วันจันทร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

วันปีใหม่

วันปีใหม่ปีใหม่ปีนี้มีความรู้สึกแปลกๆเกิด ขึ้น ในคืนวันที่ 31 ต้องทำงานตั้งแต่บ่ายสามจนถึงเจ็ดโมงเช้าของวันที่ 1 มกราคม ได้นับ countdown ที่ออฟฟิศอีกครั้งตั้งแต่ทำงานมาช่วงเวลาปีใหม่มา 4 ครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่ต้องอยู่ออฟฟิศ นั่งทรมานเพราะความง่วงตั้งแต่ช่วงตีหนึ่งจนถึงเช้า ตอบตัวเองไม่ได้ว่าทำไมต้องมานั่งทรมานอยู่ที่นี่ในขณะที่เพื่อนๆ นอนคุยกับหมอนนุ่มๆหรือดูพลุ ดูไฟ กับคนที่รัก

เมื่ออยากรู้ก็ต้องหาคำตอบ จึงได้พยายามหาคำตอบว่าทำไมเราต้องมาอยู่ตรงนี้ สุดท้ายก็ได้ข้อสรุปตอนที่เปิดดู slip online รวมรายได้ก่อนหัก 43,xxx ไม่ธรรมดานะ ทำงานมาสามปีครึ่งรายรับขนาดนี้ นี่สินะเหตุผลที่ต้องมานั่งทรมานอยู่ ตอนแรกๆก็กระหยิ่มยิ้มย่องว่าตัวเองเก่ง ทำรายรับได้ขนาดนี้ คิดไปคิดมาอีกทีนี่มันไม่ได้ใช้สมองเลยนะ สมองเราเองเค้าให้แค่ประมาณ 23,xxx ส่วนอีก 20,000 มันมาจากร่างกาย ใช้ร่างการทรมาน
แลกเงินมา อย่างนี้เรียกว่าผู้ใช้แรงงานหรือเปล่านะ

ไม่รู้ว่าทุกวันนี้ เราร่นวันตายของตัวเองเข้ามากี่ปีแล้วนะ เอาเงินไปซื้อคืนได้หรือเปล่าหว่า ว่าแต่ว่าถ้าเราไม่ทรมานแบบนี้ แล้วส่วนต่าง 20,000 เราใช้สมองหามันเพิ่มได้หรือเปล่านะ ถ้าสมองเราหาเงินเดือนละ 20,000 ไม่ได้ เสียดายเงินที่พ่อแม่ส่งเรียนชะมัด ว่างั้นไหม ปีนี้ถึงเวลาแล้วที่จะก้าวออกมาใช้สมองของตัวเองอย่างเต็มที่ ก้าวเดินออกมาจากวงเวียนของ OT ที่ดึงพลังชีวิตและพลังสมองของเราไปมากมายเหลือเกิน ทำให้ทุกๆวันนึกถึงแต่เรื่องพักผ่อน ไม่สามารถเอาสมองไปทำอย่างอื่นได้เลยเชียว

ว่ากันถึงความแปลกของความรู้สึกอีกเรื่องในเย็นวันที่ 1 มกรา ได้กลับมาพักผ่อนที่บ้าน พ่อกับแม่เปิดไฟสีต่างๆ ที่ติดไว้ตั้งแต่วันเกิดพ่อเมื่อเดือนธันวา สวยมาก ไฟสีต่างๆตัดกับความมืดมิดของบ้านชานเมือง ความงามไม่ต่างจากร้านอาหารเลื่องชื่อเลยทีเดียว แต่อาหารที่นี่อร่อยกว่ากันมากนะ เพราะแม่ใส่ความรัก ความคิดถึง ไว้เต็มจานอาหารเลยทีเดียว

กลับมาคราวนี้พ่อกับแม่เล่าเรื่องอาการเจ็บป่วยของญาติๆ และการล้มตายของคนรู้จัก รวมทั้งความล้มเหลวของครอบครัวอื่นๆทำให้เราได้รู้ว่าการพ่อแม่เราแข็งแรง ได้ในวัยเท่านี้ นั่นก็ทำให้เรามีความสุขมากๆแล้วนะ กลับกัน การที่เราเรียนจบมีงานการดีๆทำ แค่นี้พ่อกับแม่ก็มีความสุขมากๆแล้วนะ แต่ถึงแม้ว่าเราจะคิดถึงกันขนาดไหน ในตอนนี้เราก็ไม่สามารถจะกลับไปอยู่ที่บ้านได้ เพราะเรากำลังจะออกไปใช้ชีวิต ไปสร้างอนาคต ไปต่อสู้ด้วยตัวเองดูบ้าง แต่ยังไงหวังว่าพ่อและแม่จะเก็บความเป็นห่วงและคิดถึง เป็นพลังที่จะคอยติดตามดูความสำเร็จของลูกนะ ส่วนเราก็คงนำพลังส่วนนี้ไปใช้ ให้เป็นประโยชน์เช่นกัน ในส่วนของปีนี้นอกจากการงานที่เราจะเปลี่ยนเพื่อให้ สุขภาพดีขึ้นแล้ว พอได้สมองกลับมา เราก็จะใช้อย่างเต็มที่ด้วยการเดินหน้าในโปรเจ็คหารายได้ต่างๆ รวมทั้งสละเวลาตามฝันต่างๆของตัวเองด้วย เป็นกำลังใจให้กันนะ

1 ความคิดเห็น: