วันพฤหัสบดีที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2553

DREAM บทที่ 4 โอกาสสุดท้าย




“พรุ่งนี้เจอกันที่สนามนะโว้ย อย่าไปสายล่ะ” เทพ ย้ำกับโยและนัทอีกครั้งเพื่อไม่ให้เพื่อนผิดเวลา เพราะเวลาของพวกเขากำลังใกล้เข้ามาทุกที บีอีซี เทโรศาสน คือสโมสรที่พวกเค้าตัดสินใจที่จะไปคัดตัวกันในวันพรุ่งนี้ เนื่องจากมองเห็นแล้วว่าถึงแม้ฤดูกาลที่แล้วพวกเขาจะได้แค่อันดับสาม แต่จากการที่มีนายทุนหนุนหลังอยู่น่าจะทำให้ปีนี้เป็นปีที่สวยงามของบีอีซีเลยทีเดียว

ถึงแม้ว่าทั้งสามคนจะนับได้ว่าเป็นผู้เล่นที่มีระดับฝีเท้าหาตัวจับยากในแวดวงฟุตบอลนักเรียน แต่เมื่อก้าวเข้าสู่ระดับไทยแลนด์ลีกแล้วทั้งสามคนก็ยังไม่แน่ใจว่าตัวเองจะสามารถยึดตัวจริงของทีมระดับนี้ได้หรือไม่ แต่การมาคัดตัวครั้งนี้เป็นเพียงการคัดเพื่อเข้าสู่การเป็นเยาวชนฝึกหัดของสโมสร แต่รางวัลสำหรับผู้เล่นที่ฝีเท้าถึงขั้นจริงๆก็คือจะถูกดันขึ้นชุดใหญ่ได้เลยโดยที่อายุไม่ได้เป็นอุปสรรคแต่อย่างใด และด้วยข้อแม้ข้อนี้นี่เอง เทพ โย และนัท ก็เลยไม่ได้หวังแค่คัดตัวติดเป็นเยาวชนของสโมสรแค่นั้น แต่ยังหมายตาไปถึงการเป็นกลุ่มผู้เล่นในทีมชุดใหญ่อีกด้วย และเป้าหมายต่อไปของพวกมันคือการโชว์ฝีเท้าในไทยแลนด์ลีกให้เต็มที่เผื่อที่ว่าจะมีแมวมองในยุโรปคนใดชายตามองลงมาที่ลีกเล็กๆแห่งนี้บ้างก็เท่านั้น

“เอ็งเล่นตำแหน่งอะไร” โค้ชพูด “กองหน้าตัวต่ำหรือกองกลางตัวรุกครับ” เทพพูด “งั้นไปอยู่ทีมสีแดงเพราะสีน้ำเงินชาคริตมันยืนหน้าอยู่แล้ว” โค้ชพูดถึงชาคริต อีกหนึ่งดาวรุ่งร่วมรุ่นเราที่ฝีเท้าพอตัวเลยทีเดียว “แล้วเอ็งล่ะ”โค้ชถาม “กองหลังตัวกลางครับ” โยตอบ “นั้นไปอยู่ทีมสีแดง เพราะสีน้ำเงินมีทั้ง ปรัชญ์ ทั้งธฤติ แล้ว” สองคนที่โค้ชพูดถึงนั้นเป็นสองคนในรุ่นเดียวกับเราที่เล่นตำแหน่งเดียวกับโยและมีฝีเท้าที่พอจะวัดกันได้อย่างสูสี “คนสุดท้ายเห็นกรอกมาว่าเล่นปีกซ้ายใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นก็ไปทีมสีแดง เล่นกับเพื่อนเอ็ง” โค้ชบอกนัท “ดีว่ะเราได้อยู่ทีมเดียวกัน แต่ทีมน้ำเงินก็ไม่ธรรมดาเลยนะนั่น พวกที่เรารู้จักมันก็มาคัดตัวกันด้วย” นัทเอ่ยบอกเพื่อน “กูล่ะดีใจ มีทั้งปรัชญ์และธฤติ จะได้วัดกันไปเลยงานนี้” โยยิ้มอย่างสะใจ “กูสิอยู่ทีมตรงข้ามมัน ถ้ายิงหรือจ่ายไม่ได้ เกิดชาคริตมันยิงเข้ากูไม่ติดแน่คราวนี้ ชาคริตมันก็ไว้ใจไม่ได้ซะด้วยกูฝากมึงด้วยล่ะโย”เทพเอ่ยอย่างไม่สบายใจ “มึงไม่ต้องห่วง กูหยุดมันได้แน่” โยพูด “พวกมึงลืมใครไปหรือเปล่าวะ มึงเห็นนั่นหรือเปล่า ที่ทีมโรงเรียนเราเกือบแพ้มันคราวนั้น” นัทพยักหน้าไปทางทีมสีน้ำเงิน “ดัสกรนี่หว่า” โยกับเทพพูดเกือบจะพร้อมกัน “เอาวะ สนุกแน่วันนี้ เล่นให้เต็มที่วะพวกเรา ยังไงๆเราสามคนก็ไม่เป็นรองใครล่ะวะ เพื่ออนาคตโว้ย สู้” เทพกล่าวอย่างคะนอง พวกมันทั้งสามคนมองหน้ากันอย่างเพื่อนรักอีกครั้ง หลังจากโค้ชประกาศรายชื่อเพื่อแบ่งผู้เล่นที่มาคัดตัวออกเป็นสองทีมแล้ว ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ 22 คนสุดท้ายที่ถูกคัดมา จะต้องมาเล่นทีมแข่งขันกันเพื่อหาแค่ 5 คนสุดท้ายที่จะได้เข้าเป็นเยาวชนฝึกหัดของบีอีซี เทโรศาสน กันแล้ว และหลังจากเสร็จสิ้นการอบอุ่นร่างกาย เวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง ทีมสีน้ำเงินมีพวกที่เรารู้จักและเคยปะทะฝีเท้ามาแล้วมากมายนำทีมโดย ดัสกร เล่นเป็นตัวทำเกม กองหน้าเป็นคู่ระหว่างชาคริตและจักรพันธ์ คู่กองหลังเป็นธฤติและปรัชญ์ ส่วนทีมสีแดงก็มีทั้งเทพ โยและนัทอยู่ทีมเดียวกัน ทีมสีน้ำเงินเป็นฝ่ายเขี่ยลูกไม่กี่วินาทีที่บอลเคลื่อนไหว เจ้าลูกกลมก็กลิ้งไปเข้าเท้าชั่งทองของดัสกรทันที เทพปราดเข้าไปประชิดหวังตัดบอลอย่างรวดเร็ว แต่นั่นไม่ได้พ้นสายตาของเจ้าดัสกรไปได้ มันถ่ายบอลออกข้างให้กับปีกขวาของทีมได้อย่างทันท่วงทีทำเอาเทพเสียดายเล็กน้อยที่จังหวะจู่โจมนี้พลาดเป้าไป ปีกขวาของทีมสีน้ำเงินกระชากขึ้นมาทางริมเส้นและด่านแรกที่มันต้องเผชิญก็คือนัทซึ่งประจำการทางฝั่งนี้อยู่ นัทไม่รีบร้อนเข้าปะทะแต่ยืนดักทางอยู่โดยบังไม่ให้กระชากออกทางขวาเพราะสังเกตตั้งแต่ตอนจับบอลแล้วว่าเจ้าปีกขวาคนนี้ถนัดเท้าขวาข้างเดียวแน่ๆ แต่ด้วยความที่เจ้านี่ไม่ได้เป็นคนหวงบอลแต่อย่างใด เขาถ่ายบอลคืนให้กับดัสกรอย่างง่ายๆ ทำให้นัทเสียดายเล็กน้อยที่ไม่ได้ดวลกันตัวต่อตัวอย่างที่มันชื่นชอบ เพียงชั่วเสี้ยววินาทีที่เกมของทีมสีแดงคลายตัวลง ดัสกรก็อาศัยสายตาและการวางบอลที่ชาญฉลาด วางบอลข้ามหัวกองหลังฝั่งขวาของคู่ต่อสู้ไปสู่พื้นที่สุดท้ายของทีมเรา และที่นั่นจักรพันธ์ฉีกตัวออกมาจากโซนรับเพื่อมารับบอลลูกนี้อย่างรู้ใจกันในทันที และเนื่องจากกองหลังฝั่งขวาของเราหลุดตำแหน่งไปแล้วนั่นทำให้คนที่จักรพันธ์กำลังลากจี้เข้าหาอยู่นั้นคือกองหลังตัวกลางของทีมสีแดงอีกคนที่เล่นคู่กับโยนั่นเอง และด้วยจังหวะการข้ามบอลหลอกเพียงแค่ครั้งเดียว จักรพันธ์ก็สามารถกระชากหลุดกองหลังไปถึงเส้นหลังได้โดยง่ายดายราวกับฉีกกระดาษ โยไม่พรวดเข้ามาเพราะหน้าประตูยังมีชาคริตที่ยืนรอบอลอยู่ อีกทั้งเพื่อนๆยังตามลงมาไม่ทัน จักรพันธ์ตัดสินใจกระชากขนานเส้นหลังเข้าไปบีบให้โยต้องเข้ามาปิดมุมอย่างรวดเร็ว ทำให้เค้าไม่สามารถจะผ่านบอลมาให้ชาคริตทำสกอร์ได้ แต่จักรพันธ์ก็มีทางเลือกที่ดีกว่านั้น เพราะหน้าเขตโทษตอนนี้ ดัสกรเติมขึ้นมาถึงหน้าเขตโทษแล้ว จักรพันธ์จ่ายย้อนมาหน้าเขตโทษให้กับดัสกร เจ้าหนุ่มน้อยแตะบอลเข้าขวาข้างถนัดแล้วตั้งท่าบรรจงยิงเพื่อที่จะส่งบอลเสียบสามเหลี่ยมเสาสองตามที่ตั้งใจไว้ แต่ทันใดนั้นเอง เทพที่ตามลงมาตั้งแต่แดนคู่ต่อสู้ก็ขโมยบอลจากด้านหลังไปในชนิดที่ดัสกรไม่ทันรู้ตัว มันฉุนเฉียวเพื่อนร่วมทีมทันทีที่ไม่มีใครบอกมันว่าข้างหลังมันมีเทพตามมาด้วย แต่เทพไม่รอให้เวลาผ่านไปอย่างไร้ประโยชน์ มันโชว์สเต็ปถนัดไขว้หลอกด้วยเท้าขวาก่อนใช้เท้าซ้ายแตะออกข้างซ้ายของตัวเองเพื่อหลบกองกลางตัวรับของคู่ต่อสู้ที่เข้ามาเพื่อตัดเกม ก่อนจะกระชากบอลผ่านกึ่งกลางของแดนตัวเองขึ้นมา กองหลังของคู่ต่อสู้ยังอยู่ครบทั้ง 4 คน อีกทั้งปีกขวาก็ยังอยู่ในแดนตัวเอง แต่เทพคิดว่าสถานการณ์นี้ทีมของตัวเองน่าจะได้เปรียบเพราะนัทได้เติมขึ้นมาทางปีกซ้ายแล้ว เทพยังคงกระชากผ่านเส้นกลางสนามเข้ามาในแดนของคู่ต่อสู้อย่างรวดเร็ว ความเร็วในการไปกับบอลของมันแทบจะไม่เป็นรองใครในหมู่พวกเราหรือจะพูดได้ว่าไม่เป็นรองใครในหมู่นักเตะเยาวชนเลยก็ว่าได้ ระหว่างที่มันกำลังกระชากขึ้นมานั้น เหล่ากองกลางของทีมสีน้ำเงินก็วิ่งควบกลับมาเพื่อไล่ล่าบอลคืนไปอีกครั้ง เทพเห็นแล้วว่าไม่ควรเสี่ยงใดๆจึงขวางบอลออกมาทางซ้ายให้กับนัทเพราะเห็นว่าการเจาะทางริมเส้นน่าจะเป็นงานที่ง่ายกว่าเพราะตรงกลางยังมีสองกองหลังตัวเก่งยืนดักรอสกัดอยู่อย่างหนาแน่น ปีกขวาของคู่ต่อสู้ที่ยืนประกบนัทอยู่โถมเข้าเสียบสกัดใส่นัทแทบจะในจังหวะเดียวกับที่บอลมาถึงเลยทีเดียว นัทตัดสินใจโยกหลอกว่าจะเข้าไปเล่นบอลจากนั้นดึงจังหวะปล่อยให้บอลไหลผ่านการเสียบสกัดมาอย่างง่ายๆก่อนแตะบอลหนีไปราวกับว่าไม่ได้ใส่ใจการเสียบสกัดนั้นเอาเสียเลย นัทกระชากขึ้นหน้าไปอย่างได้ใจ กลิ่นหญ้า ความเร็วลมและแสงแดดในขณะนี้คือสิ่งที่นัทรู้สึกว่าคุ้นเคยเหลือเกิน และเหงื่อที่ชโลมกายอยู่ในขณะนี้มันเปรียบเสมือนน้ำทิพย์ที่คอยชโลมใจพวกเราอยู่ในทุกขณะจิตเลยทีเดียว แต่นัทมีเวลาชมธรรมชาติอยู่ได้ไม่นาน กองกลางตัวรับของคู่ต่อสู้ก็มาถึง นัทเหลือบมองไปทางเทพที่เข้ามารองบอลก็เห็นว่าดัสกรเองก็มายืนอยู่ใกล้ๆเทพแล้ว เพราะฉะนั้นมันจึงเลือกที่จะใช้ความสามารถเฉพาะตัวแหวกเข้าไป เมื่อมันเริ่มกระชากเจ้ากองกลางตัวรับทีมสีน้ำเงินก็เข้ามาประกบทันที นัทเลือกใช้การตบบอลเข้าในด้วยเท้าซ้าย อ้อมหลังตัวสกัดเข้ามาในแบบที่โรแบร์โต คาร์ลอสชอบใช้อยู่เป็นประจำเวลาที่ควบบอลขึ้นมาริมเส้นอย่างรวดเร็วแล้วมีตัวประกบตามเข้ามาประชิด ด้วยความเร็วของนัทที่ใช้ท่านี้ทำให้เจ้าหนุ่มที่เข้ามาประกบถึงกับลื่นล้มก้นจ้ำเบ้าเพราะตัวเองต้องการจะกลับตัวด้วยความเร็วสูงเพื่อเข้ามาแย่งบอลนั่นเอง นัทกระชากเข้าในเพื่อไปเผชิญหน้ากับสองกองหลังตัวเก่ง พร้อมทั้งมีกองหน้าของทีมสีแดงอีกสองคนคอยวิ่งทำทางให้เป็นอย่างดี นัทเลี้ยงจี้เข้าไปตรงกลางเรื่อยๆอย่างรออะไรบางอย่าง และแล้วเมื่อเจ้าธฤติโดดเข้ามาขวางหน้าเป็นคนแรก นัทเลือกที่จะฝากบอลให้กับกองหน้า ส่วนตัวเองก็วิ่งทำทางเพื่อแสดงให้เพื่อนเห็นว่าต้องการให้ชิ่งหนึ่งสองมาในจังหวะแรกนี้เลย เจ้ากองหน้าตัดสินใจไม่ชิ่งกลับมาแต่เลือกที่จะดึงบอลเข้าเท้าขวาหวังสร้างผลงานให้เข้าตาโค้ชในจังหวะนี้ แต่ไม่ทันจะได้ง้างสับไกเจ้าธฤติก็เข้ามาประชิดเร็วราวกับว่ารู้ถึงการตัดสินใจในจังหวะนี้ของคู่ต่อสู้ แต่แล้วเทพก็ทำให้เพื่อนมีทางเลือกมากขึ้นด้วยการวิ่งอ้อมหลังไปทางฝั่งขวาเพื่อเปิดพื้นที่ให้กับเพื่อน เจ้าหนุ่มกองหน้าตัดสินใจจ่ายบอลให้เทพในจังหวะที่เหมาะสมเลยทีเดียว แต่ด้วยการจ่ายบอลที่อ่านออกง่ายเกินไปครั้งนี้นี่เอง ทำให้เจ้าปรัชญ์สกัดตัดบอลไปได้ก่อนที่บอลจะเข้าเท้าเทพ ทางบอลของปรัชญ์เองเป็นที่เรื่องลือในหมู่บอลนักเรียนอยู่แล้ว เขาถนัดที่จะเป็นคนรอดักบอลมากกว่าที่จะเข้าปะทะเป็นคนแรกและในคราวนี้เขาก็แสดงให้เราเห็นกันอีกครั้ง ปรัชญ์ฝากบอลให้กับดัสกรที่มารอรับบอลอยู่หน้าเขตโทษอย่างรู้จังหวะ เขาแสดงให้เห็นถึงความสามารถอันเหนือชั้นอีกครั้งด้วยการพลิกบอลและวางบอลยาวมาให้ชาคริตทางริมเส้นฝั่งซ้ายก่อนที่เจ้าชาคริตจะเอาบอลลงอย่างนิ่มนวลก่อนเงยหน้ามองสถานการณ์ตรงหน้า ขณะนี้แนวรับทีมสีแดงของโยนั้นดันขึ้นมาสูงเกินไปจนเปิดพื้นที่ด้านหลังว่างจนเกิดไปอย่างเห็นได้ชัด โยเองเลือกที่จะใช้แผนล้ำหน้าเพื่อจัดการกับปัญหานี้ในทันท่วงที แต่การเช็คล้ำหน้านั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือความเข้าใจซึ่งกันและกันในจังหวะการดันขึ้นเช็คของกองหลังทั้งแผงซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ง่ายๆในการคัดนักฟุตบอลที่มาจากคนละทิศละทางอย่างนี้ โยจึงตัดสินใจถอนตัวเองถอยลงมารอดักบอลหลังจากเห็นการเคลื่อนที่อันไม่สัมพันธ์กันของเพื่อนๆกองหลังที่น่ากลัวจะเสียประตูเป็นอย่างยิ่ง แต่แล้วในจังหวะนั้นเองชาคริตตัดสินใจแทงบอลทะลุช่องให้กับจักรพันธ์ที่วิ่งสอดแนวรับเข้ามาในจังหวะพอเหมาะพอดี และนั่นเองทำให้ผู้กำกับเส้นไม่ได้ยกธงในจังหวะนี้ จักรพันธ์ควบตะบึงเข้าหาเขตโทษอย่างได้ใจ แต่มันเองก็ไม่ได้กระหยิ่มยิ้มย่องมากนักเพราะรู้ฝีเท้าของโยดีอยู่เช่นกัน หน้าเขตโทษตอนนี้มีเพียงโยและนายทวารเท่านั้นที่รอต้อนรับกองหน้าดาวรุ่งผู้นี้อยู่ แต่แล้วชาคริตก็วิ่งเติมขึ้นมาทางขวาอีกครั้งทำให้สถานการณ์ตอนนี้โยเป็นรองเสียแล้ว ความตั้งใจของจักรพันธ์คือการพาบอลเข้าไปเพื่อบีบให้โยเข้ามาแย่งบอลก่อนหาจังหวะที่ดีที่สุดปล่อยบอลไปให้ชาคริตจัดการกับนายทวารคู่ต่อสู้ โยรู้ทางเป็นอย่างดีว่ากองหน้าคู่แข่งกำลังรอจังหวะอะไรอยู่แต่ด้วยสถานการณ์บีบคั้นทำให้มันไม่สามารถที่จะพรวดพราดเข้ามาสกัดคู่ต่อสู้ได้ โยยืนปิดมุมในจุดที่คิดว่าดีที่สุดที่จะรับมือกับคู่ต่อสู้สองคนได้ จักรพันธ์เองก็รอจังหวะนั้นอย่างจดจ่อ ก่อนที่จะเลือกที่จะกระชากไปให้สุดเส้นเพื่อดึงให้โยตามเข้าไปสกัด โยตามเข้าไปหมายจะขย้ำให้อยู่ในการเข้าสกัดเพียงครั้งเดียว แต่เจ้าหนุ่มกองหน้าก็มีทักษะที่ดีพอที่จะหยุดบอลไว้หมายจะดวลตัวต่อตัวกับโยอีกครั้งทั้งๆที่บอลอยู่แทบจะติดกับเส้นหลังแล้วทีเดียว จักรพันธ์สับขาหลอกอย่างคล่องแคล่วเพื่อหลอกโยให้เสียจังหวะการยืน แต่การหลอกแบบนี้นั้นสามารถใช้ได้กับกองหลังคนอื่นเท่านั้น ไม่ใช่โย โยสาวเท้าเข้าไปอย่างรวดเร็วพร้อมดึงบอลกลับมาในครอบครองชนิดที่กองหน้าแทบจะไม่ทันรู้ตัว จากนั้นมันตัดสินใจพาบอลขึ้นมาแหวกทั้งชาคริตและดัสกรที่หมายจะเข้ามาสกัดแต่ว่าทั้งสองคนนั้นก็ช้าจนเกินไปที่จะมาสกัดบอลโยได้ในจังหวะนี้ โยควบตะบึงขึ้นมาราวกับอัดอั้นมานาน มันไม่สนใจการเรียกบอลของใครทั้งสิ้นแม้กระทั่งเทพและนัท สองคนก็แล้วสามคนก็แล้วที่พยายามเข้ามาสกัดแต่ไม่มีใครต่อต้านความแข็งแกร่งในการครองบอลของมันได้เลย และเมื่อมาถึงระยะ 40 หลาก่อนถึงประตูคู่ต่อสู้ มันก็ตัดสินใจยิงอย่างสุดแรง

หน้าร้อนปีนี้มีอุณหภูมิที่สูงพอที่จะทำให้เด็กๆทุกคนที่ยืนรอฟังผลการตัดสินใจของโค้ชอยู่นี้เหงื่อไหลอาบเสื้อกันไม่หยุดทั้งๆที่การแข่งขันจบลงราว 1 ชั่วโมงแล้ว ผมไม่รู้ว่าเหงื่อที่ไหลออกมานั้นมาจากอากาศหรือความตื่นเต้นภายในตัวของพวกเขากันแน่ ผลกันแข่งขันทีมสีแดงเอาชนะไปได้ 2 – 1 โดยทีมสีแดงได้ประตูจากเทพและนัทที่ผลัดกันยิงผลัดกันจ่ายคนละลูก และสีน้ำเงินได้ประตูจากชาคริตที่ได้บอลจากการจ่ายของดัสกรนั่นเอง โยเองเสียดายเป็นอย่างมากที่ลูกยิง 40 หลาของมันชนคานดังสนั่น แต่เพื่อนๆคิดว่านั่นก็เพียงพอแล้วที่จะโชว์ฟอร์มให้เข้าตาโค้ชเพื่อให้ตัวมันได้เป็น 1 ใน 5 ที่จะเข้าเป็นเยาวชนของบีอีซีต่อไป การต่อสู้เมื่อคู่เป็นไปอย่างถึงพริกถึงขิง ทั้งสองทีมต่างกำความหวังและความฝันของตัวเองเข้าห้ำหั่นกันอย่างเต็มที่ ทุกคนทำราวกับว่านี่คือโอกาสครั้งสุดท้ายที่พระเจ้าประทานมาให้พวกเขา และแล้วในขณะนี้ชายผู้ที่กุมชะตาของพวกเขาไว้ก็กำลังจะประกาศรายชื่อ 5 คนสุดท้าย “ฟังให้ดีๆนะ นี่คือรายชื่อของทั้ง 5 คนที่โค้ชคัดเลือกมา ใครไม่ติดไม่ต้องเสียใจปีหน้ามาใหม่ได้ หรือว่าจะไปคัดที่อื่นต่อไปก็ได้ อย่าทิ้งความฝันของตัวเองง่ายๆ จำคำโค้ชไว้ เอาล่ะ ฟังให้ดีนะ ดัสกร ปรัชญ์ ภวัต(โย) พรเทพ(เทพ) จักรพันธุ์ ที่เหลือขอให้โชคดีในคราวหน้านะ” หลังสิ้นเสียงโค้ช ฟ้าของทั้งสามคนแทบจะถล่มลงตรงหน้าเพราะในโผรายชื่อนั้น มันไม่มีชื่อนัท

“มันเกิดอะไรขึ้นวะนี่ ทำไมนัทไม่ติดวะ” โยพูด “มันก็ได้บอลพอๆกับกูนะ แล้วก็กระชากหลบได้แทบจะตลอด” เทพพูด “หรือว่าโค้ชบีอีซีไม่ชอบปีกธรรมชาติวะ” โยพูด “ไม่เป็นไร กูเองดีใจกับพวกมึงด้วย เดี๋ยวกูลองไปคัดที่อื่นก็ได้” นัทพูด “มึงอย่าท้อนะ ถ้าเราพยายามเราต้องทำได้สิวะ” เทพให้กำลังใจเพื่อน “เออกูจะพยายาม” นัทตอบอย่างปลงตก สิ้นเสียงคุยกันของทั้งสามคน โค้ชก็พูดขึ้นอีกครั้งว่า “เดี๋ยวโค้ชมาสักครู่นะ สต๊าฟโค้ชชุดใหญ่เค้าเรียกไปคุย” “ครับ” เด็กทั้ง 22 คนตอบเป็นเสียงเดียวกัน นัท เทพ โย นั่งก้มหน้าเงียบโดยไม่มีใครปลอบใจใครแต่อย่างใด คนที่ติดเองก็ไม่ได้ดีใจอย่างเต็มที่เพราะรู้ดีว่าขณะนี้เพื่อนมีอารมณ์แบบไหน แต่แล้วเสียงของโค้ชก็ปลุกทุกคนให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง “อย่างที่ทุกคนรู้นะ บีอีซีเรามีโครงการเป็นพันธมิตรกับสโมสรต่างประเทศด้วย และตอนนี้ทางอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัมแห่งฮอลแลนด์ก็ได้เปิดโอกาสให้เราส่งนักเตะไปทดสอบฝีเท้ากับเค้าได้ 1 คน และคนที่พวกเราลงความเห็นกันแล้วว่าสมควรได้รับสิทธิ์นี้ นั่นก็คือ” โค้ชเว้นระยะไว้สักครู่ พร้อมทั้งมองมาที่กลุ่มของพวกเรา “ณัฐวุฒิ ปีกธรรมชาติคนเดียวที่ทางเราเห็นว่าเหมาะสมกับความต้องการของอาแจ๊กซ์ในคราวนี้” สิ้นเสียงบอกเล่าของโค้ช โลกทั้งใบของนัทก็แทบจะเปลี่ยนเป็นสีส้มไปในทันที ฮอลแลนด์คือทุกอย่างในชีวิตของมันมาตั้งแต่เด็กๆ โททั่ลฟุตบอลที่เน้นเกมรุกฉูดฉาดคือสไตล์ฟุตบอลที่มันพยายามเดินตามมาตั้งแต่จำความได้ ดินแดนกังหันลมที่มันเคยทำได้เพียงดูภาพในหนังสือหรือดูโทรทัศน์รายการท่องเที่ยว แต่ตอนนี้ดินแดนแห่งนั้นกำลังร้องเรียกหามันอยู่ และแน่นอนเสียงหัวใจของมันก็ตอบกลับไปแทบจะในวินาทีเดียวกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น