วันศุกร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2553

รวมเล่ม 16.1 (บุคคลสำคัญ) ยาม เมืองใจ ใจตุ้ย

1. ยาม เมืองใจ ใจตุ้ย รักษาความปลอดภัยในอาคารของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งริมถนนพหลโยธิน “ผมไม่อายนะ ผมไม่ได้ขอใครกิน ผมบอกอย่างนี้ ชีวิตคือชีวิต ความจริงคือความจริง ผมโกหกใครไม่เป็น”


นั่งคนเดียวเปล่าเปลี่ยวในป้อมน้อย
เฝ้ารอคอยคนต่อกะจะมาถึง
ออกเวรเช้ากลับที่พักสักครู่นึง
พอเย็นจึงออกมารับกลับเข้าเวร
ใช้ชีวิตยามค่ำคืนอยู่เสมอ
ไม่ได้เจองานง่ายอย่างใครเห็น
ต้องต่อสู้กับความเหงาหนึ่งประเด็น
อีกความง่วงไม่เคยเว้นโถมโจมตี

ในช่วงเวลาค่ำคืนของมหานครซึ่งอาจจะเคยหลับใหลแต่มิได้เคยหลับลึกอย่างกรุงเทพมหานครนั้น มีผู้คนมากมายที่กำลังหลับตาพักผ่อนอยู่บนเตียงนอนอันแสนนุ่มและเช่นกันยังมีผู้คนอีกมากมายที่ออกแสวงหาความสุขในยามค่ำคืนเปรียบราวกับว่าวันนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่โลกนี้จะมีท้องฟ้าในยามค่ำคืน
แต่ในขณะที่คนส่วนใหญ่กำลังพักผ่อนและหาความสุขอยู่ ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่กำลังทำในสิ่งที่ห่างไกลจากทั้งสองอย่างนั้นอยู่อย่างไม่อาจเปรียบเทียบได้ ชายผู้สวมบทบาทหน้าที่ของสุภาพบุรุษผู้เป็นดังเครื่องการันตีความปลอดภัยให้กับผู้คนในทุกสถานที่ไล่ตั้งแต่คอนโดมิเนียมหรู หมู่บ้านไฮโซหรือแม้กระทั่งแฟลตแออัด โดยที่พวกเขาไม่เคยได้รับลาภยศหรือศักดินาใดๆมีเพียงชุดเครื่องแบบกับกระบองคู่ใจที่ไว้ต่อสู้กับความเหงาและความง่วงในยามค่ำคืนเช่นนี้
ไม่ว่าพวกคุณจะเรียกเขาว่าอะไร แต่เชื่อเถอะว่าในชีวิตหนึ่งของคุณ ต้องเคยมีสักครั้งที่ได้มอบความไว้วางใจให้พวกเขาดูแลความปลอดภัยในช่วงค่ำคืนให้กับคุณแน่นอน

แนะนำตัวหน่อยครับ
เมืองใจ ใจตุ้ย
ปีนี้ลุงอายุเท่าไรแล้วครับ
55 แล้วปีนี้
ลุงคนที่ไหนครับ
คนลำปางครับ
และเข้ามากรุงเทพตั้งแต่เมื่อไร
เข้ามาตั้งแต่อายุ 15 แล้ว
ลุงทำงานเป็นยามมาตั้งแต่แรกเลยหรือเปล่าครับ หรือตอนเข้ามากรุงเทพครั้งแรกทำงานอะไรครับ เล่าให้ฟังหน่อย
สมัยก่อนเป็นช่างปะยาง ทำจนตั้งร้านเองล่ะ เป็นลูกน้องเค้าก่อน พอเก่งก็ทำจนมาตั้งร้านเอง
ทำอยู่แถวไหนครับ
แถวราชวัตร หลังสถานีสามเสน เช่าปั๊มเค้าอยู่ ทำไปทำมาก็ย้ายจากทำเลดีๆไปอยู่ข้างใน ทีนี้คนมองไม่เห็น ลูกค้าก็หายหมด
ทำไมย้ายล่ะครับ
สมัยนั้นผมเช่าปั๊มแพงนะ เค้าเช่ากัน 300 – 400 ผมเช่า 1000 กว่า สมัยนั้นข้าวแกงจานละ 2 บาทนะ แพง แพงมากอยู่ไม่ไหว งานก็น้อย ไม่มีเงินจ่ายลูกน้อง
ตอนนั้นอายุเท่าไรครับ
18 เอง พอเลิกไปก็กลับลำปาง ไปช่วยพ่อแม่ค้าขาย อยู่ไม่ถึงปี ก็กลับมากรุงเทพ มาขับแท็กซี่
โทษครับ ลุงเรียนจบชั้นไหนครับผม
ป.4 สมัยนั้น พ่อแม่ไม่มีเงินส่ง ส่วนใหญ่ก็ออกมาช่วยทำไร่ ทำสวน ค้าขาย
ลุงคิดจะเข้ากรุงเทพตั้งแต่แรกเลยหรือเปล่าครับ ไม่คิดจะทำงานที่ลำปางเลย
ลุงเข้ามาแต่เด็กเลย แทบไม่ได้อยู่เหนือ ลุงมีญาติอยู่กรุงเทพ แต่ตอนนี้ก็แยกย้ายกันไปหมด ตอนนั้นลุงมากับเพื่อน 2 คน มาก็มาหางานทำในปั๊ม เป็นเด็กล้างรถ ถ้าตอนนั้นทำเลดี ป่านนี้ลุงรวย ถ้าตั้งร้านขายยาง มีเงินเป็นพันล้านแล้ว แต่สมัยก่อนเที่ยวผู้หญิง เที่ยวจนติด ที่ไหนเค้าว่าดีเราก็ไป
สมัยนั้นไม่มีแฟนเหรอครับ
มีก็ทิ้ง ได้ก็ทิ้ง
ขับแท็กซี่เป็นไงครับ
สมัยนั้นก็ยังไม่มีมิเตอร์ เหมาๆกันอยู่ คนเรียก 2 – 3 ชั่วโมง ไม่ได้ไป ไกลๆแท็กซี่ก็ไม่ไป เรียกถูกก็ไม่ไป ขับมาได้ 2 – 3 ปี ก็เลิก ค่าเช่าตอนนั้น 150 – 200 กะเดียว สมัยนั้นก๋วยเตี๋ยว 2 บาทนะ
ขับไม่ไหวแล้วทำไรต่อครับ
ไปหาขับรถตามบริษัท รถเจ้านาย แต่ไม่รุ่ง เจ้านายไม่ดีก็ออก เปลี่ยนงานบ่อย ไปหลายบริษัท พอขับรถไม่ดีก็ออกมาขายลาบ น้ำตก กลางวันขับรถ กลางคืนขายลาบ เห็นเค้าทำก็ดูๆเค้าทำ เป็นเจ้าของเองดีกว่าเป็นลูกน้องเค้า
ขายอยู่คลองเตย พอเค้าเลิกสลัมสร้างคอนโด เค้าก็ไล่ที่เราก็ต้องเลิก พอไม่ดีก็หาที่ใหม่ไปขายแถวพระโขนง ขายไปขายมาก็ไม่ดีก็เลิก พอดีมีญาติเมียขายบะหมี่เกี๊ยวแถวอ้อมน้อย เราก็ไปดูมาขายที่พระโขนงบ้าง ตอนแรกทำไม่เป็นโดนลูกค้าด่า ลวกเส้นไม่เป็นบ้างอะไรบ้าง พอทำไปเรื่อยๆมันก็ดี พอเก่งก็ขายพอได้
ขายกับเมียหรือเปล่าครับ
ตอนนั้นได้เมียคนที่อยู่ปัจจุบันนี้แล้ว ลุงขายคนเดียว เมียเลี้ยงลูก เมียผมก็เลี้ยงลูกอย่างเดียว เมียผมผมไม่ให้ทำงาน ทุกวันนี้เมียผมก็ไม่ได้ทำงาน ให้ผมลำบากคนเดียวดีกว่า
ส่วนใหญ่ลุงจะเป็นเจ้าของร้านนะ ไม่ค่อยเป็นลูกน้องใคร
ผมไม่ค่อยเป็นลูกจ้าง ใช้ชีวิตให้ฉลาด ตอนนั้นขายที่พระโขนงได้กำไรวันละ 1000-2000 เมื่อ 20 ปีที่แล้ว เช่าแฟลตอยู่แถวนั้นมีลูกแล้วด้วย ผมอยู่สลัมไม่เป็นมันสกปรก ตอนนั้นผมก็ประมาณ 30 ปีแล้ว ขาย 11 โมงถึงบ่ายสองก็หมดแล้ว ตอนนั้นที่เช่าแฟลตเดือนละ 3000 บาท ขายวันสองวันก็ได้ค่าแฟลตแล้วตอนนั้น ช่วงนั้นเก็บเงินได้ 2 – 3 แสน ปลูกบ้านที่ศรีสะเกษได้หลังนึง ใช้ที่ที่บ้านพ่อแม่เมีย สุดท้ายขายบะหมี่ก็เริ่มตก ได้กำไรวันละ 100 – 200 ก็เลิก ไม่ไหว กลับไปอยู่ศรีสะเกษ ไปขายก๋วยเตี๋ยว ขายขนมจีนหน้าบ้านเรา บ้านไม่เช่า ข้าวไม่ซื้อ พอลูกโต เราไม่มีเงินส่งลูกเรียน เราก็หนีเข้ามากรุงเทพอีก มาเป็นยามนี่ล่ะ ก็ส่งลูกเรียนได้นะ เรามาทำที่นี่มันประหยัดในตัว ส่งลูกเรียนจนจบปริญญาได้ เมียก็อยู่บ้านนอกเลี้ยงลูกอีกสองคน เข้ากรุงเทพมาเป็นยามตอน 48 ลูกคนโตตอนนี้ก็ 25 แล้ว คนกลาง 19
แล้วเมียคนนี้ลุงเจอที่ไหนครับ
เจอที่พระโขนงนี่ล่ะ ลุงขับแท็กซี่อยู่แถวนี้ สาวๆมาติดเยอะ ผมก็ไม่ค่อยได้สนใจผู้หญิงคนนี้เท่าไร ผมก็เที่ยวตามประสาผม ตอนนั้นผมก็คิดว่าใครดีใครได้ละกัน เพราะผมมีเมียเยอะ เอาทิ้งๆ ไม่ใช่เนื้อคู่
กลับบ้านบ่อยหรือเปล่าครับ
ปีหนึ่งกลับที บางปีก็ไมได้กลับ นี่ก็ปีกว่าแล้วไม่ได้กลับ ลูกชายมาทำงานอยู่งามวงศ์วานนี่
แล้วไม่คิดถึงบ้านเหรอ
ก็เราก็ต้องทำใจ และทางบ้านก็ต้องเข้าใจด้วย เราทำเพื่อลูก เราอายุมากแล้ว ไม่ได้ดิ้นรนไปไหน ทำอย่างนี้งานก็สบายดี
ลูกคนกลางเป็นอย่างไรบ้างครับ
ขึ้น ม.6 คนนี้ลูกผู้หญิง เรียนเก่งกว่าคนพี่ ได้เกรดสี่ตลอด แต่ดีอย่างเสียอย่าง มันไม่ค่อยพูดกับใคร อยู่บ้านอ่านหนังสือไม่ค่อยสุงสิงใคร มันติดหนังสือ ใครชวนไปไหนไม่ไป
คนเล็กล่ะครับ
คนเล็กนี่ยังอนุบาลอยู่เลย คนเล็กนี่ผมมากรุงเทพ มันกลัวผมนอกใจ เลยปล่อยท้องลูกคนเล็ก มันไม่ไว้ใจผม ประวัติผมไม่ค่อยดี มีเมียเยอะ ผมบอกคิดอย่างนี้ก็ไม่ต้องอยู่ด้วยกัน ไม่ไว้ใจกัน ให้เลิกรากันไป ให้มันไปมีผัวใหม่ มันก็ไม่เอา
เมียอายุเท่าไรแล้วครับ
ไม่ถึง 40 เลย ผมได้เค้าตั้งแต่ 18 ตอนนั้นผม 30 กว่าแล้ว
ลุงน่าจะกลัวเค้ามีคนใหม่มากกว่านะ
ผมไม่ค่อยง้อผู้หญิงนะนิสัยผม และไม่ขอเงินผู้หญิงด้วย ทุกวันนี้ก็ไม่ให้เค้าทำงาน เราส่งเงินไปให้
ตอนแรกที่เข้ากรุงเทพ จะหาเงินส่งลูกเรียน ลุงตั้งใจมาเป็นยามเลยหรือเปล่า
ใช่ ตั้งใจเพราะเราไม่มีทุน ตั้งใจมาเป็นยามเก็บเงินสักพัก เพื่อเป็นทุนไปค้าขายต่อ ตอนแรกเข้ามาผมขายก๋วยเตี๋ยวก่อนนะ แถวบางโพ แต่มันไม่ดี ผมเดินหางานมาเรื่อยๆมาเจอบริษัท รปภ ก็เลยมาทำ แต่ตอนนี้คิดว่าถ้าเก็บเงินได้ 2 – 3 แสน จะขายข้าวขาหมูหรือบะหมี่เกี๊ยว ที่ห้าง ถ้าเกียกกายสร้างห้างขึ้นมาผมจะขาย เพราะเกียกกายเค้าจะทำรัฐสภา และทำสะพานข้ามแม่น้ำ ผมก็ดูว่าน่าจะมีทำเล น่าจะขายได้ กำลังเก็บเงินอยู่
ตอนแรกเค้าให้เลือกหรือเปล่าว่าเป็นยามกะดึก
ก็ให้เลือก เราอายุมากแล้วก็อยู่กลางคืนดีกว่า กลางวันเค้าก็โชว์เด็กๆไปจะได้ดูแข็งแรง แต่เราก็ชอบกลางคืนมากกว่ากลางวันเรื่องมาก เจ้านายก็เยอะ มีแต่คนกวนใจ
แล้วไม่ง่วงเหรอครับ
ก็มีบ้าง ก็งีบๆไป ลุงเข้าดึกตลอดก็ชิน กลางวันก็ไปนอน ลุงอยู่ตั้งแต่ทุ่มถึงเจ็ดโมง กลับไปก็นอนตื่นสักบ่ายสาม
สุขภาพมีปัญหาบ้างหรือเปล่าครับ
ไม่ค่อยมีปัญหานะ ผมกินข้าวสามเวลา กลัวโรคกระเพาะ เช้ากลับไปถึงก็กินเลย ดึกๆก็กินโอวัลตินอะไรบ้าง ขนมก็มีกิน พนักงานให้บ้างอะไรบ้าง นายเค้าให้มาบ้าง อากาศเย็นด้วย สบายใจด้วย สุขภาพมันอยู่ที่จิตใจไมได้อยู่ที่ร่างกายถ้าใจเราเข้มแข็งไม่คิดอะไรมาก ร่างกายก็แข็งแรง
ทำดึกมากี่ปีแล้วครับ
สิงหานี้ก็จะ 7 ปีแล้ว ดึกมาตลอด
ได้เจอลูกชายที่งามวงศ์วานบ่อยหรือเปล่าครับ
ก็ไม่บ่อยนะ เค้ายังไม่มีครอบครัว ตอนนี้จะเรียน ป.โทต่อ ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย
แล้วคนกลางเรียนจบอยากให้มาทำงานกรุงเทพหรือเปล่าครับ
แล้วแต่ ไม่ได้บังคับ เลี้ยงได้แต่กาย ใจเลี้ยงไม่ได้ อยากมาก็ให้มา สมองมันดีกว่าพ่อ ทุกวันนี้ลูกสอนพ่อ ลูกมันด่าโง่บ้างอะไรบ้าง จริงๆความคิดความอ่านผมก็ใช้ได้นะ แต่แค่ไม่มีโอกาส
ถ้าลุงได้เรียนแล้วอยากทำอาชีพอะไร
ผมไม่เคยคิดเรื่องอำนาจอะไรนะ ไม่เคยคิดเลยว่าถ้าได้เรียนจะทำอะไร ชอบแต่ทางค้าขายมากกว่า ขนาดอายุยัง
ไม่ทำบัตร ผมเริ่มปะยางได้ สักพักเจ้านายส่งไปทำโรงกลั่นน้ำมัน ทำงานรถบรรทุกบ้าง เลยรู้ว่างานหนัก ขายของดีกว่า ขายของนี่อย่าอยู่ไกลตลาดสดนะ มันจะหนักเกินไป และถ้าอยู่ใกล้ ให้เค้ามาส่งของที่ห้องเราได้ พ่อค้าเอาขึ้นมาส่งเราเลย ผมนอนอยู่นั่นเช้ามาเค้าก็มาวางหน้าห้องเราขาประจำ
รายได้ยามที่นี่เป็นไงบ้างครับ
วันละ 310 บาท ถ้าหยุดไม่ได้ จ้างรายวันเซ็นสัญญา ปีต่อปี
แล้วมีแบบไม่ต่อสัญญาหรือเปล่าครับ
ไม่รู้เป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่ เรามีหน้าที่ทำก็ทำไป ถ้าทำไม่ดีเค้าก็ย้ายเราไปตึกอื่น แต่อยู่ที่นี่ก็ดี พวกพนักงานใจดี ผู้จัดการเค้าก็ให้เงินเราเวลาปีใหม่ ทุกวันนี้ผมอยู่ก็ไม่ได้เช่าบ้านนะ อยู่วัด เจ้าอาวาสเป็นญาติเมีย ผมก็อยู่ฟรีกินฟรี
ของกินเลือกกินได้เลย ถ้าไม่ได้อยู่วัดก็แย่ เพราะรายได้น้อย 300 สมัยนี้ ถ้าบ้านเช่าข้าวซื้อก็ไม่ไหว
ลุงมีวันหยุดหรือเปล่าครับ
มีแต่ผมไม่หยุด อาทิตย์หนึ่งให้หยุดได้หนึ่งวัน แล้วแต่จะเลือก ถ้าเลือกแล้วทุกอาทิตย์ก็ต้องหยุดวันนี้ แต่หยุดก็นอนอยู่วัดไม่ได้ไปไหน เราเลยไม่หยุด ทุกวันนี้ก็เก็บเงินได้บ้าง ส่งบ้านบ้าง ลูกขอเพิ่มก็ต้องให้ ตอนนี้ส่งบ้าน 5000 ถ้าลูกสาวเข้ามหาลัยก็คงต้องส่งเพิ่มสัก 8000 ตอนนี้คนโตเค้าก็ให้เงินเรา แต่เราไม่อยากรบกวน ให้เค้าเก็บไว้ เรียนโทให้จบค่อยว่ากันใหม่ เลี้ยงตัวเองให้ได้ ตอนนี้เราก็เก็บเงินได้บ้างเดือนละ 5000 บ้าง 3000 บ้าง
ตอนนี้อยู่ไปเรื่อยๆก่อน
มีเกษียรหรือเปล่าครับ
ก็ไม่นะ คนเก่าๆก็อยู่ไปเรื่อยๆ บริษัทเค้าช่วยๆกัน แต่สวัสดิการไม่มีนะ วันลาอะไรไม่มี ถ้าหยุดก็ไม่ได้เงิน
ลูกชายอยู่บริษัทใหญ่หรือเปล่าครับ เงินเดือนดีไหม
ก็เยอะกว่าลุง กินรายเดือนไม่ได้กินรายวัน เสาร์อาทิตย์ก็ได้หยุด
ลุงอายหรือเปล่าครับถ้าจะบอกใครว่า ลุงเป็นยามและอาศัยอยู่ที่วัด
ผมไม่อายนะ ผมไม่ได้ขอใครกิน ผมบอกอย่างนี้ ชีวิตคือชีวิต ความจริงคือความจริง ผมโกหกใครไม่เป็น
แล้วลูกชายล่ะครับ อายไหม
ก็ไม่อายนะ เค้าก็พาเพื่อนๆมาหาพ่อ ผมก็เอาข้าวให้มันกิน ลูกชายผมนี่ไม่เคยรังเกียจพ่อ มันสำนึกบุญคุณ ไอ้ที่ส่งมันเรียนก็เงินยามทั้งนั้นล่ะ
ลูกจบปริญญาภูมิใจหรือเปล่าครับ
ภูมิใจ ใครก็ภูมิใจ ใครอยากเรียนผมก็ส่ง แต่ถ้าเรียนไม่ไหวก็ไม่ส่ง เปลืองเงินเปล่าๆ
ลุงมีพี่น้องกี่คน
เยอะแต่ตายไปหมดแล้ว คนโตเค้าก็ได้ผัวอยู่สวิตเซอร์แลนด์ แต่ผัวไม่รวยนะกลางๆ ลุงคนที่สอง ลุงเคยขอกู้เค้าห้าล้าน จะมาเปิดขายยางรถ แต่เค้าไม่ให้ เงินห้าล้านสำหรับคนสวิตเซอร์แลนด์ไม่เยอะนะ เค้าคงไม่ไว้ใจผม
และสมัยนั้นผมเกเรด้วย
ยามนี่กู้เงินธนาคารลำบากหรือเปล่าครับ
เรากู้ได้แต่ต้องมีหลักทรัพย์ ต้องมีที่นาทุกวันนี้ที่นาก็ยังอยู่ธนาคารอยู่เลย แต่เมียเค้ากู้ ไม่เกี่ยวกับผม
ลุงมีคติประจำใจ หรือว่าวิธีที่จะทำให้เป็นยามที่ดีหรือเปล่าครับ
ต้องพูดจาดี อ่อนน้อมถ่อมตน อย่าไปก้าวก่าย ต้องรู้ฐานะของเราว่าเราเป็นใคร เค้าระดับไหนเราระดับไหน อย่าไปล่วงเกินใคร สิ่งที่พูดก็พูด ไม่ควรพูดก็ไม่ต้องพูด ใครคุยกับเราก็คุย ใครเล่นก็เล่น คนไหนไม่เล่นเราก็ไม่เล่น ใครๆก็บอกว่าผมดุ แต่ผมไม่มีอะไร บางคนผมเตือนก็หาว่าผมดุ ผมไม่ได้ดุ แต่บางอย่างผมก็กลัวมันเสียหาย
ลุงเคยเจอพนักงานไม่ดี ดูถูกเราหรือเปล่าครับ
ไม่เคยเจอ เต็มที่ก็ไม่พูด ไม่พูดเราก็ไม่พูด เราทำงานหน้าที่เรา เค้าก็ทำหน้าที่เค้า ถึงเราจะต่ำต้อยกว่าเค้า แต่เราก็ไม่ได้ไปขอยืมเงินหรือขอของเค้ากิน บางทีเค้าก็มองเราความรู้ต่ำบ้าง มองข้ามเราบ้าง แต่ผมมาได้แค่นี้ผมก็ภูมิใจแล้ว บางทีเค้าก็มองเหยียดหยามเราบ้าง ต่ำบ้าง แต่ผมก็เฉยๆ
เกี่ยวกับอนาคต
ลูกผมจะไม่ให้ทำอะไรแล้ว ถ้าเค้าจบโท จะไม่ให้ผมทำงานแล้ว ให้ไปอยู่บ้าน เดี๋ยวส่งเงินให้กิน แต่ผมคงจะอยู่ไม่ได้ หงุดหงิด คงต้องมีค้าขายของผม เค้าไม่อยากให้ผมไปที่ไหน อยากให้อยู่กับแม่ เค้ากลัวผมจะมีเมียใหม่บ้างอะไรบ้าง คิดไปใหญ่ บอกพ่อนี่ผู้หญิงรุมเยอะไปหมด ผมมันเสน่ห์ยังไงไม่รู้ อยู่ที่ไหนผู้หญิงก็มารุมจีบ ผมอยู่ในวัดผู้หญิงก็มาติด แต่ผมไม่เอา ผมวางแผนไว้ผมยังไงต้องส่งลูกเรียนให้จบ ผู้หญิงมาทีหลัง คงจะไม่เอา แต่สวยด้วยนะ มาตื้อผมที่วัด อายุประมาณ 30 กว่า
ลุงยังดูไม่แก่
ผมก็ทำงานหนักนะ ทำทุกอย่าง แต่ผมไม่ค่อยเครียด ไม่คิดมาก พอโมโห ผมสำนึกแพลบเดียวหายเลย ไม่ให้เครียด โมโหง่ายหายไว
เวลาเข้าเวรอยู่ว่างๆกว่าจะเช้าลุงทำอะไร
หากินไรบ้าง ลงไปคุยกับเด็กๆบ้าง คุยกับพวกยามบ้าง
เวลาผมเรียกยามกับรปภ. ลุงรู้สึกอะไรหรือเปล่า
ผมเฉยๆ มันก็เหมือนกัน ส่วนมากผมเองก็เรียกยาม คนไทยมันต้องเรียกยาม
แต่เด็กสมัยใหม่มีใช่หรือเปล่าที่ไม่ชอบให้เรียก
เยอะแยะ เด็กสมัยใหม่ไม่ค่อยชอบนะให้เรียกยาม ผมก็เรียกยามนะ ฉิบหายมันก็ยามทั้งนั้นล่ะ เผลอๆด่ามันด้วยไอ้พวกยามยาก
เด็กสมัยใหม่เป็นนะ
เค้ากลัวเสียศักดิ์ศรี ต้องให้เกียรติเค้าหน่อย ไปลดเกียรติเค้าไม่ได้ แต่ผมไปไหนผมก็เรียกยาม ไม่เคยเรียก รปภ. หรอก
เวลาลุงจะหยุดต้องลาล่วงหน้าหรือเปล่าครับ
ก็เขียนใบลาล่วงหน้า 3 – 4 วัน แต่ถ้ากะทันหันก็โทรบอกได้ เค้าหาคนมาแทนเอง
วันหยุดมีโอทีหรือเปล่า
ได้แปดชั่วโมง ก็ตกสองร้อยกว่าบาท พอทนได้ เพราะเราไมได้ไปไหน งานก็เบา แต่ตอนแรกผมก็ไม่ชอบนะงานยาม งานมันว่างมันหงุดหงิด รอเวลา เวลามันเดินช้า กลางวันนี่นานนะ แต่กลางคืนเดี๋ยวก็สว่าง เราคุยบ้างอะไรบ้าง ทำใจสบายๆ หาหนังสืออ่านบ้าง เมื่อวานผมก็ไปควงกะมา ทำดึกแล้วไปเช้า แล้วมาดึก ได้มาหกร้อยกว่าบาท
ลุงเคยคิดหาไรทำอีกหรือเปล่า
เคยคิดว่าเช้าจะไปขายล็อตเตอรี่ พอวันหวยออกผมจะไม่เข้าเวรเลย วันนั้นขายดี เค้าบอกว่าเดือนหนึ่งได้กำไรกัน 1 – 2 หมื่นเลยนะ แต่เค้าก็ลงทุนกันหลายหมื่นนะ
ส่วนใหญ่ รปภ. เป็นคนที่ไหนครับ
คนอีสานเยอะนะ เห็นพูดอีสานกัน แทบทั้งตึกนี้ก็อีสานหมด คนเหนือน้อยนะที่มาเป็นยาม คนใต้ก็น้อย ที่นี่ไม่ค่อยมีนะ คนใต้ดุไม่ต่อยเหมือนคนเหนือ เล่นปืนเอาตายอย่างเดียว คนโตขึ้นมาไม่ได้ใช้ชีวิตแค่วันสองวัน มันเล่นซัดกันตาย ไม่สั่งสอนเลย คนอีสานกับเหนือแค่ต่อยกัน ผมไม่ชอบนักเลง วงเหล้าในนักเลงผมเดินหนี
แล้วลุงกลับศรีสะเกษยังไง
นั่งรถไฟแอร์ สปริ้นเตอร์ หลับสบาย อ่านหนังสือไรบ้าง 407 บาท ขากลับกรุงเทพนั่งรถทัวร์กลับมา
ปีใหม่ได้กลับบ้านหรือเปล่า
เทศกาลเค้าไม่ให้ลานะ เราไปตอนอื่นได้ มากสุดก็ไป 8 วัน
ที่ทำๆมาลุงชอบทำอะไรมากที่สุด
ขายของนะ มันเห็นเงินเร็ว ไม่มีอะไรดีเท่า ของกินขายดี คนมันต้องกินวันยันค่ำ มันหนีกินไม่พ้น ขายอย่างอื่น ขายยังไงก็ไม่หมด ต้องเก็บเข้ากล่อง
แต่ของกินมันเหลือไม่ได้นะครับ
เก็บได้บ้างอย่างนะ แต่เราต้องรู้จักซื้อของ ซื้อ 500 ถ้าเราขายดีหมดเร็วพรุ่งนี้ก็เพิ่มเป็น 1000 บะหมี่นี่ลง 1000 ขายได้ 3000 นะ แต่ไอ้พวกรถเข็นบะหมี่ชายสี่นี่ของบริษัทนะ เค้าจะให้รถให้เครื่องมือ เราต้องไปซื้อบะหมี่มัน มันเอากำไรเราอย่างเดียวเลย ผมถามมาแล้วแต่ไม่เคยทำนะ เพราะตอนขายผมขายเองใช้ฝีมือไม่มียี่ห้อ เพราะถ้าไม่ถูกปากเค้าก็ไม่กิน ผมขายมาสิบกว่าปีทุกอย่าง แสดงว่าฝีมือก็ใช้ได้ ขายก๋วยเตี๋ยวมาสิบกว่าปีแสดงว่าฝีมือไม่ธรรมดา แต่ถ้าทำเลไม่ดีก็ลำบาก เอาเรื่องเหมือนกัน
ที่ศรีสะเกษ หน้าบ้านทำเลดีหรือเปล่า
มันขายถูก ชามละไม่กี่บาท กำไรก็น้อย
ถ้าให้เลือกทำอะไรก็ได้ ลุงจะทำอาชีพอะไร
ขายของอย่างเดียว ชอบขายของสบายดี ขายของกินนี่ แต่ถ้ามีเยอะผมว่าตั้งร้านขายยางรถยนต์ดีกว่า กำไรเยอะกว่าวันหนึ่งสองสามเส้นก็สบายแล้ว อะไหล่รถพวกนี้ผมก็รู้หมด และของไม่เสียเก็บได้นานดีกว่าอาหารหน่อย ผมเองดูเนื้อยาง ดูผ้าใบอะไรเป็นทุกอย่าง ผมมีความรู้นะ แต่ไม่มีทุน ถ้ามีทุนผมรวย รวยมากเลย ถ้าตอนนั้นผมทำจนถึงตอนนี้ผมคิดในใจว่าคงมีเงินหลายพันล้าน
แล้วตอนนั้นย้ายทำไมนะ
เจ้าของปั๊มเค้าจะทำเอง เค้าบอกเราอยู่อย่างนี้มันรก พอย้ายไปมันไม่มีลูกค้า ค่าเช่าก็ขึ้นก็ต้องเลิก
ขายยางไม่มีขาดทุนนะ เจ๊งยาก ดูแถวรังสิตสิขายกันเต็ม พวกผมทั้งนั้น

ที่ลำปางมีญาติหรือเปล่า
พ่อลุงเสียตั้งแต่ 8 ขวบ แม่เพิ่งเสีย แกอยู่คนเดียวไม่เอาลูกหลาน เราก็ช่วยกันส่งเงินให้แก บ้านหลังใหญ่แกก็อยู่คนเดียว แกด่าเก่งลูกหลานอยู่ไม่ได้
ผมฟังแล้วลุงไม่ชอบเป็นยาม ชอบค้าขายมากกว่า
ผมว่าจะออก แต่ลูกเมียไม่ให้ออก เค้าเห็นผมลำบากมาเยอะ ที่นี่งานสบาย
สบายแต่ก็เบื่อหรือเปล่า
ก็เบื่อเหมือนกัน เวลาเจอเจ้านายด่าก็หงุดหงิด ไม่ค่อยชอบเป็นลูกจ้าง ชีวิตไม่ค่อยเป็นอิสระ เคยเป็นลูกจ้างขับรถบริษัท เจ้านายด่ามากๆผมก็ออก ด่ามากไปผมเอาตายห่า เคยจอดรถทิ้งที่พัทยา ด่าผมผมเอากุญแจโยนทิ้งทะเล นั่งรถทัวร์กลับบ้านเลย ผมขับมาหลายนายไม่ค่อยมีดี เอาแต่ใจตัวเอง รถติดก็ด่าเรา พ่อแม่เราไม่ได้สร้างถนนสักหน่อย ผมด่ากลับเลยนะ กูไม่อยู่กับมึงกูก็ไม่อดตาย ตอนนี้ให้เดือนละแสนผมยังไม่เอาเลยขับรถเจ้านาย คนชวนเยอะ ผมกลัวไปฆ่าเค้าติดคุก
(ขณะคุยกันอยู่หัวหน้ายามเดินมาตรวจ)
ถ้าเค้าเจอเราหลับเป็นไรเปล่า
อย่าหลับเอาเป็นเอาตายละกัน ลิฟท์เปิดก็ตื่น ก็ไม่ว่าไร อีกอย่างเรารู้ใจกันแล้ว ผมทำมานาน เค้าก็ทำมาเป็นสิบๆปีแล้ว ตอนนี้รุ่นเดียวกับผมไม่มีแล้ว มีแต่เด็กใหม่ๆ มีแต่ผมคนเดียว ไม่มีทุน คิดได้ทำไม่ได้ พยายามเก็บอยู่แต่อยากจะทำยางมันลงทุนหนักตรงเซ้งตึกนี่ล่ะ เรื่องยางไม่มีปัญหา มีทางเดียวถ้ามีเงินก็ซื้อตึกแม่งเลย ติดถนนนะ รถที่ไหนก็ต้องมาซื้อเรา รถมันต้องใช้ยาง ทั้งมอเตอร์ไซต์และรถยนต์ ผมไม่ใช่คนขี้เกียจ ผมต้องเก็บเงินได้ ผมอยู่วัดไม่ได้อยู่เฉยๆ มีอะไรผมทำหมด ผมเอาทุกอย่าง ยกโต๊ะเก้าอี้ก็ทำ จ้างผมเอาไม้ไปส่งจากวัดไปบางกรวย ขึ้นรถ ลงเรือ ขึ้นรถ กว่าจะไปถึง ลูกน้องสองคนช่วยกัน ผมขอสามพัน เค้าก็ให้ ผมให้ลูกน้องคนละห้าร้อย ผมหากินหลายอย่างนะ ไม่ได้เป็นยามอย่างเดียว นี่ว่าจะขี่มอเตอร์ไซต์รับจ้าง แต่ลูกไม่ให้ทำกลัวอันตรายไม่คุ้ม
ลุงเคยอิจฉาคนรุ่นเดียวกับลุงที่รวยๆ ทำงานดีๆหรือเปล่า
เพื่อนๆผมไม่มีใครดีกว่าผมนะที่ลำปาง เพื่อนๆมีแต่แย่กว่าผม วันนั้นผมเอารถลูกชายกลับบ้านไป เค้าหาว่าผมรวยกัน
ตอนนี้ความหวังฝากไว้ที่ลูก
ลูกอย่างเดียว ถ้าเค้าประสบความสำเร็จเราก็ดีใจ
คิดจะออกจากยามเมื่อไร
ถ้าลูกสาวจบม.6ก็ว่าจะออก ว่าจะกลับบ้านเก็บเงินได้แสนสองแสน ซื้อปั๊มลมสักตัว ขายยางมอเตอร์ไซต์ด้วย
ลุงมองภาพตัวเองบั้นปลายว่าอย่างไร
ปะยาง ขายยาง ให้เมียขายก๋วยเตี๋ยว อยู่ที่บ้าน บ้านไม่ต้องเช่า กินไม่หมดแล้วแค่นี้ นาก็มีตั้ง 20 ไร่
ลุงกลัวตายหรือเปล่า
ไม่กลัว คนอยู่วัดไม่กลัวตาย ตายอย่าให้ทรมาน หลับตาได้ยิ่งดี
เมื่อไรพร้อมจะตาย
ผมอยากจะให้ 80 – 90 กำลังดี ตอนนี้ 55 ผมยังแข็งแรง 90 ผมคงจะไม่แก่งักหรอก ผมรู้ตัวผม ผมไม่เครียด ใครชวนไปกินเหล้ากินยาผมไปหมด คุยสนุกเฮฮา กินเหล้าร้องเพลง ผมชอบทางนี้ ตีต่อยผมไม่เอา
ร้องเพลงเก่งเหรอ
เก่งสารพัด เพลงไหนดังๆสมัยนั้นผมร้องเป็นหมด สายันต์ ไวพจน์ สมัยนั้นปะยาง สายันต์ดัง
ผมให้ลุงตบท้ายด้วยร้องเพลงสักนิดเดียว
คงจะไม่เอา ผมร้องเพลงต้องกินเหล้า ถ้าไม่กินเหล้าผมร้องไม่ได้หน้าบาง ร้องเพลงต้องมีวงเหล้า เคาะดนตรีบ้างอะไรบ้างสนุก ร้องคนเดียวคงร้องไม่ได้ ต้องมีย้อมใจให้หน้าชาๆหน่อย เคาะกะละมังอะไรกันบ้าง
ร้องบนเวทีได้หรือเปล่า
ไม่ได้ ไม่เคย ตั้งแต่เกิดมาไม่เคย มีแต่ทุ่งนา ไม่มีเวที เด็กสมัยนี้มันร้องได้ ซ้อมแต่เด็ก
คำถามสุดท้ายถ้าย้อนเวลาได้ ลุงจะแก้ไขตรงไหน
จะเปิดร้านขายยาง ตอนนั้นใช้ชีวิตเป็นลูกจ้างอย่างเดียวไม่ได้คิด เอาแต่เที่ยว มีเงินก็ไปซื้อมอเตอร์ไซต์หมด ขับแพลบเดียวรถหาย ตอนนี้เลยไม่อยากซื้อรถ แต่ก็ซื้อให้ลูกๆนะ มอเตอร์ไซต์ ที่บ้านมีสองคัน แต่ผมกลับไปก็ไม่ขี่แล้วนะ ซ้อนอย่างเดียว แม่ลูกไม่อยากให้ขี่ ผมขี่รถเร็ว บิดร้อยกว่า เห็นแก่ๆอย่างนี้ ใครนั่งซ้อนท้ายผมหนาวแน่ เห็นผมแก่ๆอย่างนี้ เมื่อก่อนผมขับรถจากกรุงเทพไปพัทยาทุกวัน ส่งฝรั่งรายได้ดี ทิปเยอะ
แล้วทำไมไม่ทำต่อ
จะอยู่ได้ยังไง อาบอบนวดอยู่ข้างๆ เข้าทุกวัน ติดหมอนวด เงินก็หมด ก็เท่านั้น

หนึ่งชั่วโมงกว่าๆในช่วงเวลาราวๆตีสองที่ผมได้คุยกับยามกะดึกคนนี้ ผมได้รู้ว่าบางครั้งคนเราก็ยอมทำอะไรที่ตัวเองไม่ชอบเพื่อที่จะสร้างอนาคตให้คนอีกหนึ่งคนที่เราเรียกว่าลูก และเมื่อเรายอมทำสิ่งนั้นเพื่อคนที่เรารัก เราควรจะภูมิใจไม่ใช่อายในอาชีพสุจริตที่เราทำ “ผมไม่อายนะ ผมไม่ได้ขอใครกิน ผมบอกอย่างนี้ ชีวิตคือชีวิต ความจริงคือความจริง ผมโกหกใครไม่เป็น” ประโยคนี้ยังคงก้องอยู่ในหัวผมราวกับว่ามันคือประโยคที่เป็นตัวแทนของตัวตนที่แท้จริงของยามกะดึกคนนี้ เมืองใจ ใจตุ้ย


1 ความคิดเห็น:

  1. ลุงแกสู้ชีวิตมากมายเลยเนอะ อ่านแล้วเรายังทำไม่ได้เท่าลุงแกเลยอ่ะ

    ตอบลบ