วันเสาร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

DREAM 2 บทที่ 7 วันเวลาที่ผันผ่านกับฤดูกาลที่ผ่านผัน



5 ปีแล้วสินะ ที่ผมมาอยู่ที่อิตาลี ในวัยเด็กผมฝันถึงวันนี้มาโดยตลอดแต่พอผมได้มาสัมผัสดินแดนแห่งนี้จริงๆ ผมรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขยิ่งกว่าในฝันเสียอีก นับตั้งแต่วันที่ฟรานเชสโก้ซึ่งเป็นแมวมองของมิลานและพี่ตุ๊กเพื่อนชาวไทยของฟรานเชสโก้ได้เห็นฝีเท้าของผมที่หัวหินเป็นครั้งแรก จากวันนั้นเป็นต้นมาชีวิตของผมไม่เคยเหมือนเดิมอีกเลย จากเด็กคนหนึ่งที่ฝันถึงฟุตบอลอยู่ในทุกขณะจิตกลับกลายมาเป็นนักฟุตบอลอาชีพคนหนึ่งในกัลโช่ ซีรีย์อาที่อาจจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับเด็กๆจากเมืองไทยหรือจากเอเชียอีกหลายคนที่ใฝ่ฝันจะมาค้าแข้งที่นี่เช่นเดียวกัน และนอกเหนือจากการได้มาค้าแข้งที่นี่แล้ว ในช่วงหน้าร้อนที่ผ่านมาอิตาลียังสามารถคว้าแชมป์โลก 2006 ได้ด้วยชัยชนะเหนือฝรั่งเศสจากการดวลลูกจุดโทษ โดยที่ในเวลานั้นเสมอกัน 1 ประตูต่อ 1 ซึ่งถึงแม้ผมเองจะไม่ใช่ชาวอิตาเลี่ยนโดยสายเลือด แต่หัวใจดวงนี้ของผมก็มีเลือดอัซซูรี่มาตั้งแต่เด็กและยิ่งผมได้มาค้าแข้งอยู่ที่นี่ด้วยแล้ว คงมีเพียงแมตซ์เจอกับทีมชาติไทยเท่านั้นที่ผมจะไม่เชียร์อิตาลีในการแข่งขันระดับชาติ และด้วยความรู้สึกที่ผมมีเหล่านั้นมันทำให้ฟุตบอลโลกครั้งนี้เปรียบเสมือนครั้งที่สำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตผมทีเดียว แต่เมื่อฟุตบอลโลกจบลง ชีวิตนักฟุตบอลของพวกเราก็ต้องดำเนินต่อไป ในทีมมิลานเราเอง หลังจากผ่านการได้แชมป์ลีกในฤดูกาล 2003 – 2004 มาก็ดูเหมือนกับว่าเพื่อนๆพี่ๆในทีมผมจะทำผลงานในสโมสรยุโรปได้ดีกว่าในลีกอย่างเห็นได้ชัด เหตุผลหนึ่งที่ทำให้เรามีความมุ่งมั่นเป็นพิเศษในถ้วยยุโรปก็เพราะว่าค่ำคืนอัปยศในอิสตันบูลยังคงหลอกหลอนพวกเราทุกคนอยู่อย่างไม่มีทีท่าจะจางหายไป การถูกยิง 3 ลูกใน 6 นาทีของนัดชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกส์ไม่มีทางที่พวกเราจะให้อภัยตัวเองได้ อีกทั้งเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมาพวกเรามีโอกาสที่จะได้เข้าไปคว้าแชมป์เพื่อล้างอายให้กับทีมแต่ความมหัศจรรย์ของโรนัลดินโญ่ก็ทำให้พวกเราไม่สามารถไปถึงฝั่งฝันได้ ตั๊กเองโทรมาล้อเลียนผมอยู่หลายวันกับความพ่ายแพ้ในรอบรองชนะเลิศของทีมผมต่อบาร์เซโลน่าของมัน แต่ว่าก็ว่าเถอะพวกเราเองก็ยังคงเป็นได้แค่ตัวสำรองกันทั้งคู่ แต่ฤดูกาลนี้เราทั้งสองคนก็ต่างสัญญากันว่าจะยึดตัวจริงของทีมให้ได้ ซึ่งรายชื่ออย่าง ปิร์โล่ กาก้า ซีดอร์ฟ กัตตูโซ่ หรือแม้กระทั่ง ซาบี้ อิเนสต้า นั้นทำให้พวกเราต้องพยายามมากกว่าร้อยเปอร์เซ็นต์ไปอีกหลายขั้นจึงจะสามารถไปถึงฝันของพวกเราได้ และไม่เพียงแค่เราสองคนเท่านั้นที่ต้องพยายาม เอ็มและโยที่อยู่ในทัพสำรองของทั้งสองเกมที่บาเยิร์นแพ้มิลานของผมในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ucl เมื่อปีที่แล้วต่างก็ต้องพยายามเบียดแทรกลงตัวจริงเช่นเดียวกัน โยเองหลังจากเป็นเด็กฝึกในสังกัดบีอีซีอยู่ได้แค่สองปีก็ได้รับโอกาสให้มาฝึกฝีเท้าที่บาเยิร์นมิวนิคเป็นเวลา 1 ปี และถ้าทางบาเยิร์นพอใจในฝีเท้าก็จะได้รับการเซ็นสัญญาเข้าเป็นนักเตะอาชีพกับสโมสร และโยก็ไม่ทำให้ตัวเองต้องผิดหวัง ปีนี้เช่นกันที่พวกมันทั้งสองคนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะยึดตำแหน่งตัวจริงในทีมให้ได้พร้อมทั้งพาทีมฟันผ่าเหล่าบรรดาทีมต่างๆใน ucl เพื่อมาพิชิตแชมป์ให้ได้อีกครั้งหลังจากทีมเยอรมันเองทำผลงานตกต่ำไปนานในถ้วยใหญ่ถ้วยนี้ อ่อผมเองคงลืมบอกคุณไปสินะว่าไม่ใช่แค่โยที่ได้รับโอกาสมาฝึกฝีเท้า เทพเองก็ได้รับโอกาสแบบนั้นเช่นกันและตอนนี้ผมก็ไม่ใช่คนไทยคนเดียวที่ได้เซ็นสัญญากับเอซี มิลาน เพราะว่าเทพเองก็ได้รับโอกาสนั้นเช่นกันหลังจากมาฝึกฝีเท้าที่นี่เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ดูเหมือนพวกเราทุกคนจะได้รับโอกาสที่ดีกันแทบจะหมดทุกคน แม้กระทั่งต้นที่เป็นตัวสำรองอยู่ที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเองก็เช่นกัน การที่แมนยูตกรอบแบ่งกลุ่มรอบแรกใน ucl ฤดูกาลที่แล้วนั่นทำให้อเล็ก เฟอร์กูสันเองต้องปรับเปลี่ยนทีมอย่างเต็มที่เพื่อทำผลงานให้ดีกว่าปีที่ผ่านมา และถ้าต้นโชว์ฟอร์มในการซ้อมได้ดี มันเองก็มีสิทธิ์ที่จะแทรกตัวลงในตำแหน่งตัวจริงของปีศาจแดงได้เช่นกัน แต่ถ้าจะว่ากันถึงคนที่โชคดีที่สุดในหมู่พวกเราแล้ว นัทดูน่าจะเป็นคนที่ได้รับรางวัลนี้ไปอย่างเอกฉันท์ เพราะเพียงแค่การไปซ้อมกับอาแจ็กซ์แค่ปีแรก มันก็ได้รับโอกาสให้สัมผัสกับการลงเล่นในลีกสูงสุดของฮอลแลนด์อย่างรวดเร็ว ถึงแม้จะเป็นเพียงการลงเล่นในฐานะของตัวสำรอง แต่แค่ 10 – 20 นาทีต่อเกมมันก็เพียงพอจะแสดงให้เห็นถึงอนาคตอันยาวไกลของนัทในฐานะนักฟุตบอลอาชีพได้เป็นอย่างดี และไม่เพียงแค่พวกเราเท่านั้นที่เห็นถึงความสามารถของนัท แมวมองของลิเวอร์พูลเองก็เห็นเช่นกัน เพียงแค่ปีที่สองของนัทในฮอลแลนด์เท่านั้นมันก็เป็นข่าวใหญ่ครึกโครมไปทั่วทั้งประเทศไทย เมื่อหงส์แดงลิเวอร์พูลทีมโปรดของมันเองทุ่มเงินซื้อตัวดาวรุ่งอายุเพียงแค่ 19 ปีอย่างมัน มิหนำซ้ำดาวรุ่งคนนั้นยังเป็นเพียงนักเตะจากชาติเล็กๆในเอเชียอีกด้วย และด้วยเหตุนี้เองนอกจากตั๊กที่คอยหัวเราะเยาะผมกับเทพเกี่ยวกับความพ่ายแพ้ในรอบรองชนะเลิศ ucl แล้วนั้น ความพ่ายแพ้ของมิลานต่อลิเวอร์พูลในปีก่อนหน้านั้นยังทำให้นัทโทรข้ามประเทศมาเยาะเย้ยผมกับเทพอยู่ไม่เว้นในแต่ละวัน แต่มันไม่ได้สร้างความหงุดหงิดจิตใจให้กับเราสองคนแต่อย่างใด เพราะว่าแค่การที่เราได้มาอยู่ตรงนี้กันนั้นมันก็เป็นเสมือนความฝันที่เราไม่เคยคิดว่าจะสามารถเอื้อมมาถึงได้เลยแม้สักนิดเดียว แต่เมื่อเราทุกคนมาถึงตรงจุดนี้ได้แล้วเราก็ต่างสัญญากับตัวเองว่าจะทุ่มเทให้เต็มที่ ไม่ให้เสียชื่อเสียงและเสียโอกาสทั้งของตัวเราเองและน้องๆนักฟุตบอลไทยที่อาจจะตามมาค้าแข้งกับพวกเราที่นี่ด้วย

นับจากวันนี้ไปก็เหลือเวลาอีกราวๆ 2 อาทิตย์ พรีเมียร์ลีกอังกฤษและบุนเดสลีกาก็จะเปิดฤดูกาลขึ้นก่อนใคร หลังจากนั้นอีก 2 อาทิตย์ก็จะเป็นคิวของลาลีกา สเปน และถัดมาอีกหนึ่งอาทิตย์ก็จะเป็นกัลโช่ซีรีย์อาของผม ผมเองสอบถามโปรแกรมจากเอ็มและโยว่าบาเยิร์นมีคิวลงเตะนัดแรกเจอกับใคร เผื่อว่าถ้าผมว่างจะได้ชวนเทพบินไปสังสรรค์กับสองคนนั้นรวมทั้งชมฟอร์มการเล่นของบาเยิร์นไปในตัวด้วย โยบอกผมมาว่าวันที่ 11 สิงหาคมจะเป็นนัดแรกของบาเยิร์น มิวนิค โดยจะลงเล่นในอัลลิอันซ์ อารีน่า ของตัวเอง ซึ่งสนามนี้นั้นใช้เป็นสนามแข่งฟุตบอลโลก 2006 นัดเปิดสนามด้วยเช่นกัน และข่าวดีที่สุดอีกข่าวหนึ่งที่พวกเราได้รับรู้ร่วมกันก็คือ เอ็มกับโยมีสิทธิ์จะได้ลงเล่นตัวจริงด้วยเช่นกันหลังจากโชว์ฟอร์มในการซ้อมได้ดีจนเฟลิกซ์ มากัธเอ่ยปากชมเลยทีเดียว ผมเองโทรนัดตั๊กมาเจอกันที่มิวนิคด้วย ซึ่งมันเองก็ตอบรับอย่างรวดเร็วเพราะอยากเจอเพื่อนอยู่แล้ว ส่วนนัทกับต้นนั้นไม่สามารถมาได้เพราะต้นสังกัดเองก็ใกล้จะลงสนามแล้วเช่นกัน ผม เทพ ตั๊ก ก็สัญญากับมันไว้ว่าอาจจะไปเยี่ยมมันสองคนที่อังกฤษเช่นกันถ้ามีโอกาส แต่ถึงแม้ว่าเราอาจจะไม่มีโอกาส ผมก็หวังไว้ว่าเราอาจจะได้เจอกันใน ucl ฤดูกาลนี้ก็เป็นได้ และถ้ามันเกิดขึ้นอย่างนั้นจริงๆ เราต่างคนก็คงต้องทิ้งคำว่าเพื่อนไว้ข้างสนามชั่วคราวจนกระทั่งหลังจาก 90 นาทีแห่งการแข่งขันจบลง มิตรภาพของเราก็จะยังคงอยู่เหมือนเดิมอย่างไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

บ่ายวันศุกร์ที่ 11 สิงหาคม ขณะนี้ผมและเทพอยู่ที่มิวนิค เราสองคนกำลังรอการมาถึงของตั๊กอยู่อย่างใจจดใจจ่อ เพราะว่าเรานัดกันตั้งแต่สายๆ แต่ว่าขณะนี้บ่ายสองโมงกว่าแล้วยังไม่มีใครเห็นวี่แววตั๊ก ตอนนี้เอ็มและโยกำลังอยู่ในห้องแต่งตัวเพื่อฟังแท็คติกจากมากัธ จากที่พวกเรารู้มาจากเอ็มและโย มากัธค่อนข้างจะเป็นกุนซือที่เน้นทางด้านแท็คติกค่อนข้างมากและยังเข้มงวดเรื่องความฟิตอย่างที่สุดซึ่งสิ่งนี้ก็สร้างความลำบากให้กับโยซึ่งไม่ค่อบชอบการฝึกซ้อมที่เน้นพละกำลังสักเท่าไร แต่สำหรับเอ็มแล้วเรื่องนี้ไม่มีผลกับมันแต่อย่างใดเพราะปกติมันก็เป็นประเภทที่วิ่ง 90 นาทีไม่มีวันหมดอยู่แล้วนั่นเอง

“เฮ้ย กูว่าเข้าสนามก่อนดีกว่าว่ะ ตั๊กแม่งมาหรือเปล่าไม่รู้” เทพพูด “เออว่ะ เดี๋ยวคนมันจะเยอะแล้วจะเข้าลำบาก” ผมเห็นด้วยกับเทพ “แล้วเอ็มกับโยมันจะได้ลงหรือเปล่าวะ ไม่ส่งข่าวมาเลย” เทพแสดงความกังวลออกมา “เออว่ะ แต่ก็เอาเถอะไปลุ้นกันข้างในละกัน” ผมพูดพลางพยักหน้าชวนเทพเดินเข้าไปข้างในตัวสนาม อัลลิอันซ์ อารีน่าเป็นสนามใหม่ที่เพิ่งเปิดใช้งานเมื่อ 2005 นี้เอง ภายในสนามค่อนข้างโออ่ากว้างขวางดีทีเดียว เราสองคนนั่งอยู่ฝั่งเดียวกับกองเชียร์บาเยิร์น มิวนิค เพื่อที่จะได้ส่งเสียงเชียร์เพื่อนสองคนได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกลัวว่าจะมีกองเชียร์คนอื่นมาเขม่นแต่อย่างใด เอ็มเล่าให้ผมกับเทพฟังว่ามันมีเพื่อนสองคนที่พบกันตอนที่มันมาเยอรมันใหม่ๆ ซึ่งทั้งสองคนนั้นเป็นนักเตะของบาเยิร์น มิวนิค และได้ลงเป็นตัวจริงมาตั้งแต่ก่อนฤดูกาลนี้แล้ว ซึ่งเดี๋ยวในช่วงที่เกมการแข่งขันเสร็จสิ้นมันจะพามาแนะนำให้เรารู้จักด้วย ผมนั่งอยู่สักพักก็เริ่มได้ยินเสียงคนดูโห่ร้องกันอื้ออึงพร้อมทั้งลุกขึ้นยืนปรบมือกันทั่วสนาม ป้ายผ้าต่างๆที่เตรียมมาก็เริ่มชูกันเต็มที่ คนไหนถือธงของสโมสรหรือธงชาติของนักเตะที่ตัวเองชื่นชมก็เริ่มโบกสะบัดกันอย่างพลิ้วไสว ทั้งหมดนี้เป็นเหมือนสัญญาณต้อนรับการเดินลงสนามของนักเตะทั้งสองทีม นัดเปิดสนามบุนเดสลีกาวันนี้ที่เรามาชมต้นสังกัดของเอ็มกับโยเป็นฝ่ายเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของคู่อริเจ้าของฉายาเสือเหลืองดอร์ทมุนด์ ทีมคู่รักคู่แค้นที่แย่งชิงความสำเร็จกันมาในยุค 90 แต่ปัจจุบันดอร์ทมุนด์เองอาจจะมีผลงานที่ตกต่ำลงไปแต่ก็ยังคงเป็นทีมที่มียอดผู้ชมในสนามเหย้าของตัวเองมากที่สุดในบุนเดสลีกาอยู่ดี นั่นแสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดีของแฟนบอลเสือเหลืองที่ไม่ได้จางหายไปพร้อมกับผลงาน โฆษกของสนามเริ่มทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มพลัง แต่ด้วยความที่พวกเราอ่อนด้อยในภาษาเยอรมันมากจึงไม่สามารถเข้าใจคำพูดของเขาได้ แต่ด้วยเสียงของกองเชียร์ที่ดังขึ้นอยู่ตลอดเวลา เราจึงคิดเอาเองว่าเขาน่าจะพูดประโยคปลุกใจอะไรสักอย่างเพื่อทำให้กองเชียร์ส่งเสียงให้กำลังใจนักเตะดังขึ้นๆอยู่ตลอดเวลา และหลังจากการปลุกใจจบสิ้นลง รายชื่อผู้เล่น 11 ตัวจริงของทั้งสองฝั่งก็ถูกแนะนำจากปากของโฆษกอีกครั้ง รวมทั้งฉายขึ้นจอมอนิเตอร์ยักษ์ในสนามเพื่อความสะดวกแก่แฟนบอลที่อาจจะไม่ได้ยินเสียงเนื่องจากอยู่ท่ามกลางเสียงกองเชียร์อันอื้ออึง เสือใต้วันนี้นำทีมมาโดยนายทวารอันดับต้นๆของโลก โอลิเวอร์ คาห์น กองหลังริมเส้นทั้งสองข้างเป็นวิลลี่ ซาญอลและฟิลิปป์ ลาห์ม ซึ่งคนนี้ที่เอ็มบอกว่าเป็นเพื่อนกับมันตั้งแต่ตอนมันมาเยอรมันใหม่ๆ และเมื่อผมกวาดสายตาไปตรงรายชื่อของคู่กองหลัง ผมและเทพต่างไม่สามารถควบคุมอาการตื่นเต้นของตัวเองได้เลย “โยแม่งได้ลงตัวจริงว่ะ เล่นคู่ลูซิโอด้วย สุดยอดๆ” เทพพูด “กูไม่คิดเลยว่าวันนึงจะได้มาเห็นรายชื่อพวกเราในสนามระดับอัลลิอันซ์ อารีน่าอย่างนี้ ดีใจจริงๆว่ะ” ผมพูด “แล้วลูซิโอนี่ นักเตะในดวงใจมันคนหนึ่งเลยนะ สงสัยมันจะตื่นเต้นน่าดู” เทพพูด “ก็อย่าให้มันตื่นเต้นจนเล่นไม่ออกละกันวะ สู้ๆโว้ยโย” ผมพูด ด้วยอารามของความตกใจและตื่นเต้นทำให้เรายังไม่ได้กวาดสายตาดูรายชื่อตัวผู้เล่นของบาเยิร์นต่อไป แต่แล้วพวกเราต่างก็ยิ้มให้กันเมื่อรายชื่อผู้เล่นกองกลางมีเอ็มได้ลงสนามเป็นปีกขวาด้วย และรายชื่อกองกลางจากขวาไปซ้ายก็มี เอ็ม ฮากรีฟ ชไวน์สไตเกอร์ ซาลิฮามิดซิซ และเจ้าหนุ่มผมทองท่าทางจองหองที่จองตำแหน่งกองกลางตัวรุกในเกมนี้อย่างชไวน์สไตเกอร์นั้นก็เป็นอีกคนที่เอ็มบอกเราว่าได้รู้จักกันตั้งแต่ตอนที่มันเข้ามาเป็นเยาวชนของเสือใต้ใหม่ๆ นั่นทำให้ผมคิดว่าแผงกองกลางของบาเยิร์น มิวนิควันนี้น่าจะเล่นกันได้อย่างรวดเร็วทีเดียว เพราะฮากรีฟเองก็เป็นนักเตะวัยรุ่นเช่นเดียวกันถึงแม้อายุจะมากกว่าพวกเรานิดหน่อยแต่ก็ยังอยู่ในรุ่นราวคราวเดียวกันและดูท่าจะเป็นพวกวิ่งไม่มีหมดเสียด้วย และคู่กองหน้าที่จะคอยปิดบัญชีให้กับเสือใต้นั้น รอย มาคายและโรเก้ ซานตาครูซ รับหน้าที่ไปในวันนี้ ก่อนเกมจะเริ่มโฆษกสนามก็ประกาศยอดรวมของคนดูวันนี้ 69000 คน ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากพอดูสำหรับเกมลีกในยุโรปในยุคที่การถ่ายทอดสดเข้ามามีบทบาทกับธุรกิจมากกว่ายุคก่อน ผมกับเทพคุยกันว่าถ้าที่เมืองไทยมีคนดูกีฬามากมายขนาดนี้คงจะเป็นภาพที่สวยงามอย่างชนิดที่หาดูไม่ได้ง่ายๆเลยทีเดียว

บาเยิร์น มิวนิค เป็นฝ่ายเขี่ยลูกเริ่มเล่นก่อน และเพียงแค่นาทีแรกเจ้าบ้านก็ทักทายผู้มาเยือนอย่างชนิดที่เกือบจะเป็นหายนะของผู้มาเยือนเลยทีเดียว หลังจากมาคายเขี่ยลูกคืนหลังมาให้ชไวน์สไตเกอร์ เจ้าหนุ่มผมทองก็บรรจงวางลูกออกทางขวาให้กับปีกขวาจากเอเชียที่พึ่งเป็นตัวจริงนัดแรกในบุนเดสลีกาได้โชว์ลีลาให้กับกองเชียร์ได้ประจักษ์แก่สายตาว่าทำไมมันจึงได้รับโอกาสนี้ เอ็มเอาบอลลงด้วยการแตะหนีคริงเก้กองกลางของดอร์ทมุนด์ในจังหวะแรก ก่อนกระชากเข้าไปในแดนของเสือเหลืองอย่างรวดเร็วตามสไตล์ถนัดของมัน แต่ด้วยการเข้าประชิดตัวอย่างรวดเร็วของเดเด้แบ็คซ้ายบราซิลเลี่ยนของผู้มาเยือนก็ทำให้เอ็มจำเป็นที่จะต้องหยุดการคุกคามด้วยความเร็วเพื่อดูเชิงของคู่ต่อสู้ก่อน และแล้วมันก็เลือกที่จะทำชิ่งหนึ่งสองกับฮากรีฟที่เข้ามารองบอลก่อนที่กองกลางหัวหยิกอย่างฮากรีฟจะจ่ายตัดหลังเดเด้ให้เอ็มใช้ความเร็วควบแข่งกับเดเด้เพื่อไปรับบอลที่เส้นหลังและเอ็มเองก็ไม่ทำให้แฟนๆผิดหวังมันไปถึงเร็วพอที่จะบรรจงหักข้อเข้ามาที่เสาแรกและที่นั่นรอย มาคายก็รอคอยบอลของเขาอยู่อย่างฉลามได้กลิ่นเลือด แต่แล้วเสาประตูก็แย่งโรมัน ไวเดนเฟลเลอร์นายทวารทีมเยือนทำหน้าที่ป้องกันประตูแทน จังหวะนี้นักเตะทีมเยือนทั้งสนามยืนนิ่งพลางนึกว่าจะต้องเสียประตูในจังหวะบุกเพียงแค่ครั้งแรกของคู่แข่งแล้ว แต่มาคายก็ทำได้เพียงแค่ทักทายเท่านั้นและเจ้าตัวก็ไม่ลืมปรบมือขอบคุณเอ็มที่ถวายพานทองมาให้ในจังหวะนี้ เกมดูเหมือนจะตกเป็นของเจ้าบ้านอย่างง่ายดายแต่แล้วอเล็กซานเดอร์ ฟราย กองหน้าทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ซึ่งพึ่งย้ายมาร่วมทีมเสือเหลืองเมื่อตอนปิดฤดูกาลก็ส่งสัญญาณเตือนทีมเยือนว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเอาชนะได้ในเกมนี้ เกมขึ้นมาจากทางริมเส้นโดยเนลสัน วัลเดซกองหน้าจอมลีลาจากปารากวัยที่เบียดเอาชนะลาห์มมาได้ก่อนลากบอลติดเท้าเข้ามาดวลกับลูซิโอตรงริมกรอบเขตโทษด้านซ้าย และแม้แต่ลูซิโอเองก็ไม่สามารถจะปิดทางบอลของกองหน้าอเมริกาใต้ผู้นี้ได้หมด เจ้าตัวยังสามารถเปิดบอลโด่งผ่านลูซิโอมาที่กลางประตูได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ และที่นั่นมีเพียงโยกับฟรายยืนเบียดกันอยู่สองคน ฟรายเตี้ยกว่าโยร่วมๆ 5 เซนติเมตรแต่ก็หนากว่าโยอยู่มากทีเดียวและด้วยความหนาและประสบการณ์ที่มากกว่านี่เองทำให้ฟรายสามารถเบียดโยขึ้นโหม่งได้ก่อนอย่างที่พวกเราไม่อยากจะเชื่อสายตา แต่แล้วคาห์นก็บินไปเซฟลูกโหม่งลูกนี้ได้อย่างทันท่วงทีก่อนที่จะหันมาโวยวายใส่กองหลัง จังหวะนี้เล่นเอาโยหน้าจ๋อยไปเลยทีเดียว “ร่างกายพวกเราแม่งสู้ลำบากว่ะ พวกนี้แม่งแข็งเป็นหิน”ผมพูด “กูก็ว่าอย่างนั้น โยว่าใหญ่ๆแม่งเบียดเสียกระเด็น สงสัยต้องเพิ่มฟิตเนสหน่อยว่ะพวกเรา ไม่งั้นถ้าปล่อยไปอย่างนี้โยหลุดแน่ ฟานบุยเต็นก็นั่งรอโอกาสอยู่ด้วย”เทพให้ความเห็นถึงกองหลังเบลเยี่ยมที่มีชื่ออยู่ในตัวสำรองของเจ้าบ้านด้วย และแล้วช่วงเวลาที่เหล่าแฟนบอลบาเยิร์นรอคอยก็มาถึงในเวลาไม่นาน เพียงนาที 24 เจ้าบ้านก็ได้เฮกันสนั่นเมื่อลาห์มที่เติมเกมอย่างดุดันมาตั้งแต่ต้นเกมได้โอกาสทำชิ่งกับมาคายก่อนที่มาคายจะหลอกกองหลังว่าจะชิ่งคืนให้กับลาห์มที่วิ่งเข้าไปในกรอบเขตโทษก่อนที่จะดึงบอลเข้าขวาและซัดจากนอกกรอบเสียบสามเหลี่ยมในแบบสุดสวยส่งให้เสือใต้ขึ้นนำไปก่อนในครึ่งแรก หลังจากได้ประตูนี้ไปเกมของเสือใต้ก็ยังดูเป็นต่ออยู่แต่ก็ทำได้แค่เพียงใกล้เคียงที่จะทิ้งห่างไปอีก และแล้วเมื่อ 45 นาทีแรกหมดลง ทีมเยือนจึงยังพอมีลุ้นอยู่เพราะตามแค่ 0 – 1 เท่านั้น และเมื่อครึ่งแรกจบลง ผู้ชายที่เรารอคอยก็มาถึง “กูติดธุระว่ะโทษที เกมเป็นไงบ้าง” ตั๊กสอบถามพวกเราด้วยท่าทางกระหืดกระหอบราวกับวิ่งมาจากบาร์เซโลน่าเลยทีเดียว “บาเยิร์นดีกว่าว่ะ เอ็มก็พอจะคุกคามเดเด้ได้บ้าง แต่ความเร็วเดเด้มันไม่เป็นลองว่ะ เอ็มเลยต้องเล่นประคองๆหน่อยแต่มันก็ไม่เสียบอลนะ เพียงแต่ไม่ได้กระชากตามสไตล์ว่ะ” เทพเล่าให้ฟังเป็นฉากๆ “แล้วโยล่ะ ไหวไหม” ตั๊กถาม “ทางบอลพอได้อยู่ว่ะ แต่ดูตื่นๆนะ ไม่กล้าเล่นเหมือนเคยว่ะ แต่เจอความคล่องของวัลเดซกับลูกหนักของฟรายเข้าไป ดูท่าทางมันจะรับเละเลยเหมือนกัน นี่ดีมีลูซิโอค่อยช่วยอยู่ว่ะ ไม่งั้นอาจจะแย่” ผมพูด “เอาโว้ยเดี๋ยวดูกันต่อไป เอานี่ ไส้กรอกกูซื้อมาจากข้างหน้าสนาม มาฝากพวกมึงในฐานะที่กูมาช้า กินๆไปจะได้ไม่บ่นมาก” ตั๊กใช้ไส้กรอกเยอรมันมาปิดปากพวกเราแต่นั่นก็ได้ผลเลยทีเดียว มันทำให้เราไม่บ่นมันมากเท่าที่ควรเพราะจะรีบกินให้หมดก่อนที่ครึ่งหลังจะเริ่มขึ้น พอหมดเวลาพัก 15 นาที นักเตะทั้งสองทีมทยอยเดินลงสู่สนาม พวกเราพยายามดูว่าโยจะโดนเปลี่ยนตัวออกหรือเปล่าเพราะว่าฟอร์มครึ่งแรกของมันไม่ค่อยมั่นคงเท่าที่ควรแต่แล้วก็เป็นข่าวดีสำหรับพวกเราที่โยยังไม่โดนเปลี่ยนออก พวกเราสามคนนั่งมองโยและเอ็มในสนามอย่างปลาบปลื้มอีกครั้ง เราต่างต้องกระตุ้นตัวเองอยู่เสมอเพื่อให้เชื่อว่าสิ่งที่เราเห็นอยู่ตรงหน้านี้ไม่ใช่ความฝัน เพื่อนเราสองคนกำลังลงสนามแข่งให้กับทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเยอรมันอย่างบาเยิร์น มิวนิค ในสนามที่ไฮเทคและยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป ย้อนหลังไปตอนที่พวกเราเพิ่งเรียนจบมัธยมปลาย ถ้าหากมีหมอดูคนใดบอกว่าพวกเราจะมาถึงจุดนี้ได้ในอีกห้าปีต่อมา เราทุกคนคงหัวเราะให้กับการเดาสุ่มของหมอดูคนนั้นแน่แต่แล้วสิ่งที่เราไม่เคยคิดว่าจะเป็นจริงมันก็เป็นจริงขึ้นมาต่อหน้าของเราแล้วในขณะนี้ ฟุตบอลครึ่งหลังเริ่มต้นขึ้นอย่างดุดันเช่นเคย เสือเหลืองเปิดเกมสู้อย่างไม่เกรงกลัวแต่อย่างใด แต้มแรกในนัดเปิดสนามเป็นสิ่งที่ใครๆก็ต้องการแต่การเก็บสามแต้มเป็นของกำนัลให้กับแฟนๆก็เป็นสิ่งที่เสือใต้เองก็ต้องการเช่นเดียวกัน

โยตัดบอลได้อย่างน่าทึ่งจากการดวลตัวต่อตัวกับวัลเดซ กำลังใจในช่วงพักครึ่งที่มันได้จากมากัธและเพื่อนๆในทีมดูจะมีผลดีทีเดียว มันวางบอลข้ามฝากจากแดนหลังมายังกลางสนามเยื้องไปทางซ้ายซึ่งชไวน์สไตเกอร์ฉีกออกไปรับบอลตรงนั้นได้อย่างเหมาะเหม็ง กองกลางหัวทองเลี้ยงตัดเข้ากลางสนามซึ่งในจังหวะนั้นลาห์มก็วิ่งอ้อมหลังเติมขึ้นมาตามสไตล์อย่างทันท่วงที พ่อหนุ่มเซบาสเตียนตัดสินใจป้ายบอลออกทางริมเส้นให้กับลาห์มที่วิ่งเติมขึ้นมาก่อนที่ตัวเองจะวิ่งเข้าไปรอที่หน้าเขตโทษ ลาห์มเองมองเห็นว่าตรงกลามสนามมีผู้เล่นของดอร์ทมุนด์คุมเชิงอยู่หลายคนโดยชไวน์สไตเกอร์เองก็ถูกเซบาสเตียน เคห์ลประกบอยู่ลาห์มจึงตัดสินใจวางบอลข้ามฝากไปที่เอ็มซึ่งยืนยกมือรออยู่ที่ฝั่งตรงข้าม แต่ทันทีที่เอ็มจะจับบอล เดเด้ซึ่งรอตัดบอลอยู่ตั้งแต่แรกจึงเสียบสกัดหมายจะตัดบอลจากเอ็มและโต้กลับอย่างรวดเร็วในจังหวะนี้แต่แล้วเอ็มก็ทำให้เดเด้ต้องผิดพลาดด้วยการยกขาปล่อยบอลผ่านไปโดยไม่จับบอลและบอลก็ผ่านตัวมันไปถึงซาญอลที่เติมขึ้นมาทางด้านหลังอย่างพอเหมาะพอเจาะ ซาญอลตัดสินใจโยนบอลเข้ากลางในจังหวะแรกเข้าไปในเขตโทษและเป็นซานตาครูซที่เข้าถึงบอลก่อนใครแต่ด้วยความที่หันหลังให้ประตูอยู่จึงไม่สามารถจะทำประตูได้ในจังหวะแรก แต่เขาก็ตัดสินใจโหม่งชงออกมานอกเขตโทษคืนให้กับชไวน์สไตเกอร์ที่ยืนรออยู่ได้ตะบันอย่างเต็มเท้าส่งให้เสือใต้นำห่างไปอีกครั้ง และเพียงแค่นี้ก็เพียงพอที่เสือใต้จะผ่อนเกมลงได้ในช่วงเวลาที่เหลือ สุดท้ายจนแล้วจนรอดทั้งสองทีมก็ไม่สามารถทำประตูกันได้ เกมจึงจบลงด้วยสกอร์ 2 – 0 ซึ่งนั่นก็เพียงพอที่จะทำให้โยและเอ็มมีความสุขที่สุดในแมตซ์แรกในระดับอาชีพของพวกมันแฟนบอลบาเยิร์น มิวนิคยังคงโห่ร้องยินดีให้กับนักเตะของตัวเองอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหมดเสียงลงอย่างง่ายๆ พวกเขาคงอัดอั้นที่ฤดูกาลปิดมานานและทั้งหมดนั้นก็ถูกระเบิดออกมาในแมตซ์แรกของฤดูกาลเช่นนี้ซึ่งนั่นทำให้ผมและเทพจินตนาการไปถึงเสียงกองเชียร์ที่ซานซิโร่ในช่วงเปิดฤดูกาลของกัลโช่ ซีรี่ย์อาด้วยเหมือนกันว่าจะดังและเต็มไปด้วยสีสันเหมือนเช่นที่นี่หรือไม่

หลังจบเกมพวกเราเจ็ดคน ไทย 5 คน และเยอรมัน 2 คน ต่างพากันไปเฉลิมฉลองรวมทั้งทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่กันอย่างเต็มที่ราวกับว่าห่างหายจากกันมานาน บทพูดต่างๆนาๆหลายภาษาถูกสร้างขึ้นและรับฟังท่ามกลางกลุ่มชายผู้รักเกมลูกหนังเป็นชีวิตจิตใจทั้ง 7 คนนี้ วันนี้พวกเราทุกคนได้เห็นแล้วว่าความฝันของเอ็มและโยสามารถเป็นจริงได้ด้วยความพยายามของพวกมันสองคน ผม เทพ ตั๊ก ต่างหวังกันว่าความพยายามของพวกเราจะสำเร็จผลแบบนี้บ้างไม่วันใดก็วันหนึ่ง และนอกจากนั้นมีอีกสิ่งหนึ่งที่พวกเราได้รู้อย่างชัดเจนอีกครั้งว่ากำลังใจมันมีผลกับมนุษย์จริงๆอย่างที่เราได้ยินจากโย “ตอนพักครึ่ง โค้ชมากัธบอกกูว่าเขารู้ว่ากูมีความสามารถแค่ไหนเขาจึงส่งกูลง อย่าให้แค่ความตื่นเต้นมาทำให้ประสบการณ์ตัวจริงเกมแรกของกูต้องแปดเปื้อน และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เพื่อนในสนามจะคอยช่วยเหลือกูอยู่เสมอ เพราะเราคือทีมเดียวกัน กูได้ยินแค่นี้ กูเล่นลืมเหนื่อยเลยว่ะ”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น