วันเสาร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2553

DREAM บทที่ 3 เดินทางเปลี่ยนชีวิต





ด้วยความที่ฐานะทางครอบครัวของผมไม่ได้ร่ำรวยพอที่จะมีรถยนต์เป็นของตัวเองเหมือนบ้านอื่นๆ พาหนะสาธารณะจึงเป็นทางเลือกเดียวที่ครอบครัวผมจะสามารถเลือกใช้มันได้ในการเดินทางมาหัวหินครั้งนี้ และพาหนะที่พ่อเลือกพาพวกเรามาเที่ยวก็คือรถไฟ ผมเองไม่ได้ขึ้นรถไฟบ่อยนักจึงเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งที่เราจะขึ้นรถไฟมากัน วิวทิวทัศน์ข้างทางและชีวิตชีวาของพ่อค้าแม่ขายทั้งที่สถานีและในตัวรถไฟเป็นสิ่งที่ผมใคร่อยากสัมผัสมากที่สุดในการเดินทางด้วยวิธีนี้ และเมื่อได้เดินทางจริงๆ สิ่งต่างๆที่ผมต้องการนั้น ผมได้สัมผัสมันจนหมดสิ้น ผมอิ่มเอมและมีความสุขกับสิ่งเหล่านั้นแต่ในระหว่างการเดินทางนั้นมันก็มีหลายสิ่งที่ผมไม่ได้ต้องการจากการเดินทางแต่ผมก็ได้รับมันอย่างเต็มที่เช่นกัน มันมาในรูปแบบของความเมื่อยล้าที่เกิดจากความแข็งกระด้างของเบาะที่นั่งรวมทั้งพนักพิงที่ไม่ได้มีส่วนประกอบของความอ่อนนุ่มสักเท่าไร เมื่อบวกกับช่วงเวลาเดินทางที่ยาวนานกว่าการเดินทางด้วยรถยนต์ด้วยแล้ว สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นอุปสรรคของการเดินทางรถไฟอย่างมากทีเดียว นี่ผมยังไม่ได้นับรวมเขม่าสีดำที่เกาะเต็มหน้าผมซึ่งนั่งอยู่ริมหน้าต่างของตัวรถและทางการรถไฟยังแถมแสงแดดแบบเต็มกำลังจากพระอาทิตย์ ฉายสาดเข้ามาที่ใบหน้าของผมอย่างไม่ปราณี นั่นทำให้เมื่อถึงสถานีหัวหินที่ปลายทางแล้วนั้น ผมจินตนาการได้โดยไม่ต้องส่องกระจกเลยว่า ทั้งแสงแดดและเขม่าจากตัวรถคงร่วมมือกันทำให้หน้าของผมเปลี่ยนสีจากตอนขึ้นรถไฟไปอย่างแทบจำไม่ได้เลยทีเดียว การมาหัวหินครั้งนี้ผมตั้งใจอย่างที่สุดที่จะใช้เวลาทั้งหมดไปกับการพักผ่อนกับครอบครัว ผมพยายามลืมทุกอย่างที่ผมได้ยินมาก่อนหน้านี้เกี่ยวกับเส้นทางชีวิตของเพื่อนๆแต่ละคนที่เลือกกำหนดทางเดินชีวิตของตัวเองแตกต่างกันไป แต่พวกคุณเองก็รู้ว่าการพยายามลืมอะไรบางอย่างมันไม่ต่างกับการบรรจงกดปากกาให้หนักขึ้นและย้ำความทรงจำลงไปในพื้นที่สมองอีกครั้งในแบบที่เราทำกับประโยคสำคัญต่างๆที่เราต้องการจะจดจำในหนังสือเรียนนั่นเอง แต่ถึงกระนั้นผมก็พยายามทำเป็นมองไม่เห็นเรื่องราวต่างๆที่วนเวียนอยู่ในสมองและหัวใจของผมอยู่ในขณะนี้และใช้เวลาให้หมดไปกับทะเลที่หัวหินแห่งนี้
บางครั้งการเลือกอนาคตของตัวเองอาจจะดูเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่สำหรับเด็กมัธยมปลายหลายๆคน แต่ผมเองได้รู้ความจริงข้อหนึ่งว่า ไม่ว่าคุณจะตัดสินใจเลือกอนาคตของคุณด้วยตัวเองหรือให้ผู้ปกครองของคุณหรือแม้กระทั่งพระเจ้าเป็นคนเลือกให้ สุดท้ายคุณก็ต้องผ่านช่วงเวลานี้ของชีวิตไปจนได้ เพราะเวลาไม่เคยที่จะรอการตัดสินใจของคุณไม่ว่าจะในกรณีไหนๆ แต่ข้อดีข้อเดียวของการเลือกอนาคตด้วยตัวคุณเองก็คือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในภายหน้า คนคนเดียวที่จะเสียใจอย่างที่สุดหรือดีใจเป็นที่สุดกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวคุณ ก็คือตัวคุณเอง และนั่นคือสิ่งเดียวที่ผมต้องการ
“เชิญร่วมชมนัดชิงชนะเลิศการแข่งขันฟุตบอลนักเรียนรุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี ชิงแชมป์ประจวบคีรีขันธ์ ณ สนามโรงเรียนหัวหินวิทยาลัย ในวันที่ 6 เมษายน 2543 เวลา 15.00 น.” ป้ายประกาศเล็กๆที่ตั้งอยู่ตรงหน้าโรงเรียนทำให้หัวใจของผมเต้นสะดุดเป็นจังหวะแปลกๆอีกครั้ง พ่อกับแม่ของผมสามารถสัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนไปหลังจากที่ผมได้อ่านป้ายนี้ในทันที “ลูกจะมาดูก็ได้นะ เดี๋ยวพ่อมาเป็นเพื่อน” พ่อพูดยิ้มๆ “เรายังไม่ได้กลับนี่วันนั้น มานั่งดูเสร็จแล้วก็ไปหาอะไรกินกัน” แม่พูด “จะดีหรือครับ เรามาเที่ยวกันนะ” ผมตอบออกไปอย่างเกรงใจท่านทั้งสอง “เอาน่าพ่อเองก็อยากดู” พ่อพูด “ครับพ่อ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเรามาดูกัน ขอบคุณนะครับ” สิ้นประโยคสนทนาสั้นๆระหว่างผมกับท่านทั้งสอง นั่นทำให้ผมรู้ว่าผมช่างโชคดีเหลือเกินที่ได้เกิดมาในครอบครัวนี้ พ่อกับแม่ไม่เคยบังคับให้ผมเดินในทางที่ท่านทั้งสองต้องการเลยสักนิดเดียว ชีวิตของผมมันเป็นชีวิตของผมมาตั้งแต่ไหนแต่ไร และในวันนี้ก็เช่นกัน
หลังจากที่เราใช้เวลาท่องเที่ยวในหัวหินมาสองวันเต็มๆ วัดห้วยมงคล น้ำตกป่าละอู ปางช้างหัสดินทร์ เขาตะเกียบ และอีกหลายสถานที่ของหัวหินต่างผ่านหูผ่านตาของครอบครัวเรามาแล้วทั้งสิ้น ผมอิ่มเอิบและสบายใจมากขึ้นจากวันแรกที่เดินทางมาอย่างไม่อาจเปรียบเทียบกันได้ และแล้วบ่ายสามวันนี้ก็เป็นเวลาที่ผมจะได้ชมฟุตบอลนัดชิงชนะเลิศในรุ่นเยาวชน 18 ปี ระหว่างโรงเรียนหัวหินวิทยาลัยเจ้าภาพกับโรงเรียนหัวหิน ซึ่งมีชื่อในด้านฟุตบอลนักเรียนมาอย่างยาวนาน จะว่าไปนักเตะทั้งสองทีมนี้ก็เป็นเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกับผมเช่นกัน นั่นทำให้ผมเองอดไม่ได้ที่จะจินตนาการไปถึงกลิ่นหญ้าในสนามที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดี รวมถึงเพื่อนร่วมทีมของผมที่กำลังแยกย้ายกันตามฝันอยู่ที่กรุงเทพ และด้วยความรู้สึกคิดถึงฟุตบอลที่ผมหอบมาจากกรุงเทพและไม่ได้ทำหล่นหายระหว่างทางแต่อย่างใด นั่นทำให้ผมตัดสินใจที่จะเดินไปเลียบเคียงห้องแต่งตัวของทางเจ้าบ้านด้วยอารมณ์ที่อยากได้กลิ่นอายเก่าๆกลับมา แต่แล้วพระเจ้าก็ยังคงทำหน้าที่ของท่านอย่างเคร่งครัดเช่นเดิม “เอาอย่างไรกันดีครับอาจารย์ เก๋มันดันมอเตอร์ไซต์ล้มกะทันหันระหว่างทางมา แถมกุ๊กที่เล่นกลางตัวรับแทนกันได้ก็ดันเจ็บไปตั้งแต่นัดที่แล้ว สงสัยเราต้องเปลี่ยนแผนกันแล้วล่ะครับอาจารย์” คนที่ดูลักษณะเหมือนจะเป็นกัปตันทีมของหัวหินวิทยาลัยปรึกษากับโค้ชท่ามกลางสีหน้าไม่สู้จะดีของเพื่อนร่วมทีม “เอาอย่างนี้ เดี๋ยวเราปรับมาเล่น 3 – 5 -2 กลางห้าคน จะได้ช่วยแบ่งเบากันได้ เพราะถ้าเล่น 4 – 4 -2 เหมือนเดิม ไม่ว่าเราจะเอาใครมาแทน ก็คงจะแทนสองคนนั้นไม่ได้แน่ “ โค้ชของทีมเลือกที่จะใช้การเปลี่ยนแปลงแผนการเล่นแทนที่จะหาตัวแทนสองตัวหลักที่ไม่สามารถลงแข่งขันได้ หัวใจของผมพองโตเมื่อได้ยินว่าทีมเจ้าบ้านกำลังขาดตำแหน่งที่ผมเองสามารถที่จะลงเล่นได้ แต่ผมลืมไปว่าผมไม่ใช่นักเรียนโรงเรียนนี้ และกว่าจะมาถึงรอบชิงได้ พวกเขาต้องร่วมแรงร่วมใจต่อสู้กันมาขนาดไหน แต่ก็นะคนเรามันก็มีความเห็นแก่ตัวกันทุกคนนี่นา แล้วผมก็เป็นแค่เด็กเห็นแก่ตัวคนหนึ่งเท่านั้นเอง “ผมเล่นให้ได้นะ” ผมพูดโพล่งออกไปอย่างขาดสติโดยอาศัยความเห็นแก่ตัวเป็นใหญ่ “เราเป็นใคร เป็นนักเรียนหัวหินวิทยาลัยหรือเปล่า ทำไมอาจารย์ไม่เคยเห็นหน้า” “ไม่ใช่ครับ ผมมาจากกรุงเทพ” ผมจำเป็นต้องยอมรับความจริงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ “อย่างนั้นก็ไม่ได้หรอก เค้าต้องตรวจหลักฐานกัน แล้วเดี๋ยวนั่งดูหรือเปล่า อย่าลืมเป็นกำลังใจให้หัวหินวิทยาลัยด้วยนะ” “ครับอาจารย์ มีอะไรให้ช่วยบอกผมได้นะครับ ผมนั่งอยู่ฝั่งเดียวกับกองเชียร์หัวหินวิทยาลัยนะครับ” ผมทิ้งท้ายไว้อย่างมีหวังเล็กๆ ก็อย่างว่าล่ะ มนุษย์อย่างเราไม่ควรจะทิ้งความหวังอย่างหมดสิ้น เหลือไว้หล่อลื่นหัวใจบ้างก็คงไม่เป็นอะไรใช่ไหม
การแข่งขันเริ่มขึ้นในช่วงเวลาบ่ายสามพอดี แดดที่หัวหินไม่ถึงกับร้อนอย่างที่กรุงเทพ และนั่นก็เป็นสัญญาณที่ดีที่ทั้งสองทีมจะสามารถสู้กันได้อย่างเต็มกำลังโดยไม่ถูกความร้อนลิดรอนความสามารถไปแต่อย่างใด เกมเริ่มขึ้นโดยเจ้าบ้านเป็นฝ่ายเขี่ยลูกเปิดเกมบุกใส่ก่อนอย่างไม่รีรอ ผมเองไม่รู้ว่าขณะนี้หัวใจของผู้เล่นทั้งสองทีมกับของผม ใครเต้นแรงกว่ากันกันแน่ ผมตื่นเต้นจนแข้งขาไม่อยากจะอยู่กับที่ ผมตระหนักรู้อีกครั้งว่าผมคงไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นกองเชียร์จริงๆ เกมเดินทางไปสักพักทางหัวหินวิทยาลัยก็เริ่มจะหาทางเจาะเกมรับของผู้มาเยือนยากขึ้นทุกที ทางโรงเรียนหัวหินผู้มาเยือนมีเกมรับรวมทั้งเกมกลางสนามที่เป็นระบบมากกว่า อีกทั้งเมื่อขาดคนบัญชาเกมกลางสนามไป ทำให้ทางหัวหินวิทยาลัยมักจะขึ้นเกมฝั่งเดียวอยู่เสมอๆโดยไม่มีการข้ามฝาก หรือเปลี่ยนแกนแต่อย่างใด นั่นทำให้ง่ายต่อการจับทางเป็นอย่างยิ่ง ผมมองเห็นความกระสับกระส่ายของโค้ชหัวหินวิทยาลัยอย่างชัดเจน การส่งมิดฟิลด์ตัวรับแท้ๆลงสนามมากเกินไปก็ย่อมส่งผลต่อเกมรุกของทีมอย่างนี้นั่นเอง เวลาผ่านไป 20 นาทีเกมยังคงเสมอกันศูนย์ – ศูนย์ แต่ทางเจ้าบ้านยังไม่มีโอกาสใกล้เคียงที่จะได้ประตูเลยสักนิดทั้งที่เป็นฝ่ายคุมเกมไม่ต่ำกว่า 60% ในสายตาของผมเองรู้สึกว่าจังหวะโต้กลับของทีมเยือนยังจะหวังผลได้มากกว่า และแล้วในนาทีที่ 35 เสียงกองเชียร์ที่นั่งอยู่ฝั่งเดียวกับผมทั้งหมดก็ต้องเงียบกริบ เมื่อมิดฟิลด์ตัวกลางของหัวหินวิทยาลัยจ่ายบอลออกทางฝั่งซ้ายหวังจะให้กองหลังกึ่งปีกที่ควบตะบึงขึ้นมาเดินเกมบุกต่อไปอย่างอดทน แต่ชั่ววินาทีที่บอลกำลังจะไปถึง ปีกขวาของทีมเยือนก็สบโอกาสตัดบอลได้พร้อมทั้งใช้พื้นที่ว่างด้านข้างอย่างเป็นประโยชน์บวกกับเจ้าตัวเองก็มีความเร็วเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงสามารถจะพาบอลไปถึงเส้นหลังได้โดยง่าย จากนั้นก็หักข้อกลับมาหน้าเขตโทษ และกองกลางตัวเก่งของฝั่งทีมเยือนก็สำเร็จโทษได้อย่างง่ายดาย จากนั้นเกมครึ่งแรกก็เอวังลงด้วยผลการแข่งขันที่ทำร้ายจิตใจแฟนเจ้าบ้านเป็นอย่างยิ่ง ผมรีบขยับตัวลงไปที่ห้องแต่งตัวของเจ้าบ้านทันทีด้วยความอยากรู้ว่าโค้ชจะแก้เกมอย่างไร อีกทั้งใจก็อยากจะลงไปเล่นเพื่อพลิกเกมให้กับฝั่งเจ้าบ้าน นาทีนี้ความถูกต้องมันพ่ายแพ้ต่อสิ่งยั่วยุอย่างหมดทางสู้ ผมไม่คิดถึงเรื่องหลักฐานอะไรอย่างนั้นสักนิด “อาจารย์ครับ ให้ผมลงไปช่วยนะครับ” ผมพูด “เราเคยเล่นฟุตบอลมาก่อนเหรอไง อย่ามาล้อเล่นนะ อาจารย์กำลังเครียด” “ผมเป็นตัวโรงเรียนที่ได้แชมป์เยาวชนโค้กคัพเมื่อปีที่แล้วครับ” ผมหยิบยกทุกอย่างมาเพื่อเป็นเหตุผลรองรับการได้ลงเล่น “เดี๋ยวอาจารย์ถามเพื่อนๆก่อนว่าจะเอายังไงกัน” หลังจากนั้นอาจารย์ก็เข้าไปประชุมทีมอีกครั้งเพื่อหาข้อสรุปทั้งทางด้านแผนการเล่นและตัวสำรอง เวลาในห้องแต่งตัวช่างเดินช้าเหลือเกิน ตัวผมเต็มไปด้วยเหงื่อแห่งความตื่นเต้นที่ต้องรอผลการตัดสินใจของเพื่อนๆและอาจารย์ ผมรู้ว่ามันเป็นเรื่องไม่ดีแต่ที่เมืองไทยแห่งนี้ ใครๆก็ทำแบบนี้ทั้งนั้นและเมื่อมีคนมากมายที่ทำผิดเหมือนเรา เราก็จะรู้สึกดีกับเรื่องนั้นไปเอง หรือพวกคุณว่าอย่างไร ผมครุ่นคิดอะไรอยู่คนเดียวสักพัก อาจารย์ก็เดินออกมา อาจารย์พูดเพียงคำสั้นๆ แต่ไม่กี่พยางค์ที่อาจารย์เอ่ยออกมานั้น มันทำให้หัวใจผมพองโตคับสนามฟุตบอลเลยทีเดียว “ไปอบอุ่นร่างกาย”
ผมรีบไปเอาสตั๊ด adidas สีฟ้าคู่ใจที่ฝากไว้ที่คุณพ่อคุณแม่ลงมาทันที ผมคิดไม่ผิดที่ติดมันมาหัวหินด้วย ผมกับมันไม่เคยห่างกันตั้งแต่วันแรกที่เก็บตังพอจะไปซื้อมันมาได้ แล้ววันนี้มันก็ไม่น่าจะทำให้ผมผิดหวังเช่นเคย ผมบอกคุณพ่อคุณแม่ให้รอดูผมในสนามให้ดี ท่านทำหน้าตกใจเล็กน้อยแต่ก็ยิ้มให้กับผมอย่างเข้าใจ ผมขอเสื้อเบอร์ 8 ของเจ้าของเก่ามาสวมใส่อย่างคุ้นเคย ในชีวิตนี้ของผมมีเพียงเบอร์นี้เบอร์เดียวที่เป็นแรงขับเคลื่อนในเกมฟุตบอลของผม อาจารย์บอกว่าจะขอดูเชิงอีกสัก 10 นาที ถ้าเกมไม่ดีขึ้นจึงจะปล่อยผมลงไป พร้อมทั้งเปลี่ยนกับมาเล่น 4 – 4 – 2 โดยมีกองกลางตัวรับแท้ๆคนหนึ่งคอยช่วยตัดเกมและปีกริมเส้นธรรมชาติอีกสองฝั่งคอยช่วยทำเกม ที่เหลือให้เป็นหน้าที่ผม ผมวิ่งอบอุ่นร่างกายและดูเกมไปด้วยอย่างใจระทึก เกมของหัวหินวิทยาลัยยังดูตีบตันไร้ไอเดียเช่นเดิม แต่ด้วยพื้นฐานฟุตบอลที่เหนือกว่าคู่แข่งก็เลยยังทำให้สามารถครองบอลได้มากกว่าอยู่เช่นเดิม แต่เราก็เห็นกันตั้งแต่ครึ่งแรกแล้วว่ามันไม่สำคัญเลยและด้วยผลการแข่งขันที่ตามหลังอยู่นั้น ถ้าปล่อยให้รูปเกมเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ความกดดันทั้งหมดจะตกลงบนบ่าของทีมที่สกอร์ตามหลังอย่างแน่นอนและจากที่ผมเคยสัมผัสเกมฟุตบอลนักเรียนมาอย่างโชกโชน การพลิกจากโดนนำกลับมาชนะนั้นไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆสำหรับฟุตบอลนักเรียนที่ฝีเท้าไม่ได้หนีกันแต่อย่างใด “หนุ่มเราชื่ออะไรนะ” อาจารย์ถามผม “เอกครับ อาจารย์” ผมตอบ “เตรียมตัวลง แล้วอย่าให้โดนใบเหลืองนะ ถ้าโดนจดชื่อจะลำบาก อาจารย์ส่งชื่อเป็นชื่อเพื่อนคนอื่นไป แล้วอย่าทำให้อาจารย์ผิดหวัง ขอดูหน่อยว่าระดับแชมป์โค้กคัพ มันขนาดไหน” อาจารย์เตือนสติผมครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะให้ผมลงสนาม ผมยิ้มรับ พร้อมทั้งตั้งสติครั้งสุดท้ายก่อนลงสนาม
มุมมองในสนามเช่นนี้คือมุมที่ผมคุ้นเคย บรรยากาศของการนั่งเชียร์ไม่สามารถเรียกอะดรีนาลีนของผมได้เท่ากับบนผืนหญ้าแห่งนี้ ผมใช้เวลาชั่วครู่เคาะบอลไปมาเพื่อดูฝีเท้าของเพื่อนร่วมทีมและคู่แข่งว่าเป็นอย่างไร เกมของทีมเยือนดูมีระบบมากกว่าอย่างเห็นได้ชัดเข้าไปอีกเมื่อลงมาปะทะฝีเท้าด้วยตัวเอง กองกลางตัวรับและคู่กองหลังตัวกลางมีการยืนตำแหน่งที่ดีอย่างน่าทึ่ง อีกทั้งกองกลางตัวรุกก็มีสายตาในการมองเกมที่น่าสนใจไม่ใช่น้อย ผมเริ่มสงสัยว่าที่เราครองเกมได้มากกว่านั้นเป็นความจงใจของโค้ชทีมเยือนด้วยหรือเปล่าที่ต้องการให้กองหลังของเราดันขึ้นสูงเพื่อเปิดพื้นที่ด้านหลังให้กับศูนย์หน้าของเขาซึ่งมีความเร็วเกือบจะเท่าไอ้ต้นเพื่อนผมเลยทีเดียว แต่ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะเป็นอย่างไร ผมต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อตอบแทนอาจารย์ด้วยชัยชนะให้สมกับความไว้วางใจที่ท่านมอบให้ จังหวะของเกมเป็นไปอย่างเหนื่อยหน่าย ผมสังเกตเห็นเพื่อนร่วมทีมเริ่มจะหมดความอดทนจนทำให้การยิงไกลทิ้งขว้างเกิดขึ้นหลายต่อหลายหน แต่แล้วสิ่งที่ผมสังเกตเห็นในแววตาของคู่ต่อสู้ก็คือพวกเค้าเกิดอาการประมาทและเริ่มคลายความเคร่งครัดในตำแหน่งการยืนลงบ้าง และเพียงแค่นั้นก็พอสำหรับสิ่งที่ผมต้องการแล้ว ผมถ่ายบอลออกให้ปีกขวาพร้อมทั้งวิ่งเข้าไปรองบอลเพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับเพื่อน คู่ต่อสู้ยืนคุมปีกขวาของเราอยู่ถึงสองคน ทั้งปีกซ้ายและกองหลังฝั่งซ้ายของเค้าปิดพื้นที่ตรงนั้นอยู่อย่างแน่นหนานั่นทำให้ปีกขวาของเราต้องคืนบอลกลับมาให้ผมอย่างหงุดหงิดเนื่องจากไม่สามารถที่จะแหวกผ่านสองคนไปได้เพราะกลัวที่จะเสียบอลและถูกโต้กลับ ผมรับบอลพร้อมทั้งแอบโบกมือให้ปีกซ้ายเติมเกมขึ้นไปด้านหน้าโดยไม่ต้องมารอบอลจากแดนกลางอย่างผม ผมคลึงบอลอยู่กลางสนามเยื้องไปทางขวาอย่างช้าๆเพื่อรอการเข้าโจมตีจากคู่ต่อสู้เพียงเพื่อเปิดพื้นที่ในแดนกลางและหลังของทีมเยือน เพื่อนร่วมทีมผมเข้ามาต่อบอลพร้อมทั้งร้องเรียกเมื่อเห็นว่ามิดฟิลด์ของฝ่ายตรงข้ามตรงเข้าจู่โจมผมรวดเดียวถึงสองคน ผมรอจนถึงวินาทีสุดท้ายจริงๆจึงขยับหลอกว่าจะโยกออกทางขวามือแล้วใช้เท้าซ้ายแตะบอลออกทางซ้ายมือเพื่อหลบคู่ต่อสู้คนแรก จากนั้นเมื่อจวนตัวจากการจู่โจมของคนที่สองที่ดูท่าทางว่าจะต้องเอาผมให้อยู่ให้ได้ในจังหวะนี้เพราะว่าเค้าเป็นกองกลางตัวตัดเกมของทีมเยือน ผมไม่ฝืนต่อจังหวะเสียบนี้เพราะเกรงว่าอาการบาดเจ็บแม้เพียงน้อยนิดจะทำให้ผมไม่สามารถจะสนุกกับเกมนี้ต่อไปได้ ผมดีดไซต์ก้อยเท้าซ้ายเบาๆส่งบอลต่อให้เพื่อนที่เข้ามาช่วยพร้อมทั้งกระโดดข้ามการเสียบสกัดพรางกวักมือเรียกบอลจากเพื่อนร่วมทีมให้ชิ่งหนึ่ง – สอง มาที่ผมเพื่อที่จะพาบอลเข้าแดนคู่ต่อสู้ต่อไปอย่างรวดเร็ว นี่อาจจะเป็นครั้งแรกของเกมที่เราสามารถพาบอลมาอยู่ในแดนของคู่ต่อสู้ได้โดยไม่มีกองกลางของทีมเยือนขวางหน้าอยู่เลย กองหน้าสองคนของเราขยับหาพื้นที่หลอกล่อสองกองหลังตัวกลางของคู่ต่อสู้อยู่ตลอดเวลา ปีกซ้ายของทีมก็เติมขึ้นมาพร้อมๆกับที่ผมกวักมือเรียกในคราวแรก อีกทั้งปีกขวาของทีมเราก็ขยับตามผมขึ้นมาหลังจากที่ผมพาบอลผ่านสองกองกลางคู่แข่งมาได้ สถานการณ์ตอนนี้เราเป็นต่ออยู่ 5 – 4 คนถ้าไม่นับนายทวาร ผมส่งสายตาบอกให้เพื่อนกองกลางตัวรับตามมาประคองด้านหลังผมด้วยในขณะที่ผมพาบอลเข้าเขตโทษคู่ต่อสู่ไปเรื่อยๆ กองกลางตัวรับของคู่ต่อสู้เองหลังจากที่เสียบสกัดพลาดไปในจังหวะแรกก็พยายามที่จะกวดไล่ตามมาเพื่อไล่ล่าฟุตบอลคืน ผมพาบอลเข้าสู่พื้นที่ 30 หลาสุดท้ายโดยกองหลังตัวแรกกำลังตัดสินใจที่จะทิ้งตัวประกบเพื่อเข้ามาจู่โจมผมไม่ให้รุกล้ำพื้นที่ไปมากกว่านี้ ผมรอจังหวะนี้อยู่ ผมกะจะดึงจังหวะให้กองหลังทิ้งตัวประกบออกมาไกลที่สุดและเข้าใกล้ผมมากที่สุดจนพอที่จะสามารถยกบอลข้ามแผงหลังให้กับกองหน้าของทีมเราได้ แต่ผมประมาทคู่ต่อสู้เกินไป ผมดึงจังหวะจนเกือบจะถึงวินาทีสุดท้ายผมถึงจะเพิ่งเห็นว่ากองหลังของคู่ต่อสู้ไม่ได้มาแค่คนเดียว เค้าจู่โจมพร้อมกันทั้งสองคนเพื่อเป็นการเช็คล้ำหน้าไปในตัว อีกทั้งกองหลังริมเส้นทั้งสองข้างก็ขยับขึ้นมาพร้อมกันอย่างรู้ใจ ทำให้ขณะนี้กองหน้าสองคนและปีกสองข้างของเรากำลังจะล้ำหน้ากันทั้งแผง และถ้าผมออกบอลผิดพลาดในจังหวะนี้ผมคงจะเสียดายอีกทั้งทำให้เพื่อนร่วมทีมไม่ไว้ใจผมอีกในจังหวะต่อไปเป็นแน่ แต่ผมยังมีอีกหนึ่งทางเลือก กองกลางตัวรับของทีมเรายังคงวิ่งประคองผมอยู่ด้านหลัง ผมบรรจงตอกส้นก่อนที่จะถูกจู่โจมเข้ามาเพื่อคืนบอลให้กับเพื่อนก่อนที่ตัวเองจะวิ่งแทรกตัวผ่านเส้นเช็คล้ำหน้าเข้าไปพร้อมทั้งร้องเรียกให้เพื่อนออกบอลจังหวะแรกข้ามหัวคู่ต่อสู้เข้ามาทันทีเพื่อที่ผมจะได้หลุดเดี่ยวไปดวลกับนายทวารแบบตัวต่อตัว แล้วบอลก็มาดังที่ใจผมคิด เพื่อนกองกลางคนนี้ค่อนข้างจะเป็นคนที่ออกบอลง่ายและออกบอลฉลาดพอตัวทีเดียว ผมหลุดเดี่ยวไปดวลกับนายทวาร ของคู่ต่อสู้โดยตัวผมเองได้บอลอยู่ตรงหัวกะโหลกกรอบเขตโทษ ผมรู้ว่าทีมคงไม่อนุญาตให้ผมพลาดจังหวะนี้ และนั่นทำให้ผมเลือกที่จะทำให้มันง่ายที่สุดและเต็มไปด้วยประสิทธิภาพ ผมเลือกที่จะยิงลอดขา
หัวหินวิทยาลัยเป็นแชมป์ด้วยชัยชนะ 2 – 1 ผมเองยิงประตูแรกและจ่ายให้เพื่อนทำประตูในลูกที่สอง นั่นเป็นอีกหนึ่งวันที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของผมวันหนึ่งเลยทีเดียว และด้วยฟอร์มในสนามวันนั้น เป็นเหตุทำให้ผมได้รับโทรศัพท์สายที่เปลี่ยนชีวิตผมสายหนึ่งในอีกสามวันต่อมา “ขอสายน้องเอกครับ” ปลายสายพูด “พูดอยู่ครับพี่ จากไหนครับ” “พี่ชื่อตุ๊กนะ พอดีเพื่อนพี่เค้าสนใจน้องน่ะ เลยให้พี่โทรมาหา” “สนใจนี่คือแบบไหนครับพี่” ผมสงสัยในคำพูดกำกวมของเค้า “สนใจฝีเท้าของน้อง” พี่ตุ๊กพูดคำสั้นๆที่สั่นสะเทือนหัวใจของผม “แล้วยังไงต่อครับพี่ ว่ามาเลยอย่าให้ผมต้องคิดมาก” ผมเร่งเร้า “เค้าเป็นแมวมองทีมเยาวชนของมิลาน เราสนใจที่จะไปเรียนที่อิตาลีหรือเปล่า” พี่ตุ๊กยื่นข้อเสนอ “ที่สุดเลยครับพี่” ผมตอบไปด้วยอารมณ์ดีใจ “’งั้นเดี๋ยวเย็นนี้เราเจอกันนะ พาพ่อกับแม่มาด้วย เผื่อให้ท่านช่วยตัดสินใจ” พี่ตุ๊กวางสายลงในขณะที่ตัวผมเองนั้นรู้สึกเหมือนถูกค้อนทุบเข้าที่หัว ช่วงเวลาสั้นๆช่วงเวลานี้ผมอาจจะไม่มีทางลืมชั่วชีวิต ผมไม่อยากจะเชื่อว่าโอกาสจะวิ่งเข้ามาชนผมอย่างไม่ทันตั้งตัวอย่างนี้ ผมเพิ่งเห็นความดีของการปล่อยให้พระเจ้าบงการชีวิตก็คราวนี้ล่ะ แต่ต่อจากนี้ไปทุกอย่างมันขึ้นกับการตัดสินใจของตัวผมเองแล้วทั้งนั้น และผมเชื่อว่าพ่อกับแม่ก็น่าจะเป็นกำลังใจให้ผมเช่นกัน ผมเองคิดว่าการเดินทางไปคุยกับพี่ตุ๊กและแมวมองคนนั้นเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นเรื่องหนึ่งในช่วงชีวิตผม คุณพ่อกับคุณแม่ของผมเองท่านก็คงคิดอย่างนั้นเช่นกัน แต่ช่วงเวลาหลังจากนี้ยังคงจะต้องมีเรื่องราวตื่นเต้นอีกมากมายที่ผมจะต้องเผชิญ แต่ผมก็พร้อมที่จะรับมันตราบใดที่มันยังคงอยู่ในวงเล็บของฟุตบอลที่ผมรักนั่นเอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น