วันเสาร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2553

รวมเล่ม 17.5 เกาะสมุย น้ำใส ไอทะเล (20/3/2010)



20/3/2010

6.00 น.
การตื่นเช้ากว่าปกติเพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้นเป็นเรื่องที่เราทุกคนสมควรที่จะทำเมื่อพาตัวเองไปท่องเที่ยวพักผ่อนริมทะเล ผมบอกตัวเองว่านี่คือเช้าวันสุดท้ายที่ผมจะมีโอกาสได้ชมพระอาทิตย์ขึ้นจากท้องทะเลสีคราม ซึ่งผมเองยังไม่เคยได้รับโอกาสนั้นเลยใน 4 วันที่ผ่านมา แต่แล้วทุกสิ่งก็เป็นเพียงอุดมคติของผมเท่านั้น เพราะในความเป็นจริง กว่าที่ผมจะรู้ตัวและลืมตาขึ้นมา พระอาทิตย์ก็มาเยือนโลกไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมงเข้าไปแล้ว แต่ถึงแม้ผมจะพลาดโอกาสครั้งนี้ เธอคนข้างกายของผมไม่ยอมที่จะพลาดไปด้วยกัน แถมเธอยังอุตส่าห์เก็บภาพความทรงจำเหล่านั้นไว้ในกล้องดิจิตอลตัวน้อยที่เราติดมือไป และนั่นคือหนทางเดียวที่ผมจะชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สมุยนี้ได้ พระอาทิตย์ขึ้นในกล้องดิจิตอลช่างน่ารื่นรมย์เสียจริงๆ (หรือคุณไม่คิดแบบผม)

8.00 น.

ถึงแม้ผมจะตื่นไม่เร็วพอที่จะทันพระอาทิตย์ขึ้น แต่ถึงอย่างไรผมก็ยังตื่นทันที่จะมีเวลาชมทะเลในยามเช้าอย่างไม่ต้องเร่งรีบแต่อย่างใด ผมเตือนตัวเองอีกครั้งว่าวันเวลาที่ผมมีในมือกำลังจะหมดลง ไม่ว่าคุณจะพยายามใช้ทุกวินาทีอย่างคุ้มค่าเท่าไรแต่เมื่อคุณรู้ตัวอีกครั้ง วันเวลาก็จะเดินหน้าไปอยู่ในจุดที่คุณไม่เคยอยากจะให้มันมาถึง และนั่นคือธรรมชาติของชีวิตที่เราทุกคนหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่เว้นแม้กระทั่งผม
ทะเลยามเช้าให้บรรยากาศที่แปลกไปอีกแบบ สงบแต่ก็เต็มไปด้วยชีวิตชีวา เวิ้งว้างว่างเปล่าแต่ก็ไม่เหงาเหมือนทะเลในช่วงเวลาเย็น ผมสูดลมหายใจเข้าในปอดอีกครั้งเพื่อให้ร่างกายได้รู้จักอากาศดีๆที่พรุ่งนี้ผมจะไม่ได้เจอมันอีก ร่างกายเองก็ดูจะตอบสนองผมด้วยความรู้สึกสดชื่นที่ผมเองรู้สึกได้ในทันทีที่ลมหายใจสีครามครั้งสุดท้ายเข้าไปถึง ผมพยายามจดจำมุมมองที่ผมกำลังเห็นอยู่ตอนนี้ให้ขึ้นใจ ทะเล ดวงอาทิตย์ เส้นขอบฟ้า และทุกสิ่งทุกอย่าง ที่ผมจะไม่สามารถหาได้ในเช้าวันพรุ่งนี้ที่เมืองหลวงของผม ผมอยากให้ภาพนี้ติดตาตรึงใจกลับไปกับผมด้วยเหลือเกิน อยากให้ทุกวินาทีที่ผมหลับตาเมื่อเวลาที่จากสมุยไป ภาพที่อยู่ตรงหน้าผมขณะนี้จะลอยขึ้นมาอย่างเป็นรูปเป็นร่างในทุกๆครั้งที่ผมต้องการ ผมรักทะเล ผมบอกตัวเองถึงความรู้สึกลึกๆในใจที่ผมเองก็เพิ่งจะรู้ใจตัวเอง ผมหลงรักทะเล ผมไม่ได้หวังว่าทะเลจะรับรักผมแต่ถ้าเธอมีความรู้สึกดีๆให้ผมบ้าง ผมก็พร้อมจะรับมันอย่างเต็มใจ

9.00 น.

อาหารเช้ามื้อสุดท้ายบนเกาะแห่งนี้กำลังดำเนินไป เมนูต่างๆก็เป็นอย่างเช่นเช้าเมื่อวาน
ข้าวต้มปลาหมึก ไส้กรอก แฮม เบคอน ขนมปัง ไข่คน ไข่ดาว ไข่ม้วน ถูกใส่ลงท้องของผมและคนข้างกาย เมนูไม่แตกต่าง สิ่งแวดล้อมรอบกายก็ยังคงไม่แตกต่าง เพื่อนร่วมทางยังคงเป็นทะเลและเส้นขอบฟ้าเส้นเดิม แต่สิ่งที่ต่างออกไปคือผมแปลกใจในตัวผมเองที่ผมไม่เคยเบื่อ ไม่แม้แต่นิดเดียว คุณเคยถามตัวเองไหมว่าเป็นเวลานานเท่าไรที่คุณจะสามารถนั่งมองทะเลได้โดยไม่รู้สึกเบื่อ สำหรับผม หลังจากถามตัวเอง ผมได้คำตอบออกมาอย่างชัดเจนว่า จนกว่าทะเลจะเบื่อและไม่ต้องการที่จะมองหน้าผม นั่นคือเวลาที่ผมจะจากไป

11.00 น.

ถึงแม้ว่าผมนัดหมายกับเจ้านกเหล็กไว้ว่าจะกระพือปีกในเวลาสองทุ่ม แต่บริษัทรถทัวร์และเรือเฟอร์รี่ที่จะพาผมข้ามฝากไปฝั่งแผ่นดินใหญ่ก็แจ้งว่าให้ผมมาขึ้นรถในเวลาบ่ายโมงครึ่งและนั่นก็ทำให้หลายสิ่งหลายอย่างมันดูฉุกละหุกมากขึ้นกว่าที่ควรจะเป็น สืบเนื่องจากเวลาที่ถูกลดทอนไป เราจึงจำเป็นจะต้องเลือกทำสิ่งที่สำคัญที่สุดเพราะเราคงไม่สามารถจะทำทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องการได้ในเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมง และสิ่งสำคัญที่สุดที่เราเลือกก็คือ การร่ำลา
พ่อกับแม่คือคนสองคนบนเกาะแห่งนี้ที่เราไม่สามารถที่จะจากไปโดยไร้การร่ำลาที่อาลัยอาวรณ์ เมื่อวานเราพลาดโอกาสในการไปส่ง “พี่” ที่จะกลับกรุงเทพ เพราะด้วยความจัดเจนในเส้นทางอันน้อยนิดทำให้เราขับรถหลงทางและไม่สามารถไปส่งพี่ได้ทัน โทรศัพท์มือถือจึงเป็นอุปกรณ์ที่เราถูกบังคับให้เลือกที่จะใช้ร่ำลากันในขณะที่ตัวของเราและพี่ไม่ได้อยู่ใกล้กัน เราต่างสัญญากันว่าเมื่อเรากลับไปพบกันที่กรุงเทพ ความสัมพันธ์ของเราจะเป็นแบบเดิม และผมเชื่อเหลือเกินว่าคำสัญญานี้จะไม่แปรเปลี่ยนไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
เมื่อเราพลาดโอกาสที่จะร่ำลาพี่ เราจึงใช้เวลาทั้งหมดที่มีในวันนี้เพื่อที่จะร่ำลาพ่อกับแม่เพราะเราไม่อาจรู้ได้เลยว่าอีกนานแค่ไหนเราจึงจะสามารถปลีกตัวจากงานที่รัดเราราวกับงูเหลือมและเดินทางกลับไปพบกับพ่อกับแม่ได้อีกครั้ง
การลาจากไม่เคยเป็นเรื่องดี บางครั้งเราไม่อาจรู้ได้เลยว่าเมื่อไรเราจะได้พบกับคนที่เรารักอีก แต่การใช้ชีวิตอย่างเต็มไปด้วยความหวังก็เป็นเรื่องที่เราสมควรจะทำไม่ใช่หรือ บางครั้งเราเองก็ไม่รู้ว่าการที่เราบอกกันว่าจะได้พบกันอีกนั้น มันคือความจริงที่เราตั้งใจจะทำหรือเป็นเพียงสิ่งที่เราต้องการให้ความหวังกับตัวเองและคนที่รอฟัง ผมกับคนข้างกายสัญญากับพ่อแม่ว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เราสองคนจะกลับมา และเมื่อเรากลับมาอีกครั้ง เราสองคนจะไม่ใช่คนจากแดนไกลเหมือนเช่นคราวนี้ “ลูก” คือคำที่พ่อกับแม่พร้อมจะมอบให้กับเราสองคนถ้าเรากลับมา
ไม่ว่าเหตุการณ์ที่คุณพานพบในสถานที่แห่งหนึ่งจะมีเรื่องเลวร้ายหรือเรื่องที่ดีคละเคล้ากันไปอย่างไร แต่มันก็ไม่อาจเปลี่ยนความสำคัญของสถานที่แห่งนั้นได้ ยิ่งถ้านั่นเป็นสถานที่ที่พ่อกับแม่ของคุณใช้ชีวิตกันอยู่ แน่นอนว่าสถานที่ที่คุณมีทั้ง พ่อ แม่ และพี่ มันคงจะเป็นอะไรไปไมได้นอกจาก “บ้าน” และมันคงไม่แปลกที่เราจะกลับมาเยี่ยม “บ้าน” อีกครั้ง ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไร

13:00 น.

เวลาไม่เคยรอใคร เราตระหนักถึงประโยคนี้ได้เป็นอย่างดีอีกครั้ง เมื่อห้าวันของเรากำลังจะหมดลง นาทีนี้เราจำเป็นที่จะต้องออกเดินทางไปที่หน้าทอนเพื่อจองที่นั่งบนรถทัวร์ก่อนที่จะไปขึ้นเรือเฟอร์รี่ แม่หยิบยื่นน้ำใจให้กับเราในรูปแบบของของฝากที่ถึงแม้จะหนักมากเท่าไรเราก็ยินดีที่จะขนน้ำใจนี้กลับมากรุงเทพด้วย การโอบกอดกันคงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์จะมอบให้กันได้ในช่วงเวลาแบบนี้ คนข้างกายผมมอบมันให้กับแม่และเช่นเดียวกัน แม่ก็ไม่พลาดที่จะมอบมันกลับคืนมา

14:30 น.

เรือยักษ์เคลื่อนที่ออกจากฝั่งอย่างใจเย็น เราสองคนหันหลังกลับไปมองเกาะสมุยอีกครั้ง มุมมองครั้งนี้ไม่ต่างจากครั้งแรกที่เรามาถึงแต่อย่างใด แต่ไม่รู้ทำไมความรู้สึกภายในของผมมันช่างแตกต่างกันเหลือเกิน การเดินหน้าเข้าหากับการหันหลังจากมามันช่างแตกต่างกันอย่างสุดขั้ว ยิ่งเวลาผ่านไป ผมกับสมุยก็ยิ่งไกลกันมากขึ้นทุกที เมื่อไรกันนะที่ผมจะได้กลับมาเยือนที่นี่อีกครั้ง ผมตอบตัวเองไม่ได้แต่ผมก็รู้ว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับความมุ่งมั่นของผมเพียงอย่างเดียว และเมื่อใดที่มันถึงขีดสุด มันจะพาผมมาที่นี่ ที่ที่ผมเรียกว่าบ้าน
ทะเลรอบกายเงียบสนิทไม่ครึกครื้นเหมือนตอนที่ผมมา นี่ผมรู้สึกไปเองหรือทะเลจงใจที่จะบอกผมนะ

16:30 น.

ผมกำลังจะขึ้นฝั่งเพื่อไปต่อรถที่จะนำเราไปยังสนามบิน นี่คือฉากสุดท้ายที่ผมจะได้เห็นทะเลสำหรับการมาพักผ่อนครั้งนี้ ผมหันหลังไปมองทะเลรอบๆอีกครั้ง สูดลมหายใจแห่งท้องทะเลเข้าปอดเป็นครั้งสุดท้าย ผมเฝ้าภาวนาในใจ ทะเลกับผมคงไม่ได้จากกันไปนาน ผมหวังอย่างนั้นนะ

19:30 น.

ผมเช็คอินที่สนามบินเพื่อเตรียมความพร้อมในการเดินทางกลับกรุงเทพ อีกไม่เกิน 2 ชั่วโมงผมจะกลับไปถึงที่พักที่กรุงเทพ และเมื่อนั้น เกาะสมุยก็จะเป็นเพียงความทรงจำไปในไม่ช้า

20:00 น.

นกเหล็กสยายปีกกลับสู่เมืองหลวง

21:30 น.

ล้อแตะพื้นสนามบินนานาชาติประจำประเทศไทย ลาก่อนทะเลสมุยอันแสนรักและขอกล่าวสวัสดีอีกครั้งกับเมืองหลวงที่ไม่มีเส้นขอบฟ้า ไม่มีพระอาทิตย์ตก และที่แน่นอนที่สุด ไม่มีทะเล

1 ความคิดเห็น:

  1. อ่านแล้วเศร้าเลย คิดถึงพ่อกับแม่ ขึ้นมาซะอย่างงั้น อีกไม่นานเราคงได้ไปชิมแกงไตปลา ผักเหลียงผัดไข่ รสชาติที่คุ้นเคยจากฝีมือแม่อีกครั้ง
    วันนี้ให้ 10/10 คะแนน อิอิ

    ตอบลบ