วันเสาร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

DREAM 2 บทที่ 9 พยายามไม่พอ



ด้วยผลการแข่งขันนัดแรกที่เสือใต้บาเยิร์น มิวนิค สามารถมายันเสมอพร้อมทั้งยิงประตูในฐานะทีมเยือนได้ด้วยสกอร์ 2 – 2 นั่นทำให้การไปเยือนมิวนิคในครั้งนี้ของผมและเพื่อนๆเป็นงานที่ยากลำบากยิ่งนัก ด้วยสกอร์ที่เกิดขึ้นในนัดแรก การจะผ่านบาเยิร์นของเอ็มและโยได้นั้นจำเป็นต้องใช้ทั้งความสามารถ ความพยายาม รวมทั้งยังจะต้องมีโชคเข้าข้างอีกด้วย ทางเลือกของพวกเรามีเพียงการเอาชนะเสือใต้ให้ได้ในบ้านของพวกเขา หรือไม่ก็เสมอด้วยสกอร์ที่มากกว่า 2 – 2 แต่ไม่ว่าหนทางจะยากลำบากสักเท่าไร การเป็นนักฟุตบอลอาชีพก็สอนให้เราต้องพบกับอะไรแบบนี้เสมอๆอยู่แล้ว หลังจากการซ้อมครั้งสุดท้ายที่อัลลิอันซ์ อารีน่าจบลง อันเชล็อตติได้เรียกพวกเราทุกคนไปรวมตัวกันเพื่อที่จะประกาศรายชื่อให้ทราบว่า พรุ่งนี้ใครจะได้ลงตัวจริงในการทำงานใหญ่ที่เยอรมันครั้งนี้บ้าง อันเชล็อตติบอกกับพวกเราว่าถึงแม้ว่าเราจำเป็นจะต้องชนะ แต่เขาก็จะไม่เปลี่ยนแท็คติกที่พวกเราใช้กันอยู่เสมอๆในฤดูกาลนี้นั่นก็คือ 4 – 5 – 1 ผมกับเทพมองหน้ากันอย่างมีความหวัง เพราะการที่อันเชล็อตติใช้กองกลาง 5 ตัวนั่นก็ทำให้พวกเรามีโอกาสที่จะได้ลงสนามมากกว่าที่จะเล่นกลางเพียงแค่ 4 ตัว และแล้วเมื่ออันเชล็อตติพูดในสิ่งที่เค้าต้องการจนหมด ผมกับเทพก็มีโอกาสจับมือแสดงความดีใจกันอีกครั้งอย่างที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน

จากการบาดเจ็บในการซ้อมเมื่อวาน ทำให้ในตำแหน่งกองกลางตัวรุกต้องขาดซีดอร์ฟ กองกลางรุ่นพี่ประสบการณ์สูงไปอย่างน่าเสียดาย และตำแหน่งนี้ที่จะได้เล่นคู่กันกับกาก้าในการทำเกมรุก อันเชล็อตติเลือกเทพลงเป็น 1 ใน 5 กองกลางในเกมนี้ ผมเองดีใจกับเพื่อนที่ได้รับโอกาสในครั้งนี้และไม่ลืมที่จะย้ำว่าให้ทำให้ดีที่สุดให้สมกับโอกาสที่ได้รับมา “สู้นะมึง เอาให้พวกไอ้เอ็มกับไอ้โยมันรู้ว่ามิลานเราไม่เป็นรองใคร” ผมพูด “จะพยายามเต็มที่ว่ะ แต่แค่ได้ยินว่าจะได้ลงขาก็สั่นจะแย่แล้วนี่” เทพพูดพร้อมกับยิ้มอย่างเขินๆให้กับผม อันเชล็อตติบอกให้ผมเตรียมตัวให้พร้อมเช่นกันเพราะว่าเรายังไม่รู้ว่าสถานการณ์ในเกมนี้จะออกมาในรูปแบบไหน และคำสั่งเสียสุดท้ายของอันเชล็อตติในวันนี้ก็คือให้พวกเรานอนหลับให้สบายเพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับการแข่งขันในถ้วยที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งมันอาจจะเป็นนัดสุดท้ายของพวกเราในกรณีที่ทำผลการแข่งขันไม่ได้อย่างที่หวัง ผมเองคิดในใจว่าผมน่าจะไม่มีปัญหากับการนอนหลับในคืนนี้ แต่ไอ้เทพนี่สิใครจะรู้ได้ ถ้าผมเป็นมัน ความตื่นเต้นอาจจะไม่อนุญาตให้ผมพักผ่อนเลยก็ได้นะ

ถ้าผมจำไม่ผิด บาเยิร์นใช้ตัวผู้เล่นแตกต่างกับที่ผมเคยไปดูที่สนามในวันเปิดฤดูกาลของบุนเดสลีกาไปบ้างบางตัวซึ่งก็สืบเนื่องมาจากในระหว่างฤดูกาลมากัธ โค้ชคนเก่าทำผลงานไม่เป็นที่พอใจทำให้ฝ่ายบริหารตัดสินใจแต่งตั้ง อ็อตมาร์ ฮิตซ์เฟลด์ กลับมาคุมทีมอีกครั้ง แต่ถึงแม้จะมีการเปลี่ยนโค้ชเอ็มและโยก็ยังได้ลงเป็นตัวจริงตามที่พวกเราคาดไว้ ก่อนเกมพวกเราได้ทักทายซึ่งกันและกัน ต่างคนต่างก็ไม่ยอมที่จะพลาดโอกาสที่จะคุยทับถมกันในแบบที่เพื่อนสนิทมักจะกระทำใส่กันเสมอๆ “นัดแรกเล่นในบ้านยังไม่ชนะ แล้วนี่มาเยือนมิวนิคจะไหวเหรอวะ” โยเริ่มเปิดประเด็น “เดี๋ยวก็รู้ว่าไหวหรือไม่ไหว เอากูให้อยู่ละกัน” เทพพูดยิ้มๆ “นี่ดีนะกูไม่ลง ไม่อย่างนั้นสงสัยเสือใต้จะหมอบแน่ๆ” ผมพูด “แล้วกูจะคอยดู วันนี้มึงดูกูดวลกับมัลดินี่ให้ดีละกัน” เอ็มพูด “ระวังจะไปไม่เป็นนะโว้ย” ผมบอก พวกเราทุกคนยิ้มให้แก่กันอย่างเต็มไปด้วยมิตรภาพ ความทรงจำในวัยเด็กตามเข้ามาป้วนเปี้ยนวนเวียนในสมองผมอีกครั้ง หากเพียงเราทั้งสี่คนตัดสินใจที่จะทำในสิ่งที่เด็กมัธยมปลายค่อนประเทศทำนั่นคือสอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัยและจากนั้นเมื่อเรียนจบก็หางานที่จะสร้างความมั่นคงให้กับตัวเองและครอบครัวต่อไป พวกเราทั้งสี่คนก็คงจะไม่มีวันนี้ วันที่เด็กไทยที่รักฟุตบอลทุกคนได้เห็นรุ่นพี่ของพวกเขาแสดงฝีเท้าให้ชาวโลกได้ประจักษ์แก่สายตาว่าคนไทยก็สามารถเล่นฟุตบอลในระดับสูงได้ถ้ามีความตั้งใจอย่างแท้จริง และไม่เฉพาะแค่ฟุตบอลเท่านั้น ไม่ว่าคุณจะมีความฝันที่จะทำอะไร ถ้าคุณมุ่งมั่นกับมันอย่างถึงที่สุดแล้ว ผมเชื่อว่าทุกคนสามารถไปถึงฝันได้อย่างแน่นอน

เอซี มิลานของผมเป็นฝ่ายเขี่ยลูกเริ่มเล่นก่อน วันนี้ต้นได้บินมาจากอังกฤษพร้อมกับเพื่อนๆส่วนหนึ่งในทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาดูฟอร์มของพวกเราด้วย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเองผ่านโรม่ามาด้วยสกอร์รวม 8 – 3 ซึ่งสำหรับผมแล้ว มันเป็นความอับอายของวงการฟุตบอลอิตาลีเลยทีเดียว และวันนี้ต้นก็จะได้รู้ว่าทีมของเขาจะได้พบกับทีมจากอิตาลีอีกครั้ง หรือว่าจะเปลี่ยนมาเป็นคู่แข่งจากเมืองเบียร์บ้าง 90 นาทีถัดจากนี้ไปเขาจะได้คำตอบอย่างแน่นอน หลังจากนกหวีดเริ่มเกมดังขึ้น พวกเราเล่นตามที่อันเชล็อตติกำชับมาก็คือพยายามครองบอลไว้โดยไม่ต้องเร่งรีบแต่อย่างใด กัตตูโซ่ อัมโบรซินี่ ปิร์โล่ กาก้า และเทพ เป็นห้ากองกลางที่จะต้องทำหน้าที่นี้ตามที่ได้รับมอบหมายลงมาจากโค้ช ดูจากลักษณะการเล่นของเสือใต้แล้ว ดูเหมือนอ็อตมาร์ ฮิตซ์เฟลด์จะเน้นการขึ้นเกมทางริมเส้นมากกว่าที่จะเจาะเข้ามาตรงคู่กองหลังตัวกลางของเรา การที่บาเยิร์นมีทั้งชไวนี่ ลาห์ม และเอ็มด้วยนั้นทำให้ ฮิตซ์เฟลด์มั่นใจเหลือเกินว่าเขาน่าจะสามารถเอาชนะทั้งอ็อดโด้ทางฝั่งขวาและแยนคูลอฟสกี้ทางฝั่งซ้ายได้ แต่นั่นก็ไม่ได้เกินความคาดหมายของอันเชล็อตติแต่ประการใด กัตตูโซ่และอัมโบรซินี่ มิดฟิลด์รุ่นพี่ของพวกเราได้ถูกกำชับมาเป็นอย่างดีเช่นกันให้เป็นด่านหน้าเข้าปะทะกับปีกของบาเยิร์นทั้งสองข้างก่อนที่พวกเขาจะได้เผชิญหน้ากับกองหลังตัวริมเส้นทั้งสองข้างของทีมเรา นั่นหมายความว่าถ้าเอ็มคิดจะเจาะแผงหลังของมิลานด้วยความสามารถเฉพาะตัว มันเองจะต้องพบกับอัมโบรซินี่ก่อนเป็นรายแรก จากนั้นตามมาด้วยแยนคูลอฟสกี้ และมัลดินี่เป็นตัวสุดท้าย ในส่วนของบาเยิร์นเองก็มีการวางแผนต้อนรับกาก้ามาเป็นอย่างดีเช่นกัน ฟานบอมเมล กองกลางตัวรับของฝั่งเสือใต้คือคนถูกส่งมาคอยพัวพันกาก้าไว้เพื่อไม่ให้ทำอะไรได้ง่ายๆ แต่ผมเองเชื่อเหลือเกินว่าถ้าไม่ทำฟาล์วตัดเกมฟานบอมเมลคงต้องพบกับงานที่ลำบากที่สุดในชีวิตของเขาแน่นอน กาก้าเองถึงแม้จะอายุมากกว่าพวกเราแค่ปีเดียว แต่เขากลับมีฝีเท้าและมันสมองที่ทำให้ผมกับเทพทึ่งอยู่เสมอๆในการฝึกซ้อมด้วยกัน และถึงแม้อัมโบรซินี่กับกัตตูโซ่จะเป็นกองกลางตัวรับที่มีฝีเท้าระดับต้นๆของยุโรปอยู่แล้ว แต่ในช่วงเวลาซ้อม ทั้งคู่ก็ยังแทบจะไม่สามารถหยุดกาก้าได้เลยถ้าไม่มีการตัดเกมกันเกิดขึ้น และถ้ากาก้าเป็นกุญแจสำคัญในชัยชนะของมิลานแล้ว ทางฝั่งบาเยิร์นเองผมมองว่าลูคัส โพโดลสกี้คือคนๆนั้น โพลดี้เป็นรุ่นน้องพวกเรา 2 ปี แต่เขามีความแข็งแกร่งและดุดันไม่แตกต่างจากชไวนี่แต่อย่างใดเลย อีกทั้งเท้าซ้ายอันทรงพลังของเขาพร้อมที่จะส่งบอลไปตุงตาข่ายของคู่ต่อสู้ได้ตลอดเวลา และเมื่อเวลาผ่านไปไม่ถึงสิบนาทีของครึ่งแรก โพโดลสกี้ก็แสดงให้เห็นว่าสิ่งที่ผมคิดนั้นไม่ผิดไปจากความจริงเลย ถ้าไม่ได้ดิด้าที่บินไปเซฟลูกยิงเต็มแรงด้วยเท้าซ้ายของโพลดี้ในจังหวะนี้ไว้งานของพวกเราคงลำบากขึ้นอย่างมากทีเดียว เกมของมิลานเราไม่ดีเลย อินซากี้ซึ่งเล่นกองหน้าคนเดียวไม่สามารถเก็บบอลได้ ไอ้โยเป็นคนคอยเข้าชน เข้าปะทะก่อนตลอดและถ้ายังสามารถจะฝืนไปต่อได้ก็จะเจอลูซิโอเข้ามาดักในจังหวะสองตลอด พวกเราเองพยายามฝากบอลไว้ที่กาก้าแต่ด้วยการประกบของฟานบอมเมลก็ทำให้กาก้าเองทำอะไรไม่ค่อยถนัดเท่าไรนัก แต่ถึงแม้รูปเกมของเราจะไม่ค่อยดีก็ตามแต่แล้วฟุตบอลก็แสดงให้พวกเราเห็นอีกครั้งว่าทำไมมันถึงเป็นกีฬาอันดับหนึ่งของโลกตลอดมา เกมผ่านไปถึงนาทีที่ 27 เอ็มพาบอลกระชากหนีไอ้เทพไปได้ด้วยความคล่องแคล่ว แต่นั่นไม่ได้พ้นสายตาของอัมโบรซินี่แต่อย่างใด อัมโบรซินี่ตัดสินใจเข้าเสียบสกัดเอ็มอย่างหนักหน่วงแต่เอ็มเองก็เร็วเกินกว่าที่อัมโบรซินี่จะคาดคิดไว้ ถึงแม้บอลจะกระดอนไปไกลสักนิดแต่เอ็มก็ยังคงไปถึงบอลก่อนที่แยนคูลอฟสกี้จะเข้าสกัดได้ เอ็มตัดสินใจจ่ายบอลเข้ากลางเพื่อทำชิ่งกับฮากรีฟ แต่ด้วยความชะล่าใจทำให้เอ็มไม่ได้มองว่าสิ่งที่กำลังจะทำนั้นอยู่ในการอ่านเกมของมัลดินี่หมดแล้ว มัลดินี่ขยับตัวเข้าไปดักบอลเอาไว้อย่างพอเหมาะพอเจาะพร้อมทั้งจ่ายบอลให้กับปิร์โล่ที่เข้ามาขอบอลไปทำเกม ชไวนี่เห็นแล้วว่าเกมของบาเยิร์นกำลังจะถูกโต้กลับอย่างอันตรายจึงปรี่เข้ามาเพื่อที่จะแย่งบอลและด้วยท่าทีที่เชื่องช้าเป็นเอกลักษณ์ของปิร์โล่ทำให้ชไวนี่เองติดประมาทเพราะคิดว่าคู่ต่อสู้ไม่พร้อมสำหรับการต่อสู้สักเท่าไร แต่แล้วการเข้าบอลพรวดพราดของเจ้าหนุ่มผมทองก็กลายเป็นโดนปิร์โล่วนอยู่กับที่หนึ่งรอบหลอกจนเข้าบอลพลาดไปอย่างไม่น่าเชื่อ เสี้ยววินาทีที่เอาตัวรอดออกมาปิร์โล่ตัดสินใจจ่ายบอลเร็วขึ้นหน้าไปให้กาก้าทันที กาก้าลากบอลกินพื้นที่ไปได้เพียงไม่เท่าไรฟานบอมเมลก็เข้ามาทำหน้าที่ของตัวเองอย่างทันท่วงที ฟานบอมเมลทั้งดึงทั้งรั้งจนกาก้าทำท่าจะไปต่อไม่ไหวแต่ก็ยังฝืนกินพื้นที่ไปให้มากที่สุด “ไหลมาเลยพี่” เทพเรียกบอลจากกาก้า กาก้าเห็นว่าไปต่อไม่ได้แน่จึงไหลบอลไปให้เทพในวินาทีเดียวกับที่ฟานบอมเมลเสียบสกัดไปที่กาก้าพอดี บอลไหลมาเข้าทางเทพในระยะประมาณ 30 หลาหน้าประตู อินซากี้วิ่งส่ายหาพื้นที่ทันทีแต่นั่นก็อยู่ในสายตาของลูซิโอและโยที่เฝ้าสังเกตการณ์เคลื่อนไหวอยู่แล้ว แต่ทั้งสองคนก็ลืมไปว่าขณะนี้ทั้งฮากรีฟและฟานบอมเมลไม่อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของตัวเองอีกต่อไปแล้ว เทพยังคงลากเข้ามาจนถึงระยะ 20 หลาหน้าประตู โยเริ่มรู้แล้วว่าสถานการณ์ของตัวเองเริ่มจะไม่ดีเพราะเทพมีพื้นที่มากจนเกินไปจึงตัดสินใจทิ้งตัวประกบแล้ววิ่งเข้ามาหมายจะเสียบสกัดบอลไม่ให้เทพสามารถไปต่อได้ แต่การตัดสินใจของโยช้าไปเพียงเสี้ยววินาที เทพตัดสินใจยิงบอลด้วยเท้าขวาอย่างสุดแรงพร้อมด้วยเลือกทิศทางให้บอลไปเสียบโคนเสาขวามือของคาห์นในลักษณะลูกยิงทแยงมุม บอลพุ่งผ่านตัวโยที่นอนเสียบสกัดอยู่บนผืนหญ้าและพุ่งลอดขาลูซิโอที่ยืนอยู่กับอินซากี้ วินาทีนี้มีเพียงโอลิเวอร์ คาห์นที่จะปฏิเสธการขึ้นนำครั้งนี้ของผู้มาเยือนได้ แต่แล้วโอลิเวอร์ คาห์นก็ได้รู้ว่าวันนี้พระเจ้าท่านใส่เสื้อสีแดงดำ

เกมเข้าสู่นาทีที่ 35 เจ้าบ้านก็ทำผิดพลาดอีกครั้ง เมื่อโยเช็คล้ำหน้าพลาดปล่อยให้ไอ้เทพตอกส้นให้อินซากี้หลุดเข้าไปดวลเดี่ยวกับคาห์นก่อนที่อินซากี้จะเลือกยิงเข้ากลางประตูให้ มิลาน ทิ้งห่างเป็น 2-0 จังหวะนี้จริงๆแล้วโยก็เช็คล้ำหน้าได้ตามปกติแล้ว แต่ว่าอินซากี้เองก็เรียกได้ว่าเป็นเจ้าพ่อสำหรับจังหวะเช็คล้ำหน้าในลักษณะนี้ บางครั้งพวกเราเองยังไม่เข้าใจว่าเขาทำแบบนี้ได้อย่างไร จริงๆแล้วบางครั้งมันก็ทำให้ทีมเสียโอกาสจากการยืนล้ำหน้าอยู่ตลอดเวลาของเขา แต่เมื่อใดก็ตามที่ไลน์แมนไม่ยกธง อินซากี้ก็ไม่เคยปล่อยให้โอกาสอย่างนี้สูญเปล่า และจังหวะนี้เองก็เช่นเดียวกัน พอเสียประตูติดๆ กันทำเอาเสือใต้ดูจะช็อคไปเลยทีเดียว การดันเกมบุกเริ่มไม่ขึ้นเพราะอย่างที่ทราบกันว่าเมื่อใดที่ทีมจากอิตาลีขึ้นนำก็มักจะลงไปตั้งรับหน้าประตูตัวเองอย่างหนาแน่น และวันนี้อันเชล็อตติก็ให้พวกเราทำอย่างนี้อีกครั้ง และพวกเราก็ทำงานของเราได้ดีจนกระทั่ง 45 นาทีแรกหมดลง

ครึ่งหลังเริ่มต้นขึ้นโดยที่ทั้งสองทีมยังไม่มีการเปลี่ยนตัวผู้เล่นแต่อย่างใด อันเชล็อตติกำชับอีกครั้งไม่ให้พวกเราเสียประตูแรกง่ายๆ เพราะเมื่อใดก็ตามที่เราถูกยิงประตูแรก ความกดดันจะถาโถมเข้าสู่พวกเราทันที เจ้าบ้านเองดูจะลงสนามครึ่งหลังด้วยความมุ่งมั่นเต็มพิกัด ทุกคนต่างเคลื่อนที่เข้าช่วยเหลือกันเพื่อที่จะหาทางเจาะเกมรับเต็มรูปแบบของมิลานให้จงได้ ชไวนี่และเอ็มได้บอลมากกว่าเพื่อน แต่อย่างที่ผมบอก อันเชล็อตติเองก็อ่านเกมไว้อยู่แล้วว่าเสือใต้ต้องมาในรูปแบบนี้แน่นั่นทำให้งานของกัตตูโซ่และอัมโบรซินี่ยังคงสำคัญมากๆสำหรับทีมเรา และเมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ และบาเยิร์นยังทำได้เพียงแค่ยิงในระยะไกล ฮิตซ์เฟลด์เองเริ่มไม่สบายใจและลุกขึ้นมายืนกระสับกระส่ายอยู่ที่ริมเส้นข้าง และหลังจากเกมล่วงเข้าสู่หนึ่งชั่วโมงแรกเขาก็เริ่มขยับแก้เกม เคลาดิโอ ปิซาร์โร่ ยอดกองหน้าร่างใหญ่ชาวเปรูก็ถูกส่งลงมาแทนรอย มาคายซึ่งไม่สามารถจะเอาชนะอเลสซานโดร เนสต้าได้เลยในวันนี้ ผมกับเทพเคยเผชิญหน้ากับเนสต้าในสมัยที่เราเพิ่งได้ขึ้นชุดใหญ่ใหม่ๆ และไม่ว่าจะเป็นการซ้อมที่ไม่ได้เน้นผลการแข่งขันสักเท่าไร พวกเราก็ยังไม่เคยดวลตัวต่อตัวเอาชนะเนสต้าได้เลยสักครั้งในการเล่นบนพื้น เพราะฉะนั้นการที่ปิซาร์โร่ลงสนามมานั้น ฮิตซ์เฟลด์คงตั้งใจจะใช้เกมโยนจากด้านข้างและด้านหลังเอาชนะเกมรับของเราแน่ๆ และเมื่อบาเยิร์นขยับเปลี่ยนแปลง อันเชล็อตติก็ไม่ยอมที่จะผิดพลาดแต่ประการใด “เอก ลุกไปวอร์มเดี๋ยวสักพักจะส่งเราลง”อันเชล็อตติพูดพร้อมกับชี้นิ้วมาที่ผม “ครับโค้ช” ผมลุกออกไปวิ่งวอร์มด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ ผมกับเทพเคยเล่นด้วยกันมาไม่รู้กี่ร้อยเกม แต่นี่จะเป็นครั้งแรกที่เราสองคนจะได้เล่นทีมเดียวกันในฟุตบอล UCL จนถึงตอนนี้ผมไม่รู้ว่าจะเรียกตัวเองว่าประสบความสำเร็จได้หรือยัง แต่ถึงอย่างไรผมก็ยังคงต้องพยายามต่อไปเพราะเป้าหมายของผมไม่ใช่แค่การได้ลงสนาม แต่มันยังมีอะไรมากกว่านั้นอีกมากมาย อันเชล็อตติปล่อยให้ผมวอร์มอยู่ชั่วครู่ก็เรียกผมมา “เดี๋ยวจะดันกาก้าไปเล่นกองหน้า เราลงไปแทนอินซากี้นะ ช่วยปิร์โล่ประคองเกมตรงกลางไว้ ถ้ามีโอกาสก็จ่ายให้กาก้ากับเทพเก็บบอล ห้ามเสียบอลแดนกลางเด็ดขาด ทำให้ผมเห็นว่าคุณสมควรลงเป็นตัวจริงในนัดหน้า” อันเชล็อตติสั่งเสียผมครั้งสุดท้ายก่อนจะส่งผมลงสนามไป ผมสูดกลิ่นอายของบรรยากาศที่ผมรอมาทั้งชีวิตให้เต็มปอด ก้มลงแตะหญ้าที่พื้นสนามราวกับว่ามันเป็นเพื่อน เงยหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืนก่อนตั้งสติอีกครั้งและแตะมือกับอินซากี้ที่วิ่งออกมาจากสนาม “ทำให้ดีนะไอ้เด็กไทย” อินซากี้พูด “ครับพี่” ผมตอบ เกมครึ่งชั่วโมงสุดท้ายเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับช่วงเวลาหลังจากที่เราขึ้นนำ 2 – 0 ผมได้บอลบ่อยครั้งพอๆกับปิร์โล่เราสองคนเคาะบอลจังหวะเดียวกินเวลาและล่อให้ทางฝั่งบาเยิร์นเข้ามาไล่บอลเพื่อเปิดพื้นที่ให้กับเทพและกาก้า เมื่อใดก็ตามที่บาเยิร์นผิดพลาด เราก็จะยัดบอลให้สองคนนั้นโต้กลับในทันที ในช่วงเวลาที่อึดอัดของทีมเจ้าบ้าน ไอ้โยเองก็หาโอกาสขึ้นมาส่องไกลอยู่เป็นบางครั้ง แต่ในทุกครั้งที่โยขึ้นมา เทพเองก็จะตามลงมาสกัดมาพัวพันอยู่ตลอดเวลาเพราะรู้ว่าเพื่อนเองเล่นฟุตบอลสไตล์ไหน เอ็มเองพยายามที่จะเอาชนะเกมริมเส้นและโยนบอลเข้ามาให้ปิซาร์โร่และโพโดลสกี้เข้าทำ แต่การที่คนเดียวจะเอาชนะตัวประกบที่เข้ามาทีละสองทีละสามนั้นก็เป็นเรื่องที่ยากพอตัวทีเดียว และเมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆบาเยิร์นเองก็ดูจะยอมรับสภาพของการตกรอบมากขึ้น จะมีก็เพียงเด็กไทยสองคนที่ยังคงพยายามอยู่ตลอดเวลาจนกระทั่งวินาทีสุดท้ายแต่แล้วทั้งสองคนก็ต้องยอมรับว่าแค่ความพยายามเพียงอย่างเดียวคงไม่เพียงพอในเกมฟุตบอลระดับนี้ มิลานของเราทำได้ดีกว่าในเรื่องของแท็กติกในวันนี้และด้วยนักเตะที่เขี้ยวและเก๋าในเกมระดับยุโรปมากกว่าก็ทำให้เราผ่านบาเยิร์น มิวนิคเข้าสู่รอบรองชนะเลิศไปจนได้ และเมื่อเสียงนกหวีดหมดเวลาดังขึ้น ผู้ชมรอบสนามรวมทั้งกลุ่มนักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่เข้ามาชมต่างลุกขึ้นปรบมือให้กับทั้งสองทีม ผมกับเทพมาแลกเสื้อกับโยและเอ็ม ตามที่พวกเราตกลงกันไว้แต่แรก “ได้ลงนิดเดียวเองกู แต่ยังไม่หายตื่นเต้นเลยนะนี่” ผมพูด “กูกับไอ้โยว่าเริ่มชินกับระดับบุนเดสลีกาแล้วนะ มาเจอมิลานมันแข็งกว่าเยอะเลย อัมโบรซินี่ชนกูแต่ละทีตัวกูแทบจะแตก กว่าจะผ่านไปสองคนได้ก็แทบตายแต่เจอมัลดินี่คนสุดท้ายก็เสร็จทุกที” ไอ้เอ็มตัดพ้อ “กูเองดีใจแทบตายตอนยิงเข้า แต่รู้เลยว่ามาเล่นข้างๆกาก้าและปิร์โล่นี่ เราเล่นบอลง่ายขึ้นเยอะว่ะ บอลจ่ายมาเล่นง่ายจริงๆ” เทพพูด “แต่กูเจออินซากี้เข้าไปงงเลย ตอนเราเคยดูในทีวีว่าไม่แข็ง แต่ตัวจริงตัวยังกับหิน แถมยืนล้ำหน้าตลอดประกบยากชะมัด เจอพวกพริ้วๆยังจะดีกว่า”โยพูด “พวกกูรับหน้าที่ไปจัดการไอ้ต้นในรอบหน้าเอง ตามดูนะโว้ย” ผมพูด “แล้วพวกกูจะคอยดู” เอ็มตอบรับแทนไอ้โยพร้อมทั้งชี้มาที่เสื้อของเราสองคน เราสี่คนยืนแลกเสื้อกันอยู่กลางสนามพร้อมทั้งเงยหน้ามองไปรอบๆตัวเองอีกครั้ง แฟนบอลเรือนแสนที่เข้ามาชมเกมเหล่านี้คงมีบ้างสักจำนวนหนึ่งที่ซื้อตัวมาดูพวกเราสี่คน แต่ถ้าวันนี้เรื่องนั้นยังไม่เกิดขึ้น พวกเราเชื่อเหลือเกินว่าวันหนึ่งพวกเราจะทำให้แฟนบอลซื้อตัวมาดูนักเตะจากประเทศไทยให้จงได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น