไว้กับไอ้นัท ทางฝั่งซ้ายของกรอบเขตโทษ ก่อนที่ไอ้นัทจะดึงบอลไว้ไม่ชิ่งกลับไปและนั่นทำให้อ็อดโด้เองถูกหลอกให้ไปประกบเค้าท์เพราะคิดว่าบอลจะถูกส่งไป เมื่อไอ้นัทสลัดอ็อดโด้ออกไปได้ก็กระชากบอลเข้ากลางมา แต่โชคดีเรามีกัตตูโซ่ยืนอยู่ตรงนั้นจึงบังทางให้ไอ้นัทจำใจกระชากมาเข้าเท้าขวา แต่ไอ้นัทก็ทำในสิ่งที่พวกเราเองก็คาดไม่ถึงนั่นคือมันยิงด้วยเท้าขวาในระยะ 25 หลานอกเขตโทษ ซึ่งเป็นการยิงด้วยเท้าที่ไม่ถนัด แต่ลูกบอลก็ไปตรงตัวดีด้า และด้วยความที่ไม่ได้ระวังตัว ดีด้าจึงทำได้แค่ปัดบอลออกมาแต่โชคของเรายังดีที่เนสต้า ตามมาเตะทิ้งออกได้ทันเวลา

เวลาผ่านไปแค่เพียงสิบห้านาทีทั้งผมและไอ้นัทก็สร้างโอกาสให้ทีมได้คนละครั้ง และด้วยรูปเกมที่เปิด นั่นทำให้โอกาสของทั้งสองทีมมีแทบจะตลอดเวลา และในนาที 14 มิลานของเราโต้กลับเร็วจากที่โดนลิเวอร์พูลกดดันอยู่ อันเดรีย ปีร์โล่ ผ่านบอลแม่นยำอย่างที่พวกเราคุ้นเคยให้กับ อินซากี้ หลุดเดี่ยวเข้าไปยิง ทว่า โฆเซ่ มานูเอล เรน่า นายทวารหงส์แดงเซฟเอาไว้ได้ ไอ้เทพที่วิ่งตามเข้าไปเพื่อที่จะซ้ำถึงกับกุมหัวด้วยความเสียดายที่บอลไม่กระฉอกออกมาแม้แต่นิด และแล้วโอกาสของเทพก็มาอีกครั้งในนาที 17 แยนคูลอฟสกี้ เติมขึ้นมาจากทางฝั่งซ้ายก่อนจ่ายให้ไอ้เทพ ยิงไกล 25 หลา บอลเจ้ากรรมก็ดันไปตรงตัว เรน่า ทำให้ไอ้เทพต้องกุมหัวด้วยความเสียดายอีกครั้ง แต่แล้วไอ้นัทก็สร้างปัญหาให้พวกเราอีกเมื่อมันหาโอกาสโยกหลอกอ็อดโด้แล้วโยนบอลให้ สตีเว่น เจอร์ราร์ด วอลเล่ย์ในกรอบเขตโทษฝั่งขวา บอลเหินข้ามคานออกไปนิดเดียว และจังหวะนี้ทำให้มัลดินี่ต้องตะโกนกำชับกองหลังกันอีกครั้งเพื่อไม่ให้ประกบตัวพลาดอย่างในจังหวะนี้อีก เกมนี้เล่นกันเร็วมากและเร็วกว่าจังหวะในกัลโช่ที่ผมคุ้นเคยนั่นทำให้ผมเหนื่อยกว่าปกติมากทีเดียว อีกทั้งการที่ทั้งสองทีมมีกองกลางห้าคนทำให้พื้นที่ในแดนกลางถูกแย่งชิ่งกันอย่างถึงพริกถึงขิงซึ่งนี่ก็จะเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้ทีมได้รับชัยชนะในแมตซ์นี้และผมกับไอ้เทพก็พร้อมจะสร้างสิ่งนั้นให้กับทีมอย่างเต็มที่ทีเดียว แต่แล้วเมื่อมาถึงนาที 27 ลิเวอร์พูลก็เกือบได้ประตูนำ จากจังหวะที่ ชาบี อลอนโซ่ เปิดบอลให้ไอ้นัทยิงจากกรอบเขตโทษอีกครั้งด้วยเท้าซ้ายแต่คราวนี้มันวางเท้าไม่ดีทำให้บอลผ่านหน้าประตูออกไปอย่างน่าเสียดาย ผมเตือนกัตตูโซ่อีกครั้งว่าถ้าเขายังประมาทไอ้นัทแบบนี้ งานของเราจะยากขึ้นอย่างแน่นอน

แมตช์ผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง ขุนพลทั้งสองทีมต่อสู้แย่งบอลอยู่กลางสนามเป็นส่วนใหญ่ ผมเองทำหน้าที่ช่วยกัตตูโซ่และปิร์โล่ ครองบอลและเข้าปะทะเพื่อเปิดทางให้กาก้าและไอ้เทพเล่นบอลได้ง่ายขึ้น ไอ้เทพเองมีอิสระมากกว่ากาก้าที่ถูกมาสเชราโน่ตามประกบแทบจะเป็นเงา และนั่นก็ดูเหมือนจะเป็นแท็คติกที่ถูกต้องของลิเวอร์พูลเลยทีเดียว และแล้วเมื่อนาที 32 คืบคลานเข้ามา โอกาสก็เป็นของลิเวอร์พูลอีกครั้งเมื่อ เพนแน้นท์ พาบอลขึ้นมาทางกราบขวา ก่อนจ่ายให้ ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่ ซัดระยะ 20 หลา ผมเองเห็นจังหวะการเติมอย่างชัดเจนจึงวิ่งเข้าไปเสียบสกัดทำให้บอลของรีเซ่เหินข้ามคานออกไปอย่างน่าหวาดเสียวสำหรับกองเชียร์ของพวกเราเป็นอย่างยิ่ง

และแล้วกัตตูโซ่ ก็พลาดรับใบเหลืองไปเป็นคนแรกของเกมนี้ หลังจากเขาเข้าเสียบ ชาบี อลอนโซ่ กองกลางจอมจ่ายบอลของหงส์แดงในนาทีที่ 40 แต่แล้วอีกไม่นาน ชาบี อลอนโซ่ ก็พลาดเช่นกันด้วยการไปทำฟาวล์ไอ้เทพนอกกรอบเขตโทษ และการพลาดจังหวะนี้ของอลองโซ่ก็ทำให้พวกเราได้ลูกฟรีคิกระยะประมาณ 25 หลา และแน่นอน คนที่จะจัดการกับโอกาสนี้ได้ดีที่สุดก็คือ อันเดรีย ปิร์โล่ นั่นเอง

กำแพงมนุษย์ของฝั่งลิเวอร์พูลถูกตั้งขึ้นอย่างแน่นหนา แต่ปิร์โล่ก็เลือกที่จะยิงฟรีคิกด้วยเท้าขวาอย่างเต็มแรงไปที่ช่องว่างของกำแพงที่ไอ้เทพกับผมช่วยกันเข้าไปแทรกกองหลังลิเวอร์พูลไว้ และแล้วบอลที่พุ่งมาด้วยความแรงก็ไปแฉลบโดนหน้าอกของ ฟิลิปโป้ อินซากี้ ก่อนพุ่งเข้าประตูไปอย่างที่เรน่าไม่สามารถจะช่วยอะไรได้ มิลานของพวกเรานำ 1-0 ผมกับไอ้เทพวิ่งไปกระโดดกอดกับปิร์โล่และหลังจากนั้นเพื่อนๆทุกคนก็มารุมพวกเราสามคนและอินซากี้ผู้ที่มีลีลาดีใจอย่างบ้าคลั่งก็กอดกันกลมอยู่ในกลุ่มของพวกเราเช่นเดียวกัน

เกมจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ที่เป็นใจกับพวกเรามากกว่าไอ้นัท ผมกับไอ้เทพแทบจะหายใจไม่ทันในห้องแต่งตัว ด้วยทั้งเกมที่เร็วกว่าปกติอีกทั้งความตื่นเต้นที่ยังคงรังควานเรามาจนเกือบ 20 นาทีแรก นั่นทำให้ผมกับไอ้เทพแทบจะแย่กันทีเดียว ผมไม่รู้ว่าไอ้นัทจะเป็นเหมือนกันหรือไม่ แต่ถึงยังไงเราสามคนก็คงจะไม่ยอมแพ้พวกนักเตะยุโรปอย่างแน่นอน เกมครึ่งหลังกำลังจะเริ่ม มัลดินี่บอกว่าถึงแม้เราจะนำอยู่ก็ห้ามประมาทลิเวอร์พูลเด็ดขาด เพราะว่าสิ่งที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 2005 มันไม่ควรจะเกิดขึ้นอีกในเกมนี้

มาถึงครึ่งหลัง พวกเราเป็นฝ่ายเขี่ยบอลเปิดเกม โดยทั้งสองทีมยังไม่มีการเปลี่ยนตัวสำรองแต่อย่างใด โอกาสแรกของคู่ต่อสู้ของเรามาถึงอย่างรวดเร็วเมื่อไอ้นัทซึ่งรับหน้าที่เตะมุม เปิดลูกเตะมุมไปที่เสาไกลให้ ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ โหม่งเต็มศีรษะแต่ก็ข้ามคานไปอย่างได้ลุ้นทีเดียว

เกมเดินไปด้วยการต่อสู้ในแดนกลางเช่นเดิมและในนาทีที่ 58 เมื่อบอลจากเท้าปิร์โล่ถูกถ่ายมาที่ผมโดยที่มีมาสเชราโน่วิ่งไล่ตามมาด้วย ผมดึงจังหวะรอการเข้าบอลของเขาพร้อมทั้งโยกหลอกว่าจะกระชากออกทางซ้ายก่อนที่จะกระชากออกทางขวาของตัวเอง แต่โชคร้ายที่มาสเชราโน่รู้ทันและกระโดดเสียบมาในทางที่ผมจะพาบอลไป เมื่อจวนตัวผมจึงยกบอลขึ้นหนีการเสียบสกัดแต่โชคร้ายที่ผมไม่สามารถที่จะกระโดดได้ทันนั่นทำให้เขาปะทะเข้ามาที่หน้าแข้งผมอย่างเต็มที่ โชคดีที่สนับแข้งช่วยผมไว้ได้เยอะ แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้กองกลางลิเวอร์พูลโดนใบเหลืองไปในการเสียบสกัดครั้งนี้

ราฟาเอล เบนิเตซ ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลเปลี่ยนตัวสำรองส่ง แฮร์รี่ คีเวลล์ ลงมาเล่นแทน เพนแนนท์ในนาที 58 จากนั้นอีกสองนาทีต่อมา เจมี่ คาร์ราเกอร์ กองหลังหงส์แดงก็โดนใบเหลือง หลังจากทำฟาวล์ใส่ไอ้เทพอย่างเต็มแรง ทำให้มิลานได้ลูกฟรีคิกทางฝั่งซ้าย และไอ้เทพก็ขอเป็นคนรับผิดชอบลูกฟรีคิกลูกนี้เองแต่มันก็ทำได้ดีที่สุดเพียงแค่ส่งบอลข้ามคานออกไปอย่างไม่ได้ลุ้น

ผมเองเกือบทำให้ทีมต้องเสียเปรียบเมื่อครองบอลด้วยความประมาททำให้ถูกสตีเว่น เจอร์ราร์ด แย่งบอลมาได้ ผมเองคิดว่าจังหวะนี้จะสามารถครองบอลไว้ได้แต่แรงปะทะของกัปตันทีมจากอังกฤษก็ทำเอาผมล้มคะมำตรงบริเวญนอกกรอบเขตโทษฝั่งขวา ก่อนที่ เจอร์ราร์ดจะพาบอลเข้ามาล็อคหลบ อเลสซานโดร เนสต้า ก่อนที่จะวางเท้ายิงแต่โชคดีที่ดีด้ายังคงยืนตำแหน่งได้ดีและเซฟลูกนี้ได้อยู่หมัดทำให้ผมหายใจทั่วท้องขึ้นมากทีเดียว

หงส์แดงยังคงไม่ยอมแพ้ง่ายๆ บุกขึ้นมาอีกครั้ง แฮร์รี่ คีเวลล์ ตัวสำรองทำทางให้ ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่ วิ่งเติมขึ้นมาซัดบอลแต่ก็ทำได้เพียงแค่หวาดเสียว และจังหวะนี้ทำเอาไอ้นัทถึงกับหัวเสียที่รีเซ่ไม่ยอมจ่ายบอลให้มันซึ่งยืนว่างอยู่แต่เลือกที่จะยิงเองมากกว่า

ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือหงส์แดง แก้เกมอีกครั้งส่ง ปีเตอร์ เคร้าช์ ลงมาเล่นแทน ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ ในนาที 78 ผมเองยิ้มให้กับไอ้เทพและกาก้าเพราะรู้ว่าการออกไปของมาสเคราโน่ส่งผลดีกับพวกเรามากแค่ไหน แต่การเติมผู้เล่นในแดนหน้าอย่างปีเตอร์ เคร้าช์ เข้ามาก็น่าจะสร้างความลำบากให้กับกองหลังของเรามากเช่นกัน ไอ้นัทยังคงป่วนอ็อดโด้ได้ตลอดทั้งเกมและหาโอกาสโยนบอลเข้าเขตโทษงามๆได้หลายครั้งแต่ก็ถูกกองหลังของเราเคลียร์ออกมาได้ตลอด และแล้วพวกเราก็ตอกย้ำให้พวกเขาเห็นว่าเราเป็นทีมที่ดีกว่าจริงๆ เมื่อไอ้เทพฉวยจังหวะพาบอลเลี้ยงจี้เข้าหาอลองโซ่ซึ่งเป็นกองกลางตัวรับเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ก่อนไขว้หลอกข้ามบอลด้วยเท้าซ้ายก่อนใช้เท้าขวากระชากแตะบอลออกทางขวาของตัวเองฉีกอลองโซ่ให้ทำได้เพียงแค่วิ่งตามหลัง ก่อนที่จะผ่านบอลอย่างแม่นยำให้ ฟิลิปโป้ อินซากี้ ยิงในเขตโทษ พวกเรายืนลุ้นกันอยู่อย่างใจจดใจจ่อ และแล้วอินซากี้ก็ซัดบอลลอดตัว โฆเซ่ มานูเอล เรน่า นายทวารหงส์แดงเข้าไป และนี่ก็เป็นประตูที่สองของเขาในเกมนี้ และจังหวะนี้ของไอ้เทพเองก็แสดงให้เห็นว่ามันพัฒนาจังหวะปล่อยบอลออกจากเท้าได้ดีขึ้นมากแล้วจริงๆ

แต่แล้วทุกอย่างก็ไม่ง่ายเหมือนอย่างที่คิดเมื่อ ลิเวอร์พูล ก็มาได้ประตูตีไข่แตกเป็น 1-2 เมื่ออลองโซ่เปิดลูกเตะมุมเข้ามากรอบเขตโทษก่อนที่ปีเตอร์ เคร้าช์ จะโหม่งชงไปให้ เดิร์ค เค้าท์ โขกซ้ำตุงตาข่ายนั่นทำให้ความหวังอันริบหรี่ของลิเวอร์พูลสว่างเรืองรองขึ้นอีกครั้ง

ไอ้นัทได้บอลในนาทีสุดท้ายก่อนที่จะควบขึ้นมาตั้งแต่กลางสนาม กัตตูโซ่เป็นคนแรกที่เข้าไปหา หมายที่จะขย้ำมันแต่มันก็โยกหลอกว่าจะออกทางซ้ายก่อนที่จะแตะบอลลอดขากัตตูโซ่ตัดเข้ามาบริเวณกลางสนาม ไอ้เทพวิ่งเข้าไปช่วยสกัดไอ้นัทแต่ก็ถูกการทำชิ่งหนึ่งสองกับเจอร์ราร์ดของไอ้นัทหลอกผ่านมาได้อย่างง่ายดายอีกคน ขณะนี้หน้าเขตโทษมีเพียงผม เนสต้า มัลดินี่ ยืนรอรับการบุกครั้งสุดท้ายของไอ้นัทและพรรคพวกอยู่

ไอ้นัทยังคงกระชากเข้ามาหน้าเขตโทษเยื้องไปทางซ้าย ผมเองยืนหน้าเขตโทษพลางประกบไม่ให้ไอ้นัทจ่ายบอลมาให้เจอร์ราร์ดได้ ไอ้นัทเองก็พอจะรู้จึงเลือกที่จะเลี้ยงตะลุยเข้าเขตโทษไปเอง และแม้แต่เนสต้าก็ยังไม่สามารถหยุดความมุ่งมั่นในจังหวะนี้ของมันได้ ไอ้นัทไปจนสุดเส้นหลังก่อนที่จะปาดกลับมาให้กับเดิร์ก เค้าท์ที่ยืนรออยู่ก่อนที่เค้าท์จะตวัดบอลพร้อมๆกับการเสียบสกัดของมัลดินี่ บอลยังคงลอยไปที่ประตูแต่ก็ไม่ดีพอที่จะผ่านมือดิด้าไปได้ และในที่สุดเทพเจ้าแห่งเอเธนส์ก็ใส่ชุดสีขาวแถมยังพันผ้าพันคอสีแดงดำในค่ำคืนนี้อีกต่างหาก

เมื่อนกหวีดดังขึ้น เอซี มิลานเอาชนะลิเวอร์พูล 2-1 ส่งผลให้ความคับแค้นในใจของกองเชียร์มิลานสิ้นสุดลงและพร้อมกับได้แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก สมัยที่ 7 ของสโมสรไปครองอีกด้วย แฟนบอลส่งเสียงโห่ร้องกึกก้องไปทั่วสนาม ผมกับไอ้เทพ ยืนปลอบไอ้นัทที่ตอนนี้ร้องไห้ออกมาเหมือนกับเด็ก เรายืนอยู่ด้วยกันอยู่นานก่อนที่เจอร์ราร์ดจะมาดึงไอ้นัทไปปลอบ ทำให้พวกเรามีโอกาสมาฉลองชัยกับเพื่อนๆในทีมมิลานที่ร่วมทุ่มเทกันมา ทุกคนวิ่งไปรอบๆเหมือนกับเด็กๆที่ได้ของขวัญและสำหรับผม สิ่งที่ได้มามันมากยิ่งกว่าของขวัญ มากจนผมไม่สามารถอธิบายได้เลยทีเดียว

นี่คือแชมป์แรกในชีวิตการค้าแข้งของผมกับไอ้เทพ และไม่ว่าผมจะได้อีกสักกี่แชมป์ หรือจะไม่ได้มันอีกเลย ค่ำคืนแห่งเอเธนส์ก็จะอยู่ในใจของพวกผมไปตราบจนวันสุดท้ายของชีวิตนั่นเลยทีเดียว ลำพังการได้ลงเล่นในลีกอิตาลีก็มากพอที่จะทำให้พวกเรามีความสุขอย่างหาที่ติไม่ได้แล้ว แต่การได้ลงเล่นในนัดชิงชนะเลิศซึ่งนักฟุตบอลทุกคนต้องการจะให้มันเกิดขึ้นกับตัวเอง นั่นทำให้พวกเราไม่สามารถจะขออะไรจากฟุตบอลที่เรารักได้มากกว่านี้แล้วจริงๆ

จบภาค 2

DREAM 2 บทที่ 11 ก่อนวันสำคัญ



ร้านอาหารไทยบริเวณไม่ไกลจากมหาวิหารดูโอโม่คือสถานที่ที่ผมส่งข้อความนัดกับเพื่อนๆไว้ ผมหาวันที่ทุกคนว่างพร้อมๆกันได้อยากพอตัวทีเดียว แต่สุดท้ายเราก็สามารถมากันได้ครบทุกคนอย่างที่ตั้งใจไว้ อาหารตรงหน้าไม่ใช่สิ่งที่พวกเราสนใจสักเท่าไรในวันนี้ แต่การที่เราได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งเจ็ดคนต่างหากคือช่วงเวลาที่เราทุกคนต่างรอคอย ผมไม่รู้ว่าพวกคุณเคยมีเพื่อนกลุ่มที่รักกันอย่างสนิทใจและชอบในสิ่งเดียวกันอย่างหัวปักหัวปำหรือไม่ แต่ผมมีและไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมก็จะไม่ยอมเสียมันไปอย่างแน่นอน

“เป็นอย่างไรกันบ้างวะโลกแห่งความจริงที่แม่งเหมือนในฝัน” ผมเปิดบทสนทนาด้วยรอยยิ้ม “ถ้ากูรู้ว่าเราจะมีวันนี้ ตอนเด็กๆกูจะเตะบอลให้เยอะกว่านี้อีก จะเล่นให้ดีกว่านี้อีก จะได้เก่งๆกว่านี้” ไอ้นัทพูด “พวกเรายังจะเล่นฟุตบอลมากกว่านี้ได้อีกหรือวะ นี่ก็แทบจะไม่ได้เข้าเรียนแล้วนะนี่” ไอ้โยพูดเสียงดังพร้อมกับเสียงหัวเราะของพวกเราที่ตามมา “แล้วนี่พวกมึงเก็บเงินกันบ้างหรือเปล่าวะ หรือว่าซื้อนั่นนี่กันหมด”ไอ้ต้นถาม “กูก็เก็บไว้ตลอดนะ ส่งให้แม่ช่วยเก็บด้วยเพราะอาชีพนักบอลอย่างเรามันทำได้ไม่นาน และเราเองก็ไม่ได้เรียนอะไรกันมาด้วย” ไอ้ตั๊กตอบข้อสงสัย “กูเองก็เรียนต่อไม่ไหว พอเตะบอลจริงจังก็ทิ้งเรื่องเรียนไป เลิกเล่นบอลค่อยว่ากันใหม่”ไอ้เอ็มพูด “อย่างว่ะล่ะ ถ้าเรียนไปด้วยคงไม่ไหว อย่างไรก็คงต้องเลือกสักอย่าง” ผมสนับสนุนความคิดเพื่อน “แล้วพวกมึงคิดจะกลับไปเล่นในไทยบ้างหรือเปล่าวะ” เทพเปิดประเด็นใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง “กูคิดว่าถ้าเลยสามสิบแล้วที่นี่ไม่มีทีมไหนสนใจ กูก็คงจะกลับไปเล่นที่บ้านล่ะ คิดถึงบ้านว่ะ” ไอ้นัทแสดงความในใจออกมาเป็นคนแรก “แล้วคิดว่าแฟนบอลที่ไทยจะคิดว่าพวกเราไม่สนใจบ้านเกิดหรือเปล่าวะ เราแทบไม่ได้กลับไปเล่นทีมชาติเลย” ไอ้ต้นถาม “ก็โปรแกรมทีมชาติเรามันไม่เหมาะกับลีกยุโรปเลยนี่นา อีกทั้งการบินข้ามโลกบ่อยๆก็ไม่ใช่เรื่องสนุก แต่ถ้าเป็นทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆ กูว่าพวกเราก็อยากเล่นทีมชาติเหมือนกันนะ” ผมพูด “ใครจะไม่อยากเล่นล่ะวะทีมชาติตัวเอง มันก็แล้วแต่โอกาสล่ะนะ”เอ็มพูด “แล้วนี่พวกมึงมีใครที่คิดว่าจะอยู่ที่นี่ยาว ไม่กลับไทยบ้างวะ” ไอ้โยถาม “ตอนแรกที่เรายังเด็ก การอยู่ที่นี่มันก็ดูน่าหลงใหลดีนะ แต่พอมาอยู่จริงๆมันก็เหงาว่ะ อาหารก็ไม่ถูกปาก ญาติพี่น้องเราก็ไม่มี” ไอ้ตั๊กว่า “แต่กูว่าถ้ามีแฟนก็พอช่วยได้นะ” ไอ้เทพพูด “เตะแม่งแต่บอล จะไปเจอใครวะ จะเป็นแฟนกับลูกฟุตบอลนี่ล่ะมั้ง” ผมพูด “จะว่าไป การที่เราได้ทำงานในสิ่งที่เราชอบนี่ มันทำให้ชีวิตมีความสุขดีเหมือนกันนะ”ไอ้ต้นพูด “มันก็แน่นอนอยู่แล้ว ว่าแต่ว่าถ้าไม่ได้เป็นนักฟุตบอลจริงๆ กูยังไม่รู้เลยนะว่าจะทำมาหากินอะไร”ไอ้นัทบอก “ก็เราแทบจะไม่เคยสนใจเรื่องอื่นกันเลยนี่นา”ไอ้โยบอก “ในชีวิตก็มีแต่ฟุตบอลนี่ล่ะ”

เวลา 3 ชั่วโมงผ่านไปราวกับ 3 นาที ทั้งเรื่องมีสาระและไม่มีสาระต่างผ่านเข้ามาในวงสนทนาของเราอย่างหมดสิ้น ผมสัมผัสได้ว่าวันเวลาไม่เพียงแต่จะทำให้พวกเราเติบโตขึ้นในทางร่างกายเท่านั้น ทั้งสมองและหัวใจของเราก็เติบโตขึ้นด้วยเช่นกัน ผมไม่รู้ว่าพวกคุณในวัยเด็กเคยตอบคำถามของผู้ใหญ่บ้างหรือเปล่าว่า โตขึ้นคุณอยากเป็นอะไร ผมเชื่อว่าคำตอบของเด็กๆแต่ละคนคงเปลี่ยนไปในทุกๆครั้งที่ถูกถาม หรืออาจจะมีบ้างที่ตอบด้วยคำตอบเดิมตั้งแต่เล็กจนเริ่มโต แต่พวกคุณลองถามตัวเองในปัจจุบันสิว่า พวกคุณได้เป็นหรือได้ทำในสิ่งที่เคยตอบไว้ตอนเด็กๆบ้างหรือไม่ พวกเราเจ็ดคนกำลังทำในสิ่งที่พวกเราให้คำตอบกับผู้ใหญ่เอาไว้ในตอนเด็กและเพียงแค่นี้ก็ทำให้พวกเรามีความสุขในแบบที่แตกต่างกับคนอื่นๆมากมายที่ยังคงต้องทำอะไรที่ตัวเองไม่ได้ต้องการหรือยังคงต้องทำอะไรที่คนอื่นเห็นว่าดีต่อคุณ หรือพวกคุณก็เป็นหนึ่งในนั้นนะ

ในระหว่างบทสนทนา มีหัวข้อหนึ่งที่ผมยังคงนำมาคิดทั้งๆที่ตอนนี้ควรจะเป็นเวลาพักผ่อนของนักกีฬาอย่างเราๆแล้ว เอเชี่ยนคัพ 2007 คือหัวข้อนั้น ไทยเราร่วมกับประเทศอื่นในกลุ่มอาเซียนเพื่อจัดการแข่งขันครั้งนี้หรือเรียกได้ว่าเป็นเจ้าภาพนั่นเอง และด้วยความที่เราเป็นเจ้าภาพนั่นทำให้ความหวังของแฟนบอลชาวไทยถาโถมเข้ามาสู่นักฟุตบอลทีมชาติไทยจนผมคิดว่ามันน่าจะแปรเปลี่ยนเป็นแรงกดดันที่อาจจะทำให้ผลการแข่งขันไม่เป็นไปตามที่คิดได้ง่ายๆ แต่ประเด็นที่ผมกำลังคิดไม่ใช่ตรงนี้ ผมกำลังคิดถึงโอกาสของการที่พวกเราจะกลับไปช่วยชาติในการแข่งขันครั้งนี้ พวกเราเองมาฝึกฟุตบอลที่ยุโรปนี้ตั้งแต่ยังเด็กและจนบัดนี้พวกเราก็ยังไม่มีโอกาสรับใช้ชาติแต่อย่างใด เนื่องด้วยโอกาสและแมตซ์การแข่งขันที่ไม่สนับสนุนซึ่งกันและกันในช่วงเวลาที่ผ่านมาทำให้เรายังไม่เคยได้กลับไปช่วยชาติ แต่ว่าเอเชี่ยนคัพครั้งนี้ที่จะจัดขึ้นในต้นเดือนกรกฎาคมนั้นเหมาะสมกับพวกเราที่อยู่ในช่วงหยุดพักฤดูกาลเป็นอย่างยิ่ง แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของสมาคมว่าจะมองไปที่อะไร แน่นอนว่าการที่พวกเราไม่เคยตอบรับการเรียกตัวอาจจะสร้างความไม่พอใจให้กับเพื่อนร่วมทีมคนอื่นอยู่บ้าง แต่ถ้ามองถึงโอกาสที่จะไปให้ไกลที่สุดในการแข่งขันครั้งนี้ การเรียกตัวพวกเราทั้งเจ็ดคนไปร่วมทีมก็ดูน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีเช่นเดียวกัน พวกเราเองให้น้ำหนักไปในทางเดียวกันว่า ถ้ามีการเรียกตัวเกิดขึ้น พวกเราพร้อมที่จะช่วยสร้างความสำเร็จให้กับฟุตบอลไทยอยู่แล้ว แต่ผมเองก็ไม่รู้ว่าฟุตบอลไทยเอง พร้อมที่จะพบกับความสำเร็จแล้วหรือยัง

ความสำเร็จของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในถ้วยหูใหญ่อาจจะจบลงด้วยความเจนจัดมากกว่าของเอซี มิลาน แต่ความสำเร็จในประเทศเองยังคงมีความหวังทั้งในฟุตบอลลีกและฟุตบอลถ้วยเอฟเอ คัพ ฟุตบอลถ้วยน๊อกเอาท์นั้นมีการแข่งขันกันแทบจะทุกลีกในยุโรปแต่อย่างที่พวกเรารู้กันว่ามันเริ่มต้นมาจากที่ประเทศอังกฤษ และด้วยรูปแบบของการแข่งขันที่ไม่เปิดโอกาสให้ผู้แพ้ได้แก้ตัว นั่นทำให้ทีมเล็กๆที่ไม่มีโอกาสที่จะพบกับความสำเร็จในรูปแบบการแข่งขันแบบลีกที่ต้องการความสม่ำเสมอมากไปกว่าชัยชนะฉาบฉวยในแต่ละนัดแต่ทีมเหล่านั้นมีโอกาสที่จะเอาชนะทีมยักษ์ใหญ่ในลีกได้มากกว่าเพราะฟุตบอลนัดเดียวนั้นแค่เพียงความผิดพลาดเล็กน้อยก็อาจจะนำมาซึ่งความพ่ายแพ้ให้กับทีมยักษ์ใหญ่ระดับประเทศได้เช่นกัน

แต่จากประวัติศาสตร์ของเอฟเอ คัพ ในช่วงหลัง ความแตกต่างทางด้านฝีเท้าที่ถูกแบ่งแยกด้วยเงินทุนที่หมุนเวียนอยู่ในแต่ละสโมสรนั้น ทำให้การที่ทีมเล็กๆจากลีกระดับล่างจะสร้างตำนานล้มยักษ์จากลีกสูงสุดได้นั้นแทบจะมองไม่เห็น และคู่ชิงเอฟเอ คัพของอังกฤษในปีนี้ก็ยังคงตอกย้ำตรรกะนี้อยู่อย่างเหนียวแน่น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดกับเชลซีคือคู่ชิงที่ผมกล่าวถึง ไอ้ต้นเองหลังจากตกรอบในถ้วย ucl แล้ว การได้ดับเบิ้ลแชมป์ก็คือความหวังสูงสุดที่มันหวังว่าจะได้สัมผัสในปีนี้ แต่กับการที่คู่ชิงคือเชลซีและที่หนักไปกว่านั้น ผู้จัดการทีมของเชลซีนั้นมีชื่อว่า โชเซ่ มูรินโญ่ ผู้ที่มีความสามารถในด้านการวางแผนการเล่นในชนิดที่ใครก็สบประมาทไม่ได้ และไม่เว้นแม้กระทั้ง อเล็ก เฟอร์กูสันด้วยเช่นกัน

วันแห่งการชิงชัยใกล้เข้ามาทุกที ความชอกช้ำในปี 2005 ยังคงตามหลอกหลอนอันเชล็อตติและเหล่าผู้เล่นที่ลงสนามในค่ำคืนวันนั้นอยู่อย่างไม่เคยจะจางหาย 23 พฤษภาคมนี้จึงเป็นวันที่เหมาะสมที่สุดที่พวกเราทุกคนจะร่วมกันทำลายฝันร้ายไม่ให้ตามหลอกหลอนพวกเราไปในฤดูกาลต่อๆไปอีก และเนื่องจากสถานะในลีกที่พวกเราการันตีการได้ไปเตะใน ucl ในฤดูกาลหน้าอีกทั้งหมดลุ้นแชมป์ลีกไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว นั่นทำให้ความสำเร็จในถ้วยยุโรปเป็นสิ่งเดียวที่พวกเรากำลังมุ่งมั่นที่จะไปถึงในฤดูกาลนี้ และผมเองก็คิดว่า ลิเวอร์พูลของไอ้นัทเองซึ่งหมดลุ้นแชมป์และก็การันตีตำแหน่งการได้ไปเตะใน ucl แล้วเช่นเดียวกับเราก็คงจะคิดถึงความสำเร็จในถ้วยนี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเช่นเดียวกัน

ในระหว่างการซ้อมทุกครั้งสามคนที่ผมมักจะเฝ้าสังเกตดูการเล่นของพวกเขาก็คือ กาก้า ปิร์โล่ และซีดอร์ฟ กาก้าเองถึงแม้ว่าจะเป็นรุ่นน้องผมหนึ่งปีแต่ทั้งผมและไอ้เทพก็ยอมรับในฝีเท้าของเขาอีกทั้งใช้เขาเป็นแรงบันดาลใจในการไปสู่ความสำเร็จของพวกเราเช่นเดียวกัน ผมสังเกตเห็นในการซ้อมอยู่เสมอว่ากาก้ามีความเร็วในการไปกับลูกบอลแทบจะพอๆกับการวิ่งโดยไม่มีลูกบอลเลยทีเดียว และนอกจากความเร็วขนาดนั้นแล้ว กาก้ายังสามารถเปลี่ยนทิศทางในการวิ่งได้อย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่มีการเสียหลักเลยแม้แต่นิดเดียว สุดท้ายในจังหวะสังหาร เขาก็ยังเลือดเย็นและเต็มไปด้วยทักษะอย่างที่เรามักจะได้เห็นในนักเตะวัยเก๋าแต่ไม่ใช่ในนักเตะที่ยังหนุ่มแน่นเช่นกาก้าผู้นี้

ด้วยตำแหน่งการเล่นในสนามแล้ว เทพดูจะศึกษาการเล่นของกาก้ามากกว่าผมที่ดูด้วยความทึ่งเสียมากกว่า พวกผมรู้อยู่แล้วว่าเทพมีทักษะในการครองบอลและพาบอลไปกับตัวที่ไม่เป็นรองใคร แต่ในเรื่องของจังหวะปล่อยบอลแล้ว กาก้าทำได้มีประสิทธิภาพมากกว่าและนั่นก็คือสิ่งที่เทพกำลังพัฒนาขึ้นในทุกๆวัน เมื่อฟุตบอลเป็นกีฬาที่เล่นเป็นทีมเพราะฉะนั้นจังหวะปล่อยบอลคือสิ่งที่สำคัญที่จะแยกคุณจากพวกขี้เลี้ยงหรือหวงบอลไปเป็นคนที่เป็นตัวทำเกมของทีมจริงๆ และเทพเองก็ผ่านจุดนั้นมาได้ด้วยการศึกษาการเล่นของกาก้าเป็นหลัก และรวมถึงซีดอร์ฟด้วยเช่นเดียวกัน พวกผมมองซีดอร์ฟด้วยความทึ่งในความแข็งแกร่งและระดับฝีเท้าที่ไม่เคยตกลงเลยตลอดระยะเวลายาวนานที่เป็นนักเตะอาชีพมา ความสามารถในการครองบอลอยู่กับที่ ดึงจังหวะให้เพื่อนขยับทำทางนั้น ผมคิดว่าซีดอร์ฟทำได้ไม่เป็นรองใครในวงการฟุตบอลชั่วโมงนี้ บ่อยครั้งในแต่ละเกมที่ผมเห็นคู่ต่อสู้หนึ่งหรือสองคนพยายามแย่งบอลจากเท้าของกองกลางจอมเทคนิครายนี้แต่สุดท้ายก็มักจะจบลงด้วยการทำฟาลว์เพราะว่านั่นเป็นวิธีเดียวที่จะหยุดการเดินเกมหรือแย่งบอลไปจากเท้าของดาวเตะรุ่นพี่ของพวกเราคนนี้ได้ การบังบอลบวกกับทักษะของการเปลี่ยนทางอย่างรวดเร็วรวมทั้งสายตาในการมองเกม นั่นทำให้เมื่อใดก็ตามที่ซีดอร์ฟได้ลงสนามร่วมกับกาก้าแล้ว เกมรุกของเรามักจะไหลลื่นและสมดุลอย่างที่โค้ชทุกๆคนฝันถึง จังหวะพาบอลไปข้างหน้าเข้าจู่โจมของกาก้ากับจังหวะครองบอลประวิงเวลาของซีดอร์ฟทำให้เกมของพวกเรามีความหลากหลายในการเข้าทำเป็นอย่างมาก และทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทั้งสองทำ ผมและเทพก็ไม่ลืมที่จะนำมันมาเป็นทักษะของตัวเองให้สมกับโอกาสที่ได้รับในการซ้อมร่วมกับดาวเตะระดับโลกเหล่านี้ และสุดยอดนักเตะคนสุดท้ายที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมมีวันนี้ เขาคนนั้นคือปิร์โล่ ดาวเตะเท้าชั่งทองที่ผมยกให้เป็นไอดอลส่วนตัวของผมเอง ปิร์โล่เป็นนักเตะที่มีสายตาในการมองเกมเข้าขั้นอัจฉริยะ ผมพยายามเลียนแบบการวางบอลยาวของเขาซึ่งมักจะวางลึกข้ามแผงกองหลังไปลงที่เท้าของเพื่อนกองหน้าหรือเหล่าปีกซ้ายขวาได้อย่างพอดีๆเสมอ และไม่ว่าในแผงกองหน้ามีการขยับทำทางหรือตั้งท่าที่จะวิ่งทำทางแม้เพียงนิดเดียว เขามักจะเห็นและสามารถวางบอลไปในที่ว่างเหล่านั้นได้เสมอๆ สิ่งที่ผมทึ่งไม่ได้มีเพียงแค่นั้น การคลองบอลก็เต็มไปด้วยทักษะมากมายเช่นเดียวกัน ผมคิดว่าเป็นเพราะเขาเคยเล่นเป็นกองกลางตัวรุกมาก่อนในวัยเด็ก นั่นเลยทำให้ทักษะของเขามากมายไปกว่ากองกลางทั่วโลกในตำแหน่งเดียวกัน บางครั้งท่าทางของเขาอาจจะดูเชื่องช้าไม่แข็งแรงกระชับฉับไว แต่นั่นก็เป็นเหมือนกลลวงที่มักจะทำให้คู่ต่อสู้ประมาทและถูกเขาหลอกแทบจะทุกครั้งในการเผชิญหน้ากันตัวต่อตัว และแม้กระทั่งผมกับเทพก็ไม่พ้นที่จะโดนเขาหลอกเป็นประจำในการซ้อม แต่ทุกครั้งผมก็มักจะเก็บเอาทักษะเหล่านั้นมาประยุกต์ใช้กับทักษะที่ผมมีอยู่เพื่อที่วันหนึ่ง ผมจะได้เป็นนักเตะที่มีทักษะมากมายอย่างเช่นปิร์โล่บ้าง

สุดสัปดาห์ก่อนที่นัดชิง ucl จะเริ่มขึ้น ไอ้ต้นก็พบข่าวร้ายพร้อมๆกับเพื่อนร่วมทีมนั่นคือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดทำได้ดีที่สุดแค่เพียงรองแชมป์เอฟเอ คัพ เท่านั้น พวกเราทุกคนแสดงความเสียใจกับต้นและอวยพรให้ปีหน้า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดทำได้ดีกว่านี้ในถ้วยเอฟเอ คัพ แต่ด้วยการคว้าแชมป์ในลีกมาก่อนหน้านี้ก็ทำให้เหล่าปีศาจแดงไม่ได้เศร้ามากเท่าใดนัก เพราะอย่างน้อยก็มีถ้วยใบสำคัญติดมือ และผมก็หวังว่า เอซี มิลานก็คงจะมีถ้วยติดมือเช่นเดียวกันในวันพุธที่ 23 นี้ หวังว่าไอ้นัทคงจะไม่ว่าผมที่คิดอย่างนี้ เสียใจล่วงหน้านะเหล่าพลพรรคหงส์แดง

DREAM 2 บทที่ 10 เกมแห่งมิตรภาพ



ในระหว่างที่ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีกส์กำลังจะก้าวเข้าสู่โค้งสุดท้าย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอซี มิลาน ลิเวอร์พูล และเชลซี คือสี่อรหันต์ที่ยังอยู่ในเส้นทางและมีโอกาสจะเป็นผู้ชนะในการแข่งขันรายการนี้ ไอ้นัท ไอ้ต้น ผมและไอ้เทพ คือกลุ่มของพวกเราที่ยังคงมีลุ้นในรายการนี้กันอยู่ ลิเวอร์พูลของไอ้นัทเองพลาดท่าให้กับเชลซีไป 1 -0 ในการแข่งขันที่ลอนดอนในนัดแรก แต่ด้วยความสูสีของทั้งสองทีมนั่นทำให้ลิเวอร์พูลเองก็ยังมีลุ้นอยู่ในการแข่งขันนัดที่สองในบ้านของตัวเอง ผม ไอ้เทพและไอ้ต้น ต่างร่วมส่งกำลังใจเชียร์ให้ลิเวอร์พูลผ่านเชลซีให้ได้ในนัดที่สองเพราะว่าถ้ามันเป็นอย่างที่พวกเราหวัง นัดชิงชนะเลิศก็จะมีพวกเราอย่างน้อยๆสองคนในการแข่งขันสุดพิเศษของค่ำคืนนั้น มิลานของผมเองก็พลาดท่าให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2 – 3 เช่นเดียวกันในการแข่งขันนัดแรกที่อังกฤษ มิลานของเรานำไปก่อน 2 – 1 แต่ก็ดันพลาดท่าให้แมนฯยูฯแซงกลับมาชนะ 3 – 2 ได้อย่างน่าเจ็บใจ แต่อย่างไรก็ดีสองประตูที่เรายิงได้ในการเป็นทีมเยือนก็ทำให้อันเชล็อตติค่อนข้างจะพอใจมากไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว และนอกจากนั้นพวกเราทุกคนก็ยังเชื่อว่าพวกเราสามารถเอาชนะปีศาจแดงแห่งอังกฤษทีมนี้ได้มากกว่าหนึ่งประตูอย่างแน่นอน

ในขณะที่การแข่งขันระดับยุโรปดำเนินไป การแข่งขันลีกในระดับชาติก็งวดเข้ามาทุกขณะ มิลานของเราเองดูจะลำบากในการที่จะลุ้นแชมป์กับอินเตอร์และโรม่าที่ดูจะพร้อมกว่าพวกเรามาก อีกทั้งสองทีมดังกล่าวก็ไม่ต้องมาเหนื่อยในถ้วยยุโรปอย่างมิลานของพวกเรา นั่นทำให้อันเชล็อตติค่อนข้างจะเน้นในถ้วยยุโรปมากกว่าการแข่งขันในประเทศแล้วในขณะนี้ ข้ามไปที่ลาลีกา สเปน ตั๊กเองก็กำลังพาบาร์เซโลน่าเบียดลุ้นแย่งแชมป์กับรีล มาดริดและเซบีญ่าอย่างสูสีคู่คี่และดูว่าจะลุ้นกันไปสามทีมจนกระทั่งนัดสุดท้ายเลยทีเดียว บาร์เซโลน่านั้นเป็นแชมป์เก่าในปีที่แล้วและก็ต้องการอย่างยิ่งที่จะป้องกันแชมป์ในปีนี้ให้ได้แต่รีล มาดริดที่มีฟาน นิสเตยรอยที่กระหน่ำประตูได้แทบจะทุกนัดก็คงจะไม่ยอมให้บาร์ซ่าทำสำเร็จง่ายๆอย่างแน่นอน อีกหนึ่งลีกที่มีการลุ้นแชมป์ที่สนุกและสูสีเป็นอย่างยิ่งก็คือพรีเมียร์ลีกของอังกฤษ แมนฯยูฯของไอ้ต้นกำลังเบียดลุ้นกับเชลซีได้อย่างสนุกสุดมันเลยทีเดียว แต่เป็นที่น่าเสียดายสำหรับพวกเราอย่างยิ่งก็คือลิเวอร์พูลของนัทไม่สามารถจะทำมาตรฐานให้สูงพอสำหรับการลุ้นแชมป์ปีนี้ได้ แต่ดูแล้วยังไงเบนิเตซก็คงจะไม่ปล่อยให้อันดับแย่กว่าอันดับ 4 อย่างแน่นอน และในส่วนของบุนเดสลีกาก็มีการลุ้นแชมป์ที่สูสีเช่นเดียวกันเสียแต่ว่าการเปลี่ยนโค้ชของบาเยิร์น มิวนิคดูจะไม่ใช่เรื่องที่ดีสักเท่าไร เพราะว่าอันดับในตารางและคะแนนที่ตามหลังทีมในกลุ่มลุ้นแชมป์อยู่มากพอสมควรนั่นทำให้ปีนี้อาจจะเป็นปีที่แย่ที่สุดปีนึงของเหล่าสาวกเสือใต้ก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นถ้ามองกันถึงภาพรวมในลีกแล้ว ไอ้ต้นและไอ้ตั๊กดูจะเป็นสองคนที่มีลุ้นจะได้สัมผัสความสำเร็จครั้งแรกในการค้าแข้งในยุโรปมากกว่าพวกเราทุกคน ผมเองเป็นกำลังใจให้ทั้งสองคนประสบความสำเร็จในการแข่งขันฟุตบอลลีก แต่สำหรับไอ้ต้นแล้ว การชิงชัยเพื่อเป็นเจ้ายุโรปนั้นผมไม่มีทางยอมให้กับมันเป็นแน่ ไอ้เทพเองก็คงจะคิดเหมือนผมเช่นกัน

แฟนบอลในซานซิโร่วันนี้เข้ามาเต็มความจุจนแทบจะล้นทะลัก การเข้ามาถึงรอบรองชนะเลิศใน ucl ภายใต้การคุมทีมของอันเชล็อตติอาจจะไม่ใช่ครั้งแรก แต่แฟนบอลรอสโซเนรี่เองก็ยังคงตื่นเต้นกับมันอยู่ไม่ใช่น้อย ด้วยประตูทีมเยือนสองลูกที่เราได้กลับมาจากโอลด์ แทรฟฟอร์ด นั่นทำให้ทั้งแฟนบอลและนักเตะไม่มีใครคิดว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของมิลานในถ้วยใบใหญ่ของยุโรปในปีนี้ ผมเองตื่นเต้นมากที่ได้รู้ว่าวันนี้ตัวเองจะได้มีโอกาสเป็นตัวจริงพร้อมกับไอ้เทพในเกมระดับนี้ มิลานลงสนาม 11 คนแรกด้วยดิด้าเป็นนายทวาร กองหลังจากซ้ายไปขวาประกอบไปด้วยแยนคูลอฟสกี้ มัลดินี่ เนสต้า อ็อดโด้ กองกลางยังคงมีห้าคนเหมือนเดิมคือ ปิร์โล่ กัตตูโซ่ กาก้า ผม และไอ้เทพ ส่วนกองหน้าตัวเดียวก็ยังคงเป็นอินซากี้ที่เป็นผู้ยิงประตูเอาชนะเสือใต้จากเยอรมันมาได้ในรอบที่แล้ว ในส่วนของทีมเยือนจากอังกฤษดูจะไม่พร้อมเต็มที่สักทีเดียว นายทวารยังคงเป็นฟานเดอร์ซาร์ แต่กองหลังสี่คนกลับประกอบด้วย โอเชีย บราวน์ วิดิชและไฮน์เซ่ แต่เฟอร์กูสันก็ปกปิดรอยแผลของกองหลังด้วยการส่งกองกลางห้าตัวลงมาปิดการทำเกมของเรา ซึ่งทั้งห้าตัวนั้นประกอบด้วยเฟล็ตเชอร์ คาร์ริค สโคลส์ โรนัลโด้ และไอ้ต้น ต้นเองถูกเปลี่ยนตำแหน่งให้ลงมาเล่นทางริมเส้นเพราะว่ามันเป็นนักเตะที่มีความเร็วมากพอที่จะฉีกกองหลังในยุโรปได้สบายๆ แต่ความแข็งแกร่งยังไม่สามารถจะปะทะกับกองหลังยุโรปได้มากนัก และกองหน้าที่เฟอร์กี้คิดว่าน่าจะทำได้ดีกว่าไอ้ต้นก็คือรูนี่ย์ที่ลงมาเป็นหน้าเป้าตัวเดียวในวันนี้ของปีศาจแดงนั่นเอง เกมเริ่มต้นด้วยการทำเกมบุกของพวกเราใส่ผู้มาเยือนจากอังกฤษ อันเชล็อตติให้ผมยืนสูงกว่าปิร์โล่เล็กน้อยเพื่อประสานงานกับกาก้าและเทพบริเวณ 40 หลาหน้าเขตโทษ ส่วนงานของกัตตูโซ่ในวันนี้คือคอยปิดการโต้กลับของทั้งโรนัลโด้และต้นในบางโอกาส พวกเราทำเกมบุกกันอย่างมุ่งมั่นแต่ก็ระมัดระวังไม่ให้เสียบอลในจังหวะกำลังทำเกมรุกเพราะว่าความเร็วของปีกสองข้างของยูไนเต็ดนั้นค่อนข้างน่ากลัวทีเดียว และหลังจากบดอยู่พักใหญ่เพียงนาทีที่ 11 ความหวังของชาวรอสโซเนรี่ก็สว่างเรืองรองขึ้นมาจนได้เมื่อเกมรุกของพวกเราเป็นผลอย่างรวดเร็ว ปิร์โล่รับบอลจากแดนหลังขึ้นมาทำเกมตามสไตล์ถนัดของเขาแต่ไม่ทันได้ครองบอลนานนักเจ้าหนุ่มเฟล็ตเชอร์เพื่อนซี้ของไอ้ต้นก็เข้ามาหมายจะตัดบอลจากปิร์โล่ให้ได้อย่างทันท่วงที เมื่อปิร์โล่กำลังจะถูกกดดันผมจึงขยับตัวเข้าไปเรียกบอลจากมิดฟิลด์เท้าชั่งทองรุ่นพี่เพื่อไม่ให้เราเสียบอลในเกมบุกอย่างที่พวกเราทุกคนกลัวกันอยู่ ผมรับบอลพร้อมทั้งชิ่งหนึ่ง-สองกับเทพผ่านการป้องกันของสโคลส์ไปเผชิญหน้าคาร์ริคที่ยังคงยืนอยู่หน้าแผงหลังเพื่อช่วยป้องกันเกมรับให้กับปีศาจแดง ผมสละหน้าที่การดวลตัวต่อตัวให้กับไอ้เทพโดยปล่อยบอลให้กับมันไปเผชิญหน้ากับคาร์ริคอย่างที่มันถนัดและไอ้เทพก็ไม่ทำให้ผมผิดหวังด้วยการดึงจังหวะให้คาร์ริคเข้ามาจู่โจมก่อนแตะบอลหนีออกทางขวาของตัวเองพร้อมทั้งกระชากเข้าใกล้เขตโทษมากขึ้นโดยมีกาก้ายืนรออยู่เยื้องไปทางซ้ายของมันเล็กน้อยอีกทั้งอินซากี้เองก็วิ่งหาพื้นที่อยู่ในเขตโทษตามสไตล์ถนัดของตัวเอง เวส บราวน์เห็นท่าไม่ดีจึงขยับตัวเข้ามาปิดทางไม่ให้เทพไปไกลกว่านี้ได้อีกในการบุกครั้งนี้ เทพเองเห็นว่ากาก้ายืนอยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่าตัวเองจึงไม่ดันทุรังเลี้ยงไปเผชิญหน้ากับบราวน์อย่างที่มันมักจะทำในการแข่งขันอยู่เสมอแต่ครั้งนี้มันเลือกผ่านบอลขนานเขตโทษไปหากาก้าที่ยืนรออยู่โดยไม่มีนักเตะแมนฯยูฯคนใดประกบอยู่ราวกับว่าไม่รู้จักพิษสงของกาก้าเสียอย่างนั้น และถึงแม้กองกลางทั้งสามคนของแมนฯยูฯกำลังจะวิ่งกลับมาช่วยเกมรับ แต่นั่นก็ไม่ทันกับสมองของเพลย์เมกเกอร์หนุ่มจากบราซิลผู้นี้เสียแล้ว เขาบรรจงยิงไกลในจังหวะแรกที่บอลมาถึงและส่งบอลเสียบเสาขวามือของฟานเดอซาร์ในชนิดที่นายทวารฮอลแลนด์ไม่ได้ขยับตัวเลยแม้แต่น้อย สกอร์เพียง 1 – 0 ก็เพียงพอแล้วต่อการเข้ารอบของพวกเรา แต่ใครล่ะจะรู้ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในเกมในอีก 80 นาทีที่เหลือ แต่ถึงอย่างไรการขึ้นนำก็ย่อมดีกว่าการถูกยิงไปก่อนแน่ๆหรือว่าคุณว่าไม่จริง

ถึงแม้ว่าเราจะเป็นฝ่ายได้ประตูนำไปก่อนแต่ปีศาจแดงจากเกาะอังกฤษก็ไม่ได้ท้อถอยแต่อย่างใดเพราะพวกเขารู้ดีว่าเพียงแค่ผลเสมอก็จะเพียงพอที่พวกเขาจะสามารถผ่านเข้าไปในรอบชิงชนะเลิศได้ และด้วยความมุ่งมั่นเหล่านั้นนั่นทำให้แบ็คสองข้างของพวกเราต้องทำงานหนักอยู่แทบจะตลอดเวลา ทั้งในการเติมเกมรุกเพื่อให้เกมริมเส้นสมดุลขึ้น อีกทั้งยังต้องคอยหยุดโรนัลโด้และไอ้ต้น ที่คอยปั่นป่วนสลับฝั่งไปมากันอยู่ราวกับไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย และในนาที 20 เจ้าหนุ่มโรนัลโด้จากโปรตุเกสก็พาบอลหนีการตามไล่ล่าของกัตตูโซ่มาได้อย่างน่าทึ่ง และในขณะที่ผมกำลังจะเข้าไปปะทะเพื่อหยุดการเคลื่อนที่ที่กำลังคุกคามแผงหลังของเราอยู่นั้น ปีกโปรตุเกสตัดสินใจไขว้ตบบอลด้วยข้างเท้าด้านในเพื่อเปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็วก่อนที่ผมจะทันได้เข้าประกบ หลังจากโชว์ทักษะเรียบร้อยแล้วเขาจึงปล่อยบอลไปให้กับคาร์ริคที่รอบอลอยู่ตรงกลางสนามเพื่อที่จะเปลี่ยนการขึ้นเกมไปที่อีกฝั่ง คาร์ริคไม่ยอมจ่ายออกไปทางขวาของตัวเองให้กับไอ้ต้นที่ว่างอยู่แต่กลับดึงจังหวะไว้ราวกับจะรออะไรบางอย่าง ปิร์โล่ตัดสินใจเข้าจู่โจมคู่ต่อสู้ทันทีเมื่อเห็นว่าน่าจะเป็นจังหวะที่ได้เปรียบ แต่แล้วเสี้ยววินาทีนั้นผมก็เหลือบไปเห็นไอ้ต้นกำลังออกวิ่งอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะพุ่งเข้าไปในเขตโทษ แยนคูลอฟสกี้ก็เห็นการเคลื่อนที่นั้นพร้อมๆกับผมแต่กว่าจะกลับตัวไปไล่ตามไอ้ต้น บอลยาวจากคาร์ริคก็ถูกวางเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้ายของเราเรียบร้อยแล้ว ไอ้ต้นฉีกตัวไปรับบอลได้ก่อนแยนคูลอฟสกี้อย่างง่ายดายราวกับฉีกกระดาษก่อนที่จะมองเข้ามาตรงกลางซึ่งที่ตรงนั้นมีรูนีย์รอปิดบัญชีอยู่อย่างเลือดเย็น มัลดินี่รีบวิ่งเข้าไปเพื่อที่บล็อคการเปิดบอลเข้ากลางของไอ้ต้นแต่ด้วยความประมาทของมัลดินี่ที่จะรีบเข้าไปแย่ง นั่นเปิดโอกาสให้ไอ้ต้นล็อคบอลหลบการเข้าพรวจของมัลดินี่อย่างง่ายดายพร้อมทั้งสับไกด้วยเท้าซ้ายข้างไม่ถนัดแต่บอลก็ยังดีพอที่จะวิ่งเข้าไปสู่เสาแรกได้อย่างที่พวกเราไม่ทันจะคาดคิด แต่ทันใดนั้น เงาร่างสีดำทะมึนที่เป็นดังเทพพิทักษ์หน้าประตูของเรามาอย่างช้านานก็ยังทำหน้าที่ปกปักษ์รักษาประตูให้กับพวกเราได้อย่างน่าทึ่งเช่นเคย ดิด้าบินมาจากกลางประตูพร้อมทั้งชกบอลของไอ้ต้นออกไปได้ท่ามกลางการกลั้นหายใจลุ้นของพวกเราทั้งสนาม และหลังจากจังหวะนี้ผ่านไป พวกเราก็ตระหนักเป็นอย่างดีว่าเราจะประมาทปีศาจแดงแห่งเกาะอังกฤษไม่ได้เลยสักนิด

หลังจากเราถูกคุกคามอยู่สักระยะเราก็กลับสู่เกมของเราได้อีกครั้งอย่างมั่นคง และเพียงนาทีที่ 30 เกมบุกของเราก็ทำงานของมันอีกครั้ง ปิร์โล่กับผมส่งบอลจังหวะเดียวกันอยู่กลางสนามเพื่อรอจังหวะที่จะเข้าจู่โจมแต่ว่ากองกลางและกองหลังของทีมเยือนยังคงป้องกันได้อย่างหนาแน่นทำให้เราไม่สามารถหาช่องว่างเจาะได้แต่อย่างใด กาก้าเองเริ่มอึดอัดจึงถอยตัวเองลงมารับบอลพร้อมกับมีเฟลตเชอร์วิ่งตามมาด้วยอย่างที่เฟอร์กูสันต้องการ กาก้ารับบอลจากผมและกระชากขึ้นผ่านเส้นกลางสนามพร้อมทั้งหนีเฟลตเชอร์ที่ยังคงตามไล่ล่า สักพักสโคลส์ก็มาร่วมวงกินโต๊ะกาก้ากันอย่างสนุกสนานด้วยอีกคน แต่กาก้าเองยังคงมั่นใจในการครองบอลของตัวเองและพาคาร์ริคมาร่วมด้วยอีกคนอย่างที่เขาตั้งใจ กองกลางทั้งสามคนของแมนยูสูญเสียตำแหน่งของตัวเองเพราะคิดว่าจะสามารถหยุดกาก้าได้ในคราวเดียว แต่แล้วเพียงเสี้ยววินาทีกาก้าก็ฉวยโอกาสส่งบอลให้กับเทพซึ่งขณะนี้ยืนโล่งๆอยู่คนเดียวบริเวณ 30 หลาหน้ากรอบเขตโทษ เทพเงยหน้ามองตำแหน่งของฟานเดอซาร์ก่อนที่จะกระชากบอลขึ้นหน้าและเตรียมที่จะสับไก วิดิชทิ้งอินซากี้ที่เป็นตัวประกบพร้อมทั้งวิ่งเข้ามาเพื่อจะเสียบสกัดเทพให้ได้ก่อนที่เทพจะส่งบอลออกไปจากเท้า แต่คราวนี้วิดิชช้าเกินไป เทพยิงบอลสุดแรงเกิดไปสู่สามเหลี่ยมประตูฝั่งขวามือของฟานเดอซาร์ และแม้แต่นายทวารร่างโย่งผู้นี้ก็ไม่สามารถหยุดลูกยิงลูกนี้ลงได้ และ 45 นาทีแรกก็เป็นดัง 45 นาทีในฝันของพวกเราเลยทีเดียว

เมื่อนกหวีดครึ่งหลังเริ่มขึ้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดโหมบุกใส่พวกเราอย่างเต็มกำลัง เพราะลำพังการพ่ายแพ้ 2 – 1 นั้นไม่เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาผ่านเข้ารอบต่อไปได้ ผลเสมอหรือชนะเท่านั้นที่พวกเขาต้องการ นั่นหมายถึงต้องมีอย่างน้อย 2 ประตูเกิดขึ้นจึงจะพลิกให้โอกาสกลับกลายเป็นของพวกเขาได้ กัตตูโซ่ยังคงทำหน้าที่ของเขาอย่างเต็มที่ในการช่วยอ็อดโด้หยุดโรนัลโด้ให้ได้ในจังหวะเกมรุกริมเส้น และด้วยความที่อันเชลอตติเทความสนใจมาที่โรนัลโด้มากกว่านั่นทำให้ในเกมนี้ คนที่เหนื่อยที่สุดน่าจะเป็นแยนคูลอฟสกี้ที่ถูกไอ้ต้นเล่นงานอยู่ตลอดเวลานั่นเอง แต่ด้วยความเก๋าเกมของมัลดินี่ที่เข้าไปช่วยประคองอยู่ตลอดก็ทำให้สถานการณ์ของเกมรับฝั่งซ้ายของเราไม่ถูกกดดันมากจนเกินไปนัก เกมครึ่งหลังค่อยๆผ่านไปพร้อมกับความมุ่งมั่นของทีมเยือนที่น้อยลงไปตามเวลาที่เหลือ จนแล้วจนรอดผ่านนาทีที่ 70 ประตูแรกของทีมเยือนที่จะเป็นตัวพลิกสถานการณ์ทั้งหมดก็ยังคงไม่เกิด และแล้วความหวังของทีมเยือนก็หมดไปอย่างสิ้นเชิงเมื่ออินซากี้ทำหน้าที่ของเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบเมื่อรับลูกจ่ายจากผมและควบเข้าไปสังหารฟานเดอซาร์อย่างเลือดเย็น 3 – 0 คือสกอร์ที่เป็นอยู่ตอนนี้ และจนกระทั่งจบเกมก็ไม่มีใครสามารถทำอะไรเพิ่มได้อีก นัดชิงชนะเลิศครั้งแรกของผมกับเทพกำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า และที่สำคัญที่สุดพรุ่งนี้เราจะได้รู้กันว่า ไอ้นัทจะเป็นอีกหนึ่งคนในกลุ่มของพวกเราหรือเปล่าที่จะได้เข้ามาโชว์ฝีเท้าในนัดชิงประวัติศาสตร์ของพวกเราครั้งนี้ด้วย

“ทีมมึงระบบทีมดีกว่าว่ะปีนี้ ทีมกูยังเล่นคนเดียวกันมากเกินไป” ต้นพูด “ก็เป็นไปได้นะ ขาดโรนัลโด้ไปกูว่าลำบากนะ” ผมพูด “ก็จริงๆ มันแทบจะเล่นอยู่คนเดียว แต่ปีหน้าน่าจะดีขึ้นว่ะ” ต้นพูด “แล้วปีหน้าก็มาเจอกันในถ้วยนี้อีกทีโว้ย ปีนี้เชียร์พวกกูไปก่อน” เทพพูด “เออได้ แลกเสื้อกันมา ใครก็ได้พวกมึงเอามาตัวนึง” เทพชวนพวกผมแลกเสื้ออย่างที่เราเห็นกันในทีวีเป็นประจำ “กูแลกกับมึงเอง” เทพพูดพลางถอดเสื้อให้กับไอ้ต้นอย่างที่มันต้องการ “แล้วเดี๋ยวคุยกันอีกทีว่ะ ว่าจะนัดกินข้าวกันบ้าง ตั้งแต่มาอยู่ยุโรปยังไม่เคยเจอกันครบๆเลย” ต้นพูด “กูจัดการนัดให้เอง แล้วรอโทรศัพท์กูละกัน ดีใจที่ได้เจอกันในสนามนะโว้ย เชียร์กูด้วย” ผมพูด “เออเดี๋ยวกูเชียร์ ปีหน้าทีกูบ้างล่ะคราวนี้ ไปล่ะโว้ย เดี๋ยวเจอกัน” ต้นพูดพร้อมวิ่งตามเพื่อนเข้าสู่อุโมงค์เพื่อไปอาบน้ำในห้องพัก และเราหวังว่าปีหน้าเราคงได้พบกันในถ้วยใบนี้อีกครั้งซึ่งไม่ว่าผลการแข่งขันจะเป็นอย่างไรพวกเราก็จะเป็นกำลังใจให้กันอยู่เสมอ

วันรุ่งขึ้นหลังจากทราบผลการแข่งขันของรอบรองชนะเลิศอีกคู่หนึ่งเรียบร้อยแล้ว ผมส่งข้อความนัดหมายถึงเพื่อนๆทุกคนให้มาพบกันที่มิลานเพื่อกินข้าวและพบปะกันอย่างครบทีมอีกครั้งหลังจากที่ไม่เคยได้ทำแบบนี้เลยตั้งแต่ย้ายมาค้าแข้งที่ยุโรปเป็นต้นมา และหัวข้อสนทนาในวันนั้นคงหนีไม่พ้นการเข้าชิง UCL กันระหว่างผมกับไอ้เทพและไอ้นัท ซึ่งเอาชนะจุดโทษเชลซีมาได้อย่างน่าตื่นเต้นหลังจากรวมผลสองนัดแล้วเสมอกันไปด้วยสกอร์ 1 – 1 ไอ้นัทเองดีใจเป็นอย่างมากและโทรมาหาผมกับไอ้เทพทันทีที่ทำได้ พวกเราดีใจซึ่งกันและกันที่ได้เข้าชิงชนะเลิศโดยไม่ได้คิดเลยว่า เมื่อวันแห่งการชิงชัยมาถึง เสื้อที่เราจะใส่มันจะเป็นคนละสีกันอย่างที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ไม่ว่าผลการแข่งขันจะจบลงอย่างไร ชัยชนะหรือความพ่ายแพ้ก็ไม่อาจจะทำลายความสัมพันธ์ของพวกเราลงได้อย่างแน่นอน