วันพุธที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ใครจะมาแทนป๋า (เขียนเมื่อ 10/4/2009)



ใครจะมาแทนป๋า


ก่อนจะร่ายสายตาลงไปถึงบรรทัดต่อไป ผมขอเรียนตรงนี้ไว้ก่อนเลยว่า บทความนี้ถูกถ่ายทอดหลังจากค่ำคืนของ UCL จบลงไปแล้วทั้งสองคืน และในฐานะที่ไม่ได้เป็น ไม่เคยเป็นและไม่คิดที่จะเป็น "แฟนผี" ผมขอใช้พื้นที่ตรงนี้เอ่ยไว้เลยว่ามันไม่ใช่คำถามธรรมดาเสียแล้ว และมันจะควรเป็นคำถามที่ผู้บริหารโรงละครแห่งความฝันทั้งหลายต้องรีบกลั่นรอยหยักในสมอง ให้คำตอบมันตกตะกอนลงมาภายใน 1 - 2 ปีต่อจากนี้ "ใครจะมาขี่หลังผีแทนป๋า"

ความปวดร้าวที่เข้ามาทิ่มแทงแฟนผีเริ่มนับตั้งแต่พลาดท่าถูกหงส์แดงตัวนั้นจิกจนร่างพรุนไปทั้งตัว ตามมาด้วยความพ่ายแพ้ต่อทีมต่ำศักดินาอย่างฟูแล่มที่การเริ่มต้นเกมด้วย hand of ghost คือเหตุผลของความพ่ายแพ้ที่พอจะรับฟังได้ แต่แล้วความพ่ายแพ้ต่อเนื่องในลีก 3 นัดก็ไม่เกิดขึ้น แถมความปวดร้าวทั้งหมดที่แฟนผีรับมา 2 นัดติดนั้น ถูกลบล้างโดยซานตาคลอสหนุ่มจากอิตาลีที่นำของขวัญมาให้แฟนผีทั่วโลกได้ปลาบปลื้ม
อีกทั้งความดีใจเหล่านั้นยังคอยปกปิดความอ่อนแอ และย่ำแย่ในแนวรับที่มิควรจะเกิดขึ้นในฤดูกาลเดียวกับการทำลายสถิติ clean sheet ต่างๆนาๆของนายทวารเฒ่าผู้เกรียงไกร แต่แล้วมังกรหนุ่มจากดราเกาก็เปิดเผยความอ่อนแอนั้นให้แฟนลูกหนังทั่วโลกได้เห็นอีกครั้งชัดๆกับตากันอีกสักที การถูกทะลวงประตู 10 ลูกจาก 4 นัดหลังสุด ไม่ใช่คำตอบของแนวรับของทีมที่ตั้งเป้าไปถึง 5 แชมป์เป็นแน่แท้

แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เมื่อเราเลือกที่จะมองไปที่ใครคนนึงที่นั่งบัญชาการอยู่ข้างสนามในทั้ง 4 นัดที่แผงหลังปีศาจเผยจุดอ่อนให้คู่ต่อสู้ได้เข้ามาชำเรานั้น ผมกลับมีความเชื่อว่าชายคนนั้นจะทำให้ปีศาจตัวนี้กลับมาเริงร่าเก็บ 3 แต้มในนัดตกค้างและทะยานขึ้นนำจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกอย่างเต็มภาคภูมิ และเป็นชายคนเดียวกันที่พาฝูงปีศาจอมทอฟฟี่สีน้ำเงินอย่างอร่อยลิ้นในฟุตบอลถ้วยที่เก่าแก่ที่สุดในโลกใบนั้น และถ้าชายคนนี้จะอาจหาญนำฝูงปีศาจกระหายเลือดไปหลอกหลอนเหล่ามังกรหนุ่มถึงดราเกาในโปรตุเกส นั้นก็ไม่ใช่เรื่องทีเกินจริงแต่อย่างใด เพียงเพราะเหตุผลแค่เพียงข้อเดียว
เพราะผู้ชายคนนั้นชื่อ "อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน"

สาบานว่าผมคิดภาพไม่ออกจริงๆว่ายูไนเต็ด จะเป็นยูไนเต็ดที่เรารู้จักได้อย่างไร ถ้าคนกุมบังเหียนไม่ใช่ป๋าเฟอร์กี้ผู้ทรนงคนนี้ ในเกือบ 2 ทศวรรษที่ผ่านมา สิ่งที่ผมได้เห็นผ่านสังเวียนแข้งที่เปรียบเสมือนโรงละครแห่งความฝันนั้น อธิบายได้ด้วยสมการเดียวเท่านั้น "ยูไนเต็ดคือเฟอร์กี้ เฟอร์กี้คือยูไนเต็ด" และเมื่อประกอบกับผลการแข่งขันและฟอร์มการเล่น 4 นัดหลังสุดที่เหล่าปีศาจแสดงให้เหล่าแฟนานุแฟนในโรงละครได้เห็นนั้น ส่วนลึกของหัวใจผมร่ำร้องออกมาเป็นเสียงเดียวว่า ไม่มีใครแทนป๋าได้

หลับตานึกดูถ้าในขณะนี้คนกุมบังเหียนไม่ใช่ป๋า ใครจะเป็นคนดึงศูนย์หน้าดาวรุ่งอิตาลีผู้นั้นไว้กับทีม บางทีเค้าอาจบินข้ามฟ้าไปเล่นทีมชาติอิตาลีชุดเล็กเป็นแน่แท้ ป๋าทำตรงนี้เปรียบราวกับว่ายืมดวงจิตที่มองเห็นอนาคตของนอสตราดามุสมาเก็บไว้เพื่อการนี้ทีเดียว และถ้าไม่ใชป๋า ใครจะกล้าหยิบซานตาคลอสผู้นั้นหย่อนลงน้ำในสถานการณ์ที่น้ำมันร้อนเสียขนาดนั้น และสุดท้ายถ้าไม่ใช่ป๋า ป่านนี้เหล่าปีศาจคงถูกความกดดันจากเหล่าหงส์แดงผู้กระหายความสำเร็จ บีบคั้นแย่งชิงจ่าฝูงจนไม่เป็นอันกินอันนอน

แต่สิ่งเหล่านั้นไม่เคยเกิดขึ้น แค่เพียงเพราะแมนยูยังคงมีป๋า ตราบใดก็ตามที่ป๋ายังคงอยู่ แมนยูจะมีลุ้นแชมป์ปีละ 1 2 หรือ 3 หรืออาจจะ 5 แชมป์อย่างเช่นปีนี้ และเมื่อไรก็ตามที่ป๋าวางมือ 2 - 3 ฤดูกาลแรก แมนยูอาจจะยังคงสถานะอยู่อย่างนี้ แต่หลังจากนั้นใครจะกล้าการันตี ยูไนเต็ดอาจจะค่อยๆดำดิ่งลงไปเรื่อยเรื่อย เรื่อยเรื่อย และเรื่อยเรื่อย โดยไม่ว่าคนที่เข้ามาแทนป๋าจะเป็นใคร มือระดับไหนก็ตาม จะเป็นจอมอหังการ์อย่าง มูรินโญ่ หรือโคตรแท๊คติกแดนเลี่ยน อย่างคาเปลโล่เองก็ตาม ผมเชื่อว่าเคมีมันจะไม่ลงตัว และมันก็จะไม่มีทางลงตัว

เมื่อป๋าวางมือ สาวกปีศาจเตรียมนับถอยหลังเพื่อเข้าสู่ยุคใหม่ของพรีเมียร์ลีก ซึ่งก็คือยุคบิ๊คทรี ลิเวอร์พูล เชลซี อาร์เซน่อล แค่นั้นและแค่นั้น ผ่านไป 10 ปี เด็กรุ่นนั้นอาจจะพูดถึงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผู้เกรียงไกรในแง่มุมของความสำเร็จในอดีตเฉกเช่นเด็กรุ่นนี้ชื่นชมลีดส์ ยูไนเต็ด ฉันใดก็ฉันนั้น ทุกๆคนจะชื่นชมเฟอร์กี้ ผู้จัดการทีมมือทอง เช่นเดียวกับที่ วัยรุ่นขาเดฟยุค 90 ชื่อชมไบรอัน คลัฟ กุนซือปากตะไกรคนนั้น และอีกไม่นานทุกคนคงจะลืมป๋า ลืมโรงละครแห่งความฝัน ลืมวันเวลาดีๆ ของทีมสีแดงทีมหนึ่ง ที่เคยยิ่งใหญ่คับยุโรปและโลก กองกำลังปีศาจที่ฉาบไปด้วยสีเลือดอันน่าเกรงขาม จะเหลือไว้เพียงความทรงจำ และผมเตือนไว้เลยว่าสิ่งที่กล่าวมา ผมไม่ได้คาดเดา ไม่ได้คาดหวัง แต่ผมเชื่อเช่นนั้นจริงๆ และเหล่ากองเชียร์ปีศาจทั้งหลาย โปรดจำเอาไว้เลยว่า

"ยูไนเต็ดคือเฟอร์กี้ เฟอร์กี้คือยูไนเต็ด" ไม่มีใครในโลกนี้มาเปลี่ยนสมการลูกหนังนี้ได้ และมันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น